[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 เมษายน 2567 22:22:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านเข้าใจเรื่อง อนัตตาธรรม หรือ สุญญตาธรรม หรือยัง?  (อ่าน 3924 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 29 ธันวาคม 2553 19:58:20 »

ท่านเข้าใจเรื่อง อนัตตาธรรม หรือ สุญญตาธรรม หรือยัง?
 
อนัตตาธรรม หรือ สุญญตาธรรม ก็เป็นธรรมอันลุ่มลึกที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพบ และนำมาสอน

1. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนไม่มั่นคงและถึงทั่วแล้วซึ่งสักกายะ คือความทุกข์" ดังนี้"

พวกเราก็คือ จิต(สังขาร)ที่ทำให้เกิดขันธ์ 5 ในมนุษย์และสัตว์ และพวกเทพพรหมเปรต ฯลฯ ที่มีขันธ์ 4, 3, 2,1 แล้วแต่ภพภูมิที่เขาอยู่ และสถานะที่เขาเป็น (ยกเว้นพระนิพพาน)
 
2. ทุกสรรพสิ่งและสรรพชีวิต ต้นไม้ น้ำ .... สัตว์ ... เทวดา ... มาร ... พรหมในชั้นโลกีย์ทุกชั้น ...ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นอนัตตา ที่ไม่เที่ยง และเป็นทุกข์ มีสภาพเป็นอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แต่นิพพานเป็นสภาวะที่ต่างออกไป คือ มันเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ และไม่เป็นอนิจจัง พระพุทธองค์ทรงตรัสเรียกอนัตตา ที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ และไม่เป็นอนิจจัง ว่า "อัตตา"

3. ด้วยเหตุนี้ จากข้อ 1 และ 2 ในความว่างที่เป็นสุญญตา จึงแบ่งเป็น

(1.) ความว่างที่ไม่เที่ยง และเป็นทุกข์ มีสภาพเป็นอนิจจัง คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป = อนัตตา

(2.) ความว่างที่เที่ยง และไม่เป็นทุกข์ ไม่มีสภาพเป็นอนิจจัง คือ ไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ และไม่ดับไป = อัตตา

พระเทพสิทธิมุนี (พระอาจารย์โชฎก ญาณสิทธิ)

" พระอรหันต์มี ความว่างจากตัวตน-ของตน โดยสิ้นเชิง มีอิสระเหนือทุกอย่าง ที่เรียกว่า "ว่าง" นี้ คือไม่ใช่ว่างชนิดที่เขาพูดกันว่า เช่นว่า จิตนึกคิดอะไรไม่ได้ กายก็แข็งทื่อเป็นท่อนไม้ แต่ที่ถูกนั้น เป็นความว่างจากกิเลส ว่างที่เฉลียวฉลาดที่สุด

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

" สูญในพระนิพพานมีขอบเขต สูญจากกิเลสเท่านั้น รสของพระนิพพานมีอยู่ พระนิพพาน ไม่เกิดไม่ดับไปไหน เป็นอนัตตาธรรม เราจะเอาพระนิพพานมาเป็นอนัตตา เหมือนขันธ์ ๕ และกิเลสทั้งหลายมันก็ไม่ถูก เรียกว่าแยกอนัตตาธรรมไม่ถูก"

สรุป

อนัตตาธรรม หรือ สุญญตาธรรม เป็นความว่าง ความว่างมี 2 แบบ

 1. ความว่าง ที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มูลเหตุของการเกิดมาจากอวิชชาและกิเลส

2. ความว่าง ที่เป็นนิจจัง สุขขัง อัตตา(อนัตตาที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่เป็นอนิจจัง) เป็นผลมาจาก จิตว่างจากกิเลส หรือ จิตสูญจากกิเลส

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 01:00:19 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

แถไปอีก ..

เอาพระอภิธรรม มาไล่เดียรถีย์ต่อ

   

เอาพระอภิธรรม ...มาให้อ่านอีกรอบ
จะได้เห็นชัดๆ ว่า ...

โมฆะบุรุษ ....บิดเบือนพระธรรม ว่านิพพาน เป็นอัตตา 
แย้งพระอธิธรรม ...
แถมแอบอ้าง เชิดชูศาสนาอื่น นิกายอิ่น มาแถตอบมั่วๆ
อันเป็น ...วาทะของเหล่าเดียรถีย์ และปริพาชก

ล้มละลาย ความน่าเชื่อถือเสียแล้ว
ความประสงค์ ที่แฝงมา เพื่อทำลายพระศาสนาเถรวาท
ดั่งปนิธาน ที่คุณพลศักดิ์ ได้กล่าวย้ำเสมอๆ
ว่ามาเพื่อทำลายพระศาสนา

ของให้รู้ว่า ...ความพยายามของคุณ...
เป็นหมัน ...เสียแล้ว

   
 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

สภาพของนิพพาน

พระอภิธรรม
ปริจเฉทที่ ๖ รูปสังคหวิภาค    หน้าที่ : 84

เมื่อกล่าวโดยสามัญญลักษณะสภาพของนิพพานมีเพียง ๑ คือ อนัตตลักษณะ เพราะนิพพานเป็นสิ่งที่ว่างเปล่า ปราศจากตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่มีการเกิดแก่ เจ็บ ตาย ใด ๆ ทั้งสิ้น
      แต่นิพพาน ไม่มีอนิจจลักษณะ เพราะนิพพานเป็นสิ่งที่เที่ยง มั่นคง ยั่งยืน ไม่แปรผัน และนิพพาน ไม่มีทุกขลักษณะ เพราะนิพพานเป็นสิ่งที่ทนอยู่ได้ ด้วยว่า ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ และด้วยเหตุที่นิพพานเป็นสิ่งที่ว่างเปล่า จึงมีสภาพที่ทน อยู่ หรือดำรงคงอยู่ในสภาพที่ว่างเปล่านั้นตลอดไป ไม่มีอะไรที่จะมาปรุงแต่งให้ กลายเป็นไม่ว่างได้

       วิเสสลักษณะ ของนิพพาน มีเพียง ๓ ประการ คือ ลักษณะ รสะ ปัจจุปัฏฐาน เท่านั้น ไม่มีปทัฏฐาน

       สนฺติ ลกฺขณา                มีความสุขสงบจากเพลิงทุกข์ เป็นลักษณะ

       อจฺจุต รสา                         มีความไม่แตกดับ เป็นกิจ (สัมปัตติรส)

       อนิมิตฺต ปจฺจุปฎฺฐานา           ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย เป็นอาการปรากฏ

     นิสฺสรณ ปจฺจุปฏฺฐานา         มีความออกไปจากภพ เป็นผล

       ปทฏฺฐานํ น ลพฺภติ          ไม่มีเหตุใกล้ให้เกิด (เพราะนิพพานเป็นธรรม  ที่พ้นจากเหตุ จากปัจจัยทั้งปวง)

       สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณอันยิ่งใหญ่ พ้นแล้วจากตัณหาเครื่อง ร้อยรัด ตรัสรู้  ธรรมส่วนหนึ่ง ธรรมที่ไม่ตาย ธรรมที่เที่ยง  ธรรมที่ปัจจัยอะไร ๆ ปรุงแต่งไม่ได้ ธรรมที่ไม่มีสิ่งใดจะประเสริฐยิ่งกว่า ธรรมนั้น คือ นิพพาน

      สภาพของนิพพาน ๕ ประการ ที่กล่าวข้างต้น มีความหมายดังนี้ คือ

๑. ปทํ แปลว่า นิพพานเป็นส่วนหนึ่ง เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่เข้าถึงได้ และมีอยู่โดยเฉพาะ ไม่คลุกเคล้าด้วยโลกียธรรม

๒. อจฺจุตํ แปลว่า นิพพาน เป็นธรรมที่ไม่ตาย ไม่มีความเกิด และไม่มี ความตาย ไม่มีแตกดับ

๓. อจฺจนฺตํ แปลว่า ธรรมที่เที่ยง คือก้าวล่วงขันธ์ ๕ ที่เป็นอดีต และ อนาคต หมายความว่า เป็นธรรมที่พ้นจากกาลทั้ง ๓ ได้แก่ นิพพาน

๔. อสงฺขตํ แปลว่า นิพพาน ไม่ได้ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัย หมายความว่า นิพพานนี้ไม่ใช่ จิต เจตสิก รูป เพราะ จิต เจตสิก รูป นั้นเป็น ธรรมที่เกิดขึ้นโดยมีปัจจัยปรุงแต่ง สภาวธรรมที่ปราศจากการปรุงแต่ง ชื่อว่า อสังขตะ ได้แก่ นิพพาน

          บัญญัติ ก็เป็นอสังขตธรรมเหมือนกัน แต่ในที่นี้กล่าวเฉพาะ ธรรมที่เป็นปรมัตถ บัญญัติไม่ใช่ปรมัตถธรรม ฉะนั้นอสังขตธรรม ในที่นี้จึงหมายถึง นิพพาน แต่อย่างเดียว

๕. อนุตฺตรํ แปลว่า นิพพาน เป็นธรรมที่ประเสริฐอย่างที่ไม่มีธรรมใด ๆ จะเทียมเท่า

   


ยังมีเวลาให้โหวตครับพี่น้อง


ถ้าเชื่อพลศักดิ์  กด* 1
ถ้าเชื่อพระอภิธรรม  กด *2

บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 01:16:16 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

คุณปริพาชก พลศักดิ์ เอ๋ย
พระพุทธเจ้า บัดนี้ ไม่มีอัตตาแล้ว
หมดสิ้นกิเลสสิ้นเชิงแล้ว

พระองค์ยังทรงพระชมน์ชีพ
และก็ไมได้มีว่าง....... แบบสองมาตรฐาน ........แบบคุณปริพาชกพลศักดิ์หรอกครับ


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เราอันวัจฉโคตรปริพาชกถามว่า อัตตามีอยู่หรือ ถ้าจะพึงพยากรณ์ว่า อัตตามีอยู่ไซร้ คำพยากรณ์นั้นก็จักไปร่วมกับลัทธิของพวกสมณพราหมณ์ ผู้เป็นสัสสตทิฏฐิ

ดูก่อนอานนท์ เราอันวัจฉโคตรปริพาชกถามว่า อัตตา ไม่มีหรือ ถ้าจะพึงพยากรณ์ว่า อัตตาไม่มีไซร้ คำพยากรณ์นั้นก็จักไปร่วม กับลัทธิของพวกสมณพราหมณ์ผู้เป็นอุจเฉททิฏฐิ

ดูก่อนอานนท์ เราอัน วัจฉโคตรปริพาชกถามว่า อัตตามีอยู่หรือ ถ้าจะพึงพยากรณ์ว่า อัตตามี อยู่ไซร้ คำพยากรณ์ของเรานั้น จักอนุโลมเพื่อความบังเกิดขึ้นแห่งญาณว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาบ้างหรือหนอ.

อา. หามิได้ พระเจ้าข้า.

พ. ดูก่อนอานนท์ ถ้าหากเราอันวัจฉโคตรปริพาชกถามว่า อัตตา ไม่มีหรือ จะพึงพยากรณ์ว่า อัตตาไม่มีไซร้ คำพยากรณ์นั้นคงจักเป็นไป เพื่อความหลงงมงายแก่วัจฉโคตรปริพาชกผู้งมงายอยู่แล้ว่า เมื่อก่อนอัตตา ของเราได้มีแล้วแน่นอน บัดนี้ อัตตานั้นไม่มี ดังนี้.

จบ อานันทสูตรที่ ๑๐
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 01:24:01 »


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

แล้วก็เอาสูญตาธรรมอันบริสุทธิ์   ที่ไม่มีสองมาตรฐาน
มาให้คุณปริพาชกพลศักดิ์ ทัศนา

ความว่างนี้.... ไม่มีสองมาตรฐาน..... จำไว้


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

[๓๔๒] ดูกรอานนท์ สมณะหรือพราหมณ์ในอดีตกาลไม่ว่าพวกใดๆ ที่
บรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ทั้งหมดนั้น ก็ได้บรรลุสุญญตสมา-
*บัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดนี้เองอยู่ สมณะหรือพราหมณ์ในอนาคตกาลไม่ว่าพวก
ใดๆ ที่จะบรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ทั้งหมดนั้น ก็จัก
บรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดนี้เองอยู่ สมณะหรือพราหมณ์ในบัดนี้
ไม่ว่าพวกใดๆ ที่บรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ทั้งหมดนั้น
ย่อมบรรลุสุญญตสมาบัติอันบริสุทธิ์ เยี่ยมยอดนี้เองอยู่ ดูกรอานนท์ เพราะ
ฉะนั้นแล พวกเธอพึงศึกษาไว้อย่างนี้เถิดว่า เราจักบรรลุสุญญตสมาบัติอัน
บริสุทธิ์ เยี่ยมยอดอยู่ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ท่านพระอานนท์จึงชื่นชมยินดี
พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล ฯ


บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 01:25:23 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

แด่คุณปริพาชกพลศักดิ์ .....ที่ล้มละลายทางธรรม  ขี้ ขี้ ขี้
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2553 02:01:04 »

จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา


จิตนั้นเป็นสุญญตา หรืออนัตตาธรรม ซึ่งเป็นของว่าง

ในความว่างที่เป็นสุญญตา จิตไม่บริสุทธิ์และจิตบริสุทธิ์จะสร้างอายตนะหรือขันธ์แตกต่างกัน

(1.) อายตนะหรือขันธ์ ที่จิตซึ่งว่างเข้าไปอยู่  ถ้าเกิดจากจิตที่มีกิเลสตัณหา(จิตสังขาร)  อายตนะหรือขันธ์นั้น จะไม่เที่ยง และเป็นทุกข์ มีสภาพเป็นอนิจจัง คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป (เกิด แก่ เจ็บ ตาย) = อนัตตา

(2.) อายตนะหรือขันธ์ ที่จิตซึ่งว่างเข้าไปอยู่  ถ้าเกิดจากจิตที่ไม่มีกิเลส ไม่มีตัณหา อายตนะหรือขันธ์นั้น จะเที่ยง และไม่เป็นทุกข์ ไม่มีสภาพเป็นอนิจจัง คือ เป็นนิจจังแทน  ไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ และไม่ดับไป  (ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย) = อัตตา

จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเพื่อให้ทิ้ง  จิตที่มีกิเลส ตัณหา ที่สร้างขันธ์หรืออายตนะ ที่ไม่เที่ยง และเป็นทุกข์ มีสภาพเป็นอนิจจัง คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป (เกิด แก่ เจ็บ ตาย) = อนัตตา

จุดมุ่งหมายที่ต้องทิ้งจิตไม่บริสุทธิ์  ก็เพื่อจะได้ จิตที่ไม่มีกิเลส ไม่มีตัณหา ที่สร้างขันธ์หรืออายตนะ ที่เที่ยง และไม่เป็นทุกข์ ไม่มีสภาพเป็นอนิจจัง คือ เป็นนิจจัง ไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ และดับไป (ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย) = อัตตา
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ธรรมโฆษณ์ ชุด สุญญตาธรรม (พุทธทาสภิกขุ)
เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
มดเอ๊ก 0 1189 กระทู้ล่าสุด 03 ตุลาคม 2559 20:40:14
โดย มดเอ๊ก
[ข่าวมาแรง] - จากมุมมองของนักสิทธิแรงงาน-ผู้ลี้ภัย 'ไทยพร้อมเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของ UN
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 39 กระทู้ล่าสุด 02 มีนาคม 2567 02:52:18
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - จากมุมมองของนักสิทธิแรงงาน-ผู้ลี้ภัย 'ไทยพร้อมเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของ UN
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 29 กระทู้ล่าสุด 02 มีนาคม 2567 09:16:56
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - นักสิทธิแรงงาน-ผู้ลี้ภัยมองไทยควรเป็นคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชน UN หรือยัง (2)
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 34 กระทู้ล่าสุด 13 มีนาคม 2567 21:49:54
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - นักสิทธิแรงงาน-ผู้ลี้ภัยมองไทยเหมาะเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน UN หรือยัง (2)
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 27 กระทู้ล่าสุด 13 มีนาคม 2567 23:26:24
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.277 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 12 เมษายน 2567 17:24:02