[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 พฤษภาคม 2567 23:54:56 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำให้ความทุกข์กลัวเรา  (อ่าน 1505 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sati
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 7
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 169


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 23 ธันวาคม 2553 08:39:08 »


หนูดี-วนิษาถ่ายทอดความคิดที่ตกผลึก ถึงการใช้ประโยชน์และควบคุมอำนาจ หลังจากเข้าร่วมงานภาวนา "ศิลปะของอำนาจ" นำโดยหลวงปู่ติช นัท ฮันห์

หนูดีมาอยู่ที่ภูเขางาม รีสอร์ท จังหวัดนครนายก เพื่อร่วมงานภาวนา "ศิลปะของอำนาจ" นำโดยท่านเจ้าอาวาสวัดพลัม ประเทศฝรั่งเศส หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ชาวเวียดนามวัยกว่า 80 ปี

 งานภาวนาครั้งนี้ เน้นผู้เข้าร่วมที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้บริหารเท่านั้น เพราะเรื่องราวที่พูดเกี่ยวข้องกับการดูแล "อำนาจ" แต่เมื่อมองไปที่รายละเอียดอย่างลึกซึ้งแล้ว หนูดีพบว่า นี่เป็นเรื่องราวที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ แม้ว่าจะไม่ใช่นักธุรกิจก็ตาม

 "อำนาจ" ในความหมายของหลวงปู่และความหมายของศาสนาพุทธ ก็คือ เรื่องของ "พละ 5" หรือ กำลังทั้งห้า ที่ประกอบด้วย อำนาจแห่งศรัทธา อำนาจแห่งความเพียร อำนาจแห่งสติ อำนาจแห่งสมาธิและอำนาจแห่งความเห็นแจ้ง เมื่อเรามีสิ่งเหล่านี้ครบ ก็เท่ากับว่าเรามีพลังและอำนาจ อำนาจเหล่านี้จะไม่ทำให้ใครทุกข์ ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้เรามีความสุขได้อย่างมากและอย่างลึกซึ้ง

 เช้าวันแรก เราพูดคุยกันถึงอำนาจที่เป็นพื้นฐานของความสุข คือ "มหาปัญญา" ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่มาก แต่หลวงปู่บอกว่า มหาปัญญาก็แปลได้ง่ายๆ ว่า "ความเข้าใจ" แต่เราจะเข้าใจเรื่องอะไรกันดี ในเมื่อโลกนี้มีเรื่องให้ทำความเข้าใจมากมาย ท่านบอกว่า เรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจนั้น ก็คือ ความทุกข์ของเราเอง เมื่อทำความเข้าใจถึงก้นบึ้งของความทุกข์ได้ นั่นก็คือ การเกิดขึ้นแล้วของมหาปัญญา

 เมื่อหันกลับมามอง มาเข้าใจความทุกข์ว่ามีธรรมชาติอย่างไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร สิ่งมหัศจรรย์สองสิ่งจะเกิดขึ้น สิ่งแรกก็คือ เราจะมีความสุขมากขึ้น เพราะความทุกข์หายไป และสิ่งที่สองก็คือ สามารถอยู่ตรงนั้นได้เพื่อช่วยให้คนอีกคนหนึ่งหายทุกข์ ในสายตาหนูดีแล้ว นี่คือสาระสำคัญของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การได้ทำให้ทุกข์ของเราเบาบางจนจางหาย กับการช่วยคนอื่นๆให้ทุกข์น้อยลง ถ้าเกิดมาแล้วไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย ได้ทำแค่สิ่งนี้ หนูดีก็ถือว่าเกิดมาคุ้มแล้ว

 แต่ความทุกข์มีอยู่ทุกที่ แม้แต่คนที่มีชีวิตสมบูรณ์ที่สุดแล้ว หนูดีคิดว่าความทุกข์มันเป็นของ Built-in หรือ สร้างมาคู่กับความเป็นมนุษย์ เช่น อย่างน้อยเราก็ต้องหิว ง่วง เหนื่อย ปวดเมื่อย ขี้เกียจ เจ็บป่วย คือ ต่อให้เรามีชีวิตสุดยอดเพียงไหน แต่ความทุกข์ก็เหมือนจะรอเราอยู่ที่มุมตึกข้างหน้าเสมอ ในเมื่อหนีไม่ได้ ก็ป่วยการจะหนีค่ะ สู้กันแบบแมนๆ เลยดีกว่า

 หนูดีพบสิ่งหนึ่งที่แปลกประหลาดมากหลังจากปฏิบัติธรรมก็คือ พอเราตั้งใจดูความทุกข์แบบเอาจริงเอาจัง ไม่เลี่ยงไม่หลบอีกต่อไป กลับพบว่า ความทุกข์เกิดขึ้นยากมาก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน อะไรนิดอะไรหน่อยก็ทำให้รำคาญไปจนถึงขั้นทุกข์ได้

 หนูดีเลยมีทฤษฎีเล็กๆ ส่วนตัวว่า "เมื่อเราไม่กลัวความทุกข์ ความทุกข์ก็เลยกลัวเราเสียเอง" เพราะเมื่อก่อนเราวิ่งหาความสุข เรียนให้ดีก็เพราะอยากมีความสุข แต่พอสอบได้คะแนนต่ำ คราวนี้ทุกข์แบบเต็มๆ หนูดีมาสังเกตตัวเองเมื่อก่อน เหมือนเป็นลูกโป่ง คือ เวลามีความสุขก็เหมือนเป่าลมเข้าไปเต็มที่ ลอยล่องอยู่บนฟ้า เหมือนอยู่เหนือความทุกข์ทั้งหมด แต่พลิกแค่นาทีเดียว เอาวัตถุแห่งความสุขของหนูดีออกไป ก็พร้อมจะพลิกกลับไปอยู่อีกขั้ว คือ ทุกข์มหาศาลได้ทันที

 หนูดีนับว่าโชคดีที่เกิดมาเป็นคนพุทธ และเมื่อได้ลองปฏิบัติแบบตั้งใจจริงไม่กี่ปีเท่านั้นเอง โดยเอา "หัวใจ" ของตัวเองเป็นเครื่องมือทำการทดลอง เฝ้าตามดูความทุกข์และความสุข แล้วก็บอกตัวเองว่า พอเสียทีกับอาการสุขมากทุกข์มาก เพราะตามไม่ทัน เดี๋ยวจะหัวใจวายตายไปเสียก่อน

 เมื่อเริ่มมาพิจารณาความทุกข์ของตัวเอง พบว่า จริงๆ แล้วความสุขแอบอยู่ข้างๆ ความทุกข์นั่นเอง ขณะเดียวกัน ความทุกข์ก็แอบอยู่ข้างๆ ความสุขนั่นเอง มันเป็นสองด้านของเหรียญ

 เมื่อเรามีความทุกข์ เช่น ความโกรธ พระพุทธเจ้าไม่แนะนำให้เก็บกดอารมณ์นั้นไว้ และไม่แนะนำให้ระเบิดอารมณ์นั้นออกไป  ท่านแนะนำให้เราหันไปมองอารมณ์นั้นโดยปราศจากความกลัว ซึ่งหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ แนะนำให้เรา "โอบกอดความโกรธ" นั้นไว้ เป็นคำที่เห็นภาพและน่าทำตามที่สุด คือ สมมติว่า ความโกรธเป็นลูกตัวเล็กๆ ที่กำลังร้องไห้จ้า และเราเป็นแม่ที่เต็มไปด้วยความรัก ให้เอาพลังความรักเข้าไปโอบกอดจนความโกรธนั้นหยุด ซึ่งเท่าที่หนูดีลองทำ ได้ผลทุกครั้ง 100%

อีกอำนาจที่พูดถึงคือ "อำนาจแห่งความรัก" เพราะว่าความรักจะทำให้เราเป็นอิสระอย่างแท้จริง เมื่อมองความโกรธของตัวเองด้วยความรัก ความเมตตา ความโกรธจะจางหาย แต่เมื่อมองคนอื่นที่ทำให้เราโกรธด้วยรักเมตตา ความโกรธที่เรามีต่อเขาก็จะเริ่มจาง

 คนเราถ้าไม่ทุกข์ ก็ทำให้คนอื่นทุกข์ไม่ได้ หลวงปู่บอกว่า ใครทำให้เราทุกข์ ให้แค้นใจ แปลว่าคนนั้นเขาทุกข์อยู่ เขาเป็นเหยื่อความทุกข์ของเขา และเราก็เป็นเหยื่อความทุกข์ของเขาเช่นกัน แต่ถ้าเปลี่ยนตัวเองจาก "ผู้ถูกกระทำ" มาเป็น "ผู้เยียวยา"  เราก็จะพ้นทุกข์ และช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ได้ด้วยในขณะเดียวกัน

 นี่ละค่ะ "อำนาจที่แท้จริง" ในความหมายของศาสนาพุทธ


ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

โปรดงดแสดงความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ ขาดเมตตาธรรม ส่อเสียด ดูหมิ่น สร้างความแตกแยกให้แก่สังคมหรือกระทบกระทั่งต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพ กระทบต่อความมั่นคงของชาติ และขัดต่อกฎหมาย....และอย่าลืมว่าเราเป็นคนไทย โปรดใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องด้วยยนะคะ....
คำค้น: วนิษา เรซ ศาสนาพุทธ  ติช นัท ฮันห์  
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.256 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 10:14:55