[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 11:49:49 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ยาเสพติิดอย่าคิดลอง  (อ่าน 3468 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 12 มีนาคม 2553 11:30:06 »



ถ้าหาก น้ำพุ หรือคุณ วงศ์เมือง นันทขว้าง ยังมีชีวิตจนถึงปัจจุบัน อายุของเขาก็คงราวๆ 51 ปี แม้จะล่วงเข้าสู่วัยกลางคน แต่ประเมินจากอายุขัยโดยเฉลี่ยของคนทั่วไป เขาก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนาน
แต่ข้อเท็จจริงก็เป็นอย่างที่หลาย ๆ คนรับรู้กัน น้ำพุ ลูกผู้ชายคนเดียวในพี่น้องทั้งหมดสี่คนของคุณสุวรรณี สุคนธา นักเขียนหญิงชั้นบรมครูของเมืองไทย เจ้าของงานเขียนอมตะมากมาย เขาชื่อกานต์คนเริงเมือง เก้าอี้ขาวในห้องแดง ความรักครั้งสุดท้าย ทะเลฤาอิ่ม ทองประกายแสด ฯลฯ เสียชีวิตจากการวินิจฉัยของหมอว่าหัวใจวายเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 2517 ขณะมีอายุได้เพียง 18 ปี ทว่าจากข้อเขียนของคุณสุวรรณีในบทนำของหนังสือชื่อ เรื่องของน้ำพุ ที่จัดพิมพ์เพื่อรำลึกถึงการจากไปของเขาและเพื่อเป็นอุทาหรณ์แด่คนรุ่นหลัง ระบุตรง ๆ ว่า ใคร ๆก็รู้ว่า น้ำพุไปเพราะยาเสพติด
มากยิ่งไปกว่านั้น ข้อเขียนของคุณสุวรรณีในหนังสือเล่มเดียวกัน ยังได้เล่าอะไรอีกหลายๆอย่างเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้ต้องปิดฉากชีวิตไปก่อนวัย อันควร ตั้งแต่การที่เขาเป็นคนรักและหวงแม่ของตัวเอง ความว้าเหว่ของน้ำพุจากการเป็นลูกผู้ชายคนเดียว และเข้ากันพี่ๆน้องๆที่เป็นผู้หญิงได้ยากเย็น ไปจนถึงการที่ชีวิตของเขาต้องพลัดหลงออกไปจากเส้นทางของคนปกติสู่วิถีของยา เสพติด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสำนึกในผิดชอบชั่วดี ด้วยการสารภาพความจริงกับคุณสุวรรณี และเดินทางไปสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกเพื่อเลิกยาซึ่งก็คล้าย ๆว่าจะประสพความ สำเร็จตามที่ตั้งใจ
ไม่ว่าจะอย่างไร ถ้าหากจะมีข้อความตรงไหนที่อาจใช้สรุปความนึกคิดของคุณสุวรรณีต่อความเลว ร้ายทั้งมวลที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนั้น มันก็อยู่ในประโยคที่เธอได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มนั้นว่า
มีคนถามข้าพเจ้าเสมอ หลังจากที่น้ำพุได้สิ้นชีวิตแล้วว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้ปล่อยให้ติดเฮโรอีน
ทำให้ต้องนิ่งและไม่อาจจะหาคำ ตอบได้ แต่ถ้าจะให้ตอบจริงๆแล้ว ก็จะต้องโทษตัวเองว่า เลี้ยงลูกไม่เป็น
และในอีกช่วงหนึ่งของบทความหนึ่งที่เป็นจดหมายที่เธอเขียนถึงลูกชายโดยตรง นี่เป็นความผิดของแม่คนเดียวหรอก ไม่ใช่ของใครเลย และบัดนี้แม่ก็รับเวรกรรมอันนั้นแล้ว
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับหลายๆคนที่อาจจะโตไม่ทัน คุณสุวรรณียังได้นำเรื่องราวชีวิตของน้ำพุมาถ่ายทอดอีกครั้งในรูปของนิยาย ขนาดยาวที่ใช้ชื่อว่า พระจันทร์สีน้ำเงิน ตีพิมพ์ในปี 252 โดยจับความในช่วงที่ น้ำพุ หรือ รอม ชื่อของตัวละครในเรื่องเริ่มโตเป็นเด็กวัยรุ่น และเผชิญผลกระทบจากการที่พ่อแม่แยกทางกัน บวกกับการที่แม่ซึ่งเป็นนักเขียนต้องปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงครอบครัว จนกระทั่งไม่มีเวลาให้ลูกชาย ทั้งหมดทั้งปวง มันกลายเป็นเงื่อนไขที่ชักนำให้ชีวิตของเขาต้องแหกโค้งลงข้างทาง
หนังเรื่อง น้ำพุ ของคุณยุทธนา มุกดาสนิท ถูกสร้างและออกฉายหลังจากนั้นสามปี หรือถ้าจะระบุอย่างเจาะจง รอบปฐมทัศน์ของ น้ำพุ ตรงกับวันพฤหัสที่ 7 มิถุนายน ปี 2527 ณ.โรงภาพยนตร์เอเธนส์ ทั้งนี้โดยอาศัย พระจันทร์สีน้ำเงินเป็นกรอบหลักในการเล่าเรื่องแต่ถึงอย่างนั้นหนึ่งในความพิเศษอันโดดเด่นของหนังอยู่ตรงที่มันไม่ได้ถูกล่ามไว้กับตัว หนังสือของคุณสุวรรณี และนอกเหนือจากหนังจะแสดงถึงการใช้ภาษาเฉพาะของตัวเองในการบอกเล่าเรื่องราว ทั้งงานด้านภาพเสียง การตัดต่อ เพลงประกอบ ฯลฯ หลายครั้งหลายครา ยังถึงขั้นตีความบางแง่มุมตามทัศนะของตัวคนทำหนังเอง

น้ำพุ 05/13

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มีนาคม 2553 12:18:29 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 มีนาคม 2553 11:56:44 »



เนื่องจากคุณสุวรรณีได้ประกาศเจตจำนงไว้ตั้งแต่เมื่อคราวที่น้ำพุเพิ่ง จากไปว่า แม้ว่าการสิ้นชีวิตด้วยยาเสพติด จะไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่เธอก็ปรารถนาจะให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของเธอได้รับการเผยแพร่ออกไป ทั้งนี้ก็เพราะไม่อยากให้ลูกของคนอื่นๆต้องจบชีวิตด้วยสาเหตุเดียวกัน กระทั่งในเวลาต่อมา หนังสือ เรื่องของน้ำพุ ได้กลายเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนมัธยม ดังนั้น หนังจึงไม่มีความจำเป็นอันใดต้องปิดบังอำพรางจุดจบของเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้ว่ามันสิ้นสุดลงด้วยการตายของตัวละคร และยังนำมันมาเป็นฉากเริ่มต้นเรื่องในเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวอันประกอบไปด้วยแม่รับบทโดยภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ เบรดีนามสกุลของเธอตามเครดิตของหนัง ปัจจุบันก็คือ มีชูธน น้ารัน เรวัติ พุทธินันท์ และลูก ๆช่วยกันพังประตูเข้าไปในห้องของน้ำพุ อำพล ลำพูน ซึ่งอยู่ในสภาพตาเหลือก ไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต และหอบหิ้วกันขึ้นรถเพื่อนำตัวไปโรงพยาบาลในสภาพทุลักทุเล
ในระหว่างที่หนังให้เห็นว่าหมอกับพยาบาลกำลังเล่นบทยื้อยุดฉุดชีวิตของ น้ำพุกับความตาย แฟลชแบ็คจากห้วงคำนึงของแม่ก็ทำหน้าที่อารัมภบทให้ผู้ชมได้รับรู้ภูมิหลัง ความเป็นมาเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้วายชนม์ที่ต้องบอกว่ามันเริ่มต้นด้วยความ โชคร้ายทีเดียว ตั้งแต่การเป็น ไอ้เด็กเกิดวันที่สิบสาม ไอ้ตัวซวย ตามคำบริภาษของผู้เป็นพ่อ สุเชาว์ พงษ์วิไล ในห้วงยามที่ฝ่ายหลังเดือดดาล ตามมาด้วยการเป็นลูกผู้ชายเพียงคนเดียว และไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นตุ๊กตากับพี่ๆน้องๆต่างเพศกัน แย่ไปกว่านั้นก็คือ บ้านของเขาต้องกลายเป็นสมรภูมิรบระหว่างพ่อแม่ที่ทะเลาะเบาะแว้งและถึงขั้น ลงไม้ลงมือต่อหน้าต่อตาน้ำพุเป็นประจำ แต่บางที สิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นตราบาปที่ฝังแน่นในจิตใจของน้ำพุก็คือการที่เขา ถูกผู้เป็นพ่อทำให้รู้สึกว่าเป็นต้นเหตุให้แม่ตัดสินใจหอบลูกๆทั้งหมดออกจาก บ้านไป ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ฉากที่พ่อของน้ำพุใช้มีดตัดสายป่านจนขาดกระจุย อันเป็นเหตุให้เด็กน้อยไปฟ้องแม่ด้วยน้ำตานองหน้า และแม่สั่งให้ลูกๆทุกคนเก็บข้าวของออกจากบ้าน และเราจะไม่กลับมาเหยียบบ้านนี้อีก เป็นเพียงแค่ฟางเส้นสุดท้ายของความขัดแย้งระหว่างคนเป็นพ่อแม่เท่านั้นเอง
ข้อที่ควรได้รับการกล่าวถึงอย่างหนึ่งก็คือ แม้ว่าเรื่องราวจริง ๆ ของน้ำพุจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนเขาเสียชีวิต 3 - 4 ปี หรือราว ๆกลางทศวรรษที่ 2510 โดยประมาณ แต่หนังก็เลือกที่จะตัดทอนองค์ประกอบแวดล้อมในทางยุคสมัยทิ้งไป และนำเสนอเนื้อหาในฐานะที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือราวๆปี พ.ศ. 2527 นั่นเอง และในตอนที่หนังพาผู้ชมไปพบกับน้ำพุ เขากับเพื่อนที่ชื่ออ๊อด กฤษณะ จำปา ซึ่งยังเป็นนักเรียนมัธยมกำลังชักชวนกันหนีโรงเรียน และเพิ่งจะรอดพ้นจากการถูกสารวัตรนักเรียนจับกุม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ชมได้รับรู้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มอย่างน้ำพุในฉากเปิดเรื่องก็คือ โดยพื้นฐานแล้ว เขาไม่ใช่เด็กเหลือขอหรือเกกมะเหรกเกเรอะไร อันที่จริงแล้ว เขามีความใฝ่ดีในตัวเอง เพียงแต่ปัญหาของเขาซึ่งได้รับการแจกแจงไว้ในฉากเดียวกันก็คือ การเป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด และมันส่งผลให้เขาขาดทั้งความอบอุ่นและคนที่จะคอยทำหน้าที่เป็นเข็มทิศชี้นำ ชีวิตให้ก้าวเดินไปในหนทางที่เหมาะควร
ว่าไปแล้ว กรณีของน้ำพุยังนับว่าดีกว่าของอ๊อดที่พ่อแม่ไม่เพียงแยกทางกัน หากตัวเขายังถูกส่งไปอยู่กับลุง ขณะที่น้ำพุยังได้อยู่กับแม่ของตัวเอง และถึงแม้ว่าอ๊อดจะไม่ใช่ตัวละครที่สลักสำคัญอะไรกับเรื่องราว ทว่าหนังก็ไม่หลงลืมที่จะ อัพเดท ความคืบหน้าของตัวละครนี้ให้ได้รับรู้เนืองๆ และมันสื่อสารโดยอ้อมว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เริ่มต้นชีวิตด้วยแต้มชีวิตที่ติดลบจะต้องดำดิ่งสู่ก้นบึ้ง ของความเลวร้ายจนกลายเป็นสูตรสำเร็จเสมอไป เพราะอย่างน้อย นอกจากอ๊อดจะไม่ได้ติดยาเสพติด ตอนที่ผู้ชมได้พบกับตัวละครนี้ในตอนท้ายเรื่อง เขาอยู่ในชุดกีฬา และหมายมั่นว่าตัวเองจะได้เรียนหมอตามที่เคยประกาศเจตนารมณ์
อย่างไรก็ตามการอยู่ตามลำพังกับแม่ของน้ำพุ ขณะที่พี่น้องคนอื่น ๆ ถูกส่งไปอยู่กับญาติก็ไม่ได้หมายความว่า หนุ่มน้อยจะได้รับเอาใจใส่อย่างพอเพียงเพราะตลอดทั้งเรื่องหนังให้เห็นว่าแม่ของน้ำพุซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างไปจากชนชั้นกลางในเมืองหลวง ทั่วๆไปที่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่บีบรัดตัว เพราะตระหนักว่าการงอมืองอเท้าและไม่ทำอะไร รังแต่จะนำไปสู่ความล้าหลังถดถอย และแน่นอนที่สุด ความยากจนต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ และกลับบ้านดึกๆดื่นๆตลอดเวลา นั่นยังไม่ต้องเอ่ยถึงการที่แม่ไม่อาจตัดตัวเองขาดจากสังคม และมีเรื่องให้ต้องสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเป็นประจำ หรือกระทั่งมีแฟนใหม่ซึ่งมองในมุมของคนที่ต้องแบกภาระอะไรไว้มากมาย มันเป็นการแสวงหาการปลอบประโลมมากกว่าความฟุ่มเฟือย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มีนาคม 2553 12:34:11 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 มีนาคม 2553 12:03:04 »



ด้วยเหตุนี้เองการที่น้ำพุกลับบ้านซึ่งเป็นเพียงห้องพักเล็ก ๆ ที่ขอแบ่งเช่าบนตึกแถวเพื่อมาอยู่กับตัวเองจึงดูเหมือนจะเป็นสภาวการณ์อันเป็นปกติธรรมดาและการลำดับภาพแบบ montage ในซีเควนซ์ถัดมา และถูกประกอบด้วยเสียงเพลงที่น่าจะชื่อว่า ทดแทนของวงบัตเตอร์ฟลายที่แม่ของน้ำพุต้องเดินทางไปเมืองนอก 2 - 3 เดือน และหนุ่มน้อยถูกส่งไปอยู่กับลุงและป้า ไม่เพียงแสดงถึงการขาดการติดต่อของแม่ลูกคู่นี้เพียงลำพัง หากโมเมนตั้มในชีวิตน้ำพุก็ค่อย ๆ โน้มเอียงไปในทางเพื่อน ๆ ซึ่งมี หน้าตาแปลก ๆ
โผล่เข้ามา หนึ่งในนั้นก็คือใหม่ ปิติ จตุรภัทร์ในบทสมทบที่น่าจดจำที่สุดบทหนึ่งของหนัง ผู้ซึ่งก็เหมือนกับอ๊อดและน้ำพุตรงที่พ่อแม่แยกทางกัน
แต่ที่หนุ่มน้อยคนนี้พกติดตัวมามากกว่าใครๆก็คือความโกรธเกลียดและคับแค้นพวกผู้ใหญ่ทุก ๆคนไม่ว่าจะอย่างไร คงจะเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้องนักถ้าหากจะทึกทักว่าน้ำพุไม่เคยมีความ สุขกับบ้านหรือครอบครัวเลย เพราะหลังจากที่แม่สามารถเก็บหอมรอมริบจนกระทั่งสามารถดาวน์บ้านเป็นของตัวเอง และลูกๆทุกคนได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มันก็นับเป็น ‘วันชื่นคืนสุขสำหรับน้ำพุอย่างแท้จริงแม้ว่าหนังยังคงไม่วายสอดแทรกให้ผู้ชมได้รับรู้ว่าระหว่างเขากับพี่ หน่อย นิศา มุจลินทร์กุล และหนูแดงกนกวรรณ บุรานนท์มักจะมีเรื่องให้ระหองระแหงใจเป็นประจำ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
แต่อย่างที่ใคร ๆ มักจะว่าไว้นั่นเองว่า ความสุขในชีวิตของคนเรานอกจากไม่คงทนถาวร มันยังมักจะผ่านพ้นไปในเวลาอันรวดเร็ว
และเพียงแค่ในฉากถัดจากที่หนังเจาะจงบอกว่า ทุกคนได้กลับมาเป็นครอบครัว จู่ ๆ น้ารัน เพื่อนสนิทรุ่นน้องของแม่ก็พาตัวเองมาขออาศัยอยู่ด้วย และกลายเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่น้ำพุจะรู้สึกว่าน้ารันเป็นเสมือนส่วนเกิน สิ่งแปลกปลอม หรือกระทั่งภัยคุกคามต่อความมั่นคงในครอบครัว
ตลอดช่วง เวลาเหล่านี้ หนังอาจจะไม่ได้ให้ผู้ชมได้เห็นปฏิกิริยาอันไม่เป็นมิตรของน้ำพุโดยตรง แต่มันก็ถูกบอกเล่าผ่านคำพูดของน้ารันที่อ่านพฤติกรรมของน้ำพุได้อย่างแทง ทะลุและบอกกับแม่ของน้ำพุว่า คุณไม่สังเกตเขาหรือ ตาเขาเขียวปั้ดตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว
ท่าทางเขาหวงแม่เขาออกนะ
ซีเควนซ์นี้จบลงด้วยแม่กับน้ารันร่วมรักกันอย่างดูดดื่มซึ่งจริง ๆแล้ว สมมติว่ามันไม่มีนัยยะสำคัญอะไร มันก็ไม่มีความจำเป็นอันใดที่หนังจะต้องอาศัยการตัดสลับสองเหตุการณ์หรือ crosscutting กับฉากที่น้ำพุซึ่งอยู่ในห้องนอนของตัวเองแอบสูบกัญชา และผล็อยหลับไปพร้อมกับฝันว่าตัวเขากำลัง เล่นว่าว กับผู้เป็นแม่กลางทุ่งกว้างตามลำพังสองคน ก่อนที่มันจะสิ้นสุดลงด้วยภาพของ น้ำพุ ซึ่งผู้ชมได้เห็นทั้งในวัยเด็กและวัยโต นอนตระกองกอดแม่ของตัวเองและหลับไป ข้อสำคัญ เสียงที่ผู้ชมได้ยินในฉากการตัดสลับนี้ก็คือ เมโลดี้ของเพลง ทดแทน
กล่าวอย่างไม่ต้องอ้อมค้อมก็ต้องบอกว่า มันเป็นฉากที่ผู้สร้างสอดแทรกความนัยทางเพศลงไปได้อย่างแยบยลและแนบเนียน เหลือเกินอีกทั้งยังอธิบายภาวะทางจิตของตัวน้ำพุได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าการให้ จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยามาร่ายยาวให้ฟัง เหนืออื่นใด ไม่ว่าก่อนหน้านี้ หนังจะเคยให้เงื่อนงำเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของน้ำพุมามากน้อยเพียงใด ซึ่งพินิจพิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนแล้ว มันได้รับการปูมาพอสมควร นี่เป็นครั้งแรกที่ข้อมูลนี้ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นรูปธรรม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มีนาคม 2553 12:34:56 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 12 มีนาคม 2553 12:08:42 »



หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ น้ำพุเป็นเด็กหนุ่มที่ยังก้าวไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า ปมปิตุฆาต Oedipus Complex หรือปมรักแม่แต่เกลียดพ่อ ซึ่งมันถูกแสดงไว้อย่างแจ้งชัดตั้งแต่ต้นที่พ่อของเขาไม่เพียงแต่จะไม่เคย เป็นความทรงจำที่ดีของหนุ่มน้อยแต่อย่างใด ยังตั้งหน้าตั้งตาเล่นงานหรือกระทั่งขัดขวางความสุขของเขาทุกหนทางแต่ถ้ามองให้กว้างกว่านั้น บรรดาเพื่อนๆของน้ำพุล้วนแล้วมองเห็นพ่อของตัวเองในแง่ลบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใหม่ที่ถึงกับเอ่ยออกมาว่า พ่อกูมีเมียใหม่ สวยฉิบหายเลย ซึ่งบอกเป็นนัยถึงความรู้สึกอิจฉาริษยา
ขณะเดียวกัน ความเป็นลูกติดแม่ของน้ำพุก็เพิ่งถูกเปิดเผยจากฉากความฝันว่ามันมีนัยทาง เพศผสมผสาน นั่นทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดอะไรที่น้ำพุจะแสดงท่าทีอันเป็น ปฏิปักษ์กับน้ารันผู้ซึ่งมาแย่ง คนรัก ของเขาไป ทั้งๆที่ถ้าจะกล่าวอย่างให้ความเป็นธรรมจริงๆแล้ว น้ารันเป็นตัวละครที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุมีผลตลอดจนเข้าใจน้ำพุมากกว่าทุก คน และน่าจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ให้ความรักและความอบอุ่นแก่น้ำพุได้ดี ติดอยู่เพียงแค่-เขาไม่สามารถมีสิทธิ์มีเสียงในครอบครัวได้เต็มที่ และตระหนักในฐานะของตัวเองว่าเป็นคนนอก อันส่งผลให้ตัวละครนี้ปวกเปียกอ่อนแอไปโดยปริยาย
ข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่ง ก็คือ น้ำพุไม่ได้ประท้วงการมาของน้ารันด้วยการหันไปสูบกัญชาเพียงอย่างเดียว แต่ยังพยายามแสวงหาแนวร่วมจากศัตรูเก่าของตัวเอง นั่นก็คือการนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องพ่อ พ่อฮะ น้ารันมาอยู่ที่บ้าน คงจะด้วยหวังว่า บางที พ่ออาจจะช่วยจัดการอะไรได้ แต่มันก็การดิ้นรนที่สูญเปล่าและไม่เกิดดอกผลแต่อย่างใด เพราะพ่อของน้ำพุได้แต่หมกมุ่นอยู่กับการเขียนรูปและไม่แสดงให้เห็นถึงความ ยี่หระต่อสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก ผู้ชมยังได้เห็นน้ำพุไปหาพ่ออีกครั้งในช่วงท้ายเรื่องซึ่งก็เป็นไปด้วย สภาวการณ์คล้ายคลึงกัน นั่นคือหลังจากที่เขาพยายามจะแสวงหากำลังใจจากคนรอบข้าง และไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร แต่มันก็ลงเอยในลักษณะที่ปรากฏอย่างชัดแจ้งว่า พ่อลูกคู่นี้ใช้ชีวิตอยู่กันคนละย่านความถี่โดยสิ้นเชิง
แต่บทบาทของพ่อก็ยังไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น เพราะในห้วงนาทีสุดท้ายของชีวิตของน้ำพุซึ่งอยู่ในอาการเมายา ความนึกฝันของหนุ่มน้อยก็ยังคงไม่ยุติการประณามพ่อของเขาว่าเป็นตัวการทำลาย ความสุขในชีวิตด้วยการตัดสายป่านของว่าว ขณะที่คำพูดทิ้งท้ายของน้ำพุก่อนจะช็อคหมดสติไป-ก็คือการร้องหาแม่เหมือนกับ ต้องการจะขอความช่วยเหลือจากเธอ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่า ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด
กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว นอกจากบรรดาตัวละครที่มีสถานะของความเป็นพ่อทั้งหลายในเรื่องที่สมควรถูก ตำหนิติเตียนต่อความเลวร้ายทั้งมวล (นั่นครอบคลุมถึงอาจารย์ใหญ่จอมเฮี้ยบและไม่ยอมรับฟังเหตุผลใด ๆรับบทโดย อำนวย ศิริจันทร์ และอาจต้องนับรวมถึงตัวน้ำพุด้วย เพราะเขาไม่มีความหนักแน่นเข้มแข็งเอาซะเลย อีกคนที่ต้องร่วมรับผิดชอบอย่างไม่อาจปัดป้องได้ก็คือตัวแม่นั่นเอง
จริง ๆ แล้ว เท่าที่มองเห็น แม่ก็ไม่ได้ถึงกับเลี้ยงน้ำพุอย่างทิ้ง ๆขว้าง ๆ ดังที่คุณสุวรรณีเคยตำหนิตัวเองและในขณะที่เป็นข้อเท็จจริงว่าเธอให้เวลากับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนน้อยเกินไป แต่ด้วยบทหนังและการแสดงของคุณภัทราวดีเอง ผู้ชมไม่เคยรู้สึกว่า แม่รักน้ำพุน้อยลง และน้ำเสียงรวมถึงอากัปกิริยาของเธอในทุกครั้งที่พูดคุยกับน้ำพุหรือเอ่ยถึง เจือปนไว้ด้วยความห่วงใยตลอดเวลา
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ความห่างเหินจะส่งผลกระทบต่อความ สัมพันธ์ที่เคยแนบแน่นขนาด สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องและเธอก็ได้พบเมื่อทุกอย่างเกือบสายเกินไปว่า ระหว่างเธอกับลูกชายมีช่องว่างอันมหึมาขวางกั้นอยู่ตรงกลาง อันได้แก่ฉากที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นแอ้คติ้งที่ ดึงอารมณ์ของผู้ชมให้คล้อยตามได้อย่างถึงจุดสูงที่สุดของทั้งคุณภัทราวดีและ คุณอำพน ซึ่งก็คือตอนที่น้ำพุอับจนหนทางและต้องเอ่ยปากสารภาพกับแม่อย่างไม่ปิดบัง (ทั้งๆที่ฝ่ายหลังกำลังวุ่นวายอยู่กับหน้าที่การงานอันยุ่งเหยิงของเธอว่าเขาติดยา ในบรรดาความรู้สึกอันหลากหลายที่ประดังประเดเข้ามาพร้อมๆกัน ทั้งตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน มีอยู่แว่บหนึ่งที่ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ก็คือความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของ แม่ที่ลูกชายไม่นึกถึงเธอ ทำไมพุถึงต้องใช้ยา อย่างไรก็ตาม ประโยคที่เธอเอ่ยถัดจากนั้นอย่างลำบากยากเย็นด้วยพยายามจะสะกดอารมณ์ของตัว เองให้สงบนิ่งที่ว่ามีปัญหาอะไรกับแม่หรือเปล่า กลับบอกอย่างหมดสิ้นว่า นอกจากเธอจะไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับน้ำพุแล้ว ยังปล่อยปละละเลยลูกชายของตัวเองไปไกลแสนไกล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มีนาคม 2553 12:20:26 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 12 มีนาคม 2553 12:14:03 »



ความเฉียบคมอย่างหนึ่งของบทหนังก็คือการที่มันไม่ได้พยายามให้แม่เป็น ตัวละครที่เป็นสีขาวหรือสีดำ หากเป็นปุถุชนที่มีข้อบกพร่องไม่มากหรือน้อยไปกว่าคนธรรมดาทั่ว ๆไป และถึงแม้ว่าโฟกัสของเรื่องจะเน้นหนักที่น้ำพุเป็นสำคัญ แต่ผู้ชมตระหนักได้ถึงบทบาทของของแม่ตลอดเวลา และการอุทิศทุ่มเทของเธอซึ่งถูกนำเสนอในทำนองว่ามันเป็นการมุ่งไปผิดทาง ก็ไม่ใช่เพื่อใครเลยนอกจากครอบครัวของเธอ ดังจะเห็นได้จากคำพูดของเธอที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าเธอเขียนหนังสือเพื่อ เงิน เงินที่จะทำให้ลูก ๆ ของดิฉันเจริญไปข้างหน้า...........…เงินที่จะทำให้ลูก ๆของฉันมีความสุข
กล่าวโดยสรุปแล้ว หนังเรื่อง น้ำพุ เป็นความพยายามของคุณยุทธนา มุกดาสนิทที่จะอธิบายถึงสาเหตุที่นำพาให้หนุ่มน้อยต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันนำเสนอได้ล้ำลึกคมคาย ประการสำคัญก็คือ มันสามารถทำให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างรอบด้านและครอบคลุม
อย่าง ไรก็ตาม สิ่งที่เกือบเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้ และไม่ได้ถูกอธิบายไว้ในหนังเรื่องนี้ก็คือ การจากไปอย่างกะทันหันของคุณสุวรรณี สุคนธาในช่วงต้นปี 2527 หรือก่อนที่หนังจะเริ่มต้นงานสร้างราวหนึ่งเดือน ด้วยน้ำมือของฆาตกรใจเหี้ยมสองคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นความสูญเสียอันมหาศาลต่อวงการวรรณกรรม และรวมถึงอุตสาหกรรมหนังไทย เพราะเป็นที่รู้กันว่า ผลงานของเธอถูกนำมาดัดแปลงร่วมสิบเรื่อง ยิ่งถ้านับรวมละครโทรทัศน์ด้วยแล้วก็อาจจะมากกว่านั้นเท่าตัว
แต่สมมติว่าจะต้องลองพยายามค้นหาเหตุผลกันจริงๆ เป็นไปได้ว่าเธอกับน้ำพุต้องพบกับจุดจบด้วยเงื่อนไขเดียวกัน หนึ่งก็คือฟ้าดินไม่ให้ความเมตตา และสอง สภาพสังคมที่ตกอยู่ในครอบงำแบบทุนนิยมและวัตถุนิยม มันช่างบีบคั้นและบัดซบเหลือเกิน



..................................น้ำพุ 2527.......................................



กำกับการแสดง บทภาพยนตร์ ยุทธนา มุกดาสนิท อำนวยการสร้าง เจริญ เอี่ยมพึ่งพร กำกับภาพ สมชัย ลีลานุรักษ์ ถ่ายภาพ วิเชียร ดานาคแก้วกำกับศิลป์ เครื่องแต่งกายวีรพงศ์ ธาราศิลป์ บันทึกเสียงนิวัติ สำเนียงเสนาะ เครื่องประกอบฉากประสรรค์ เพชรพงษ์ ลำดับภาพ บรรจง โกศัลวัฒน์ ผู้แสดง ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ เบรดี อำพน ลำพูน เรวัติ พุทธินันท์ วรรษมน วัฒโรดม สุเชาว์ พงษ์วิไล อำนวย ศิริจันทร์ ปิติ จตุรภัทร์ กฤษณะ จำปา
ธีรพร อมรพันธ์ นิศา มุจลินทร์กุล กนกวรรณ บุรานนท์ ชรินพร มหิธิพงษ์ จัดจำหน่าย ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น สี ความยาว 130 นาที
credit by www.thaifilm.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มีนาคม 2553 12:21:24 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 12 มีนาคม 2553 12:55:33 »

ยาเสพย์ติดอย่าคิดลองนะครับเยาวชนทั้งหลาย

เพราะมันอร่อยมาก (ไม่ใช่ละเฟ้ย)

เอ๊ย

เพราะมันอันตรายมาก

เสียดาย น้ำพุเป็นหนังสือที่ให้อ่านตอนเด็กเล็กเกินไป

อาจจะยังอ่านไม่เข้าใจ + ห่วงเล่นกันซะมาก

แต่หากเด็กคนไหนอ่านจริง ๆ จะพบว่ามันยอดจริง ๆ เลยเธอ

5555

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 14 มีนาคม 2553 09:19:07 »

ยาเสพย์ติดอย่าคิดลองนะครับเยาวชนทั้งหลาย

เพราะมันอร่อยมาก (ไม่ใช่ละเฟ้ย)

เอ๊ย

เพราะมันอันตรายมาก

เสียดาย น้ำพุเป็นหนังสือที่ให้อ่านตอนเด็กเล็กเกินไป

อาจจะยังอ่านไม่เข้าใจ + ห่วงเล่นกันซะมาก

แต่หากเด็กคนไหนอ่านจริง ๆ จะพบว่ามันยอดจริง ๆ เลยเธอ

5555



ผมเห็นด้วยอย่างแรงตอนครุให้ผมอ่านผมก้อม่ายยยยยอ่านน เพิ่งรุู้ตอนไกล้สอบว่าน้ำพุเป็นชื่อคน บัดซบ!ตัวเอง 55555

แต่ผมว่าเรบบนลองมาแล้ววว สมองเจอยาเข้าไปนิดนึง ต๊องเลย กร้ากกกกกกกกกกกกก หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 15 มีนาคม 2553 01:39:42 »




ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.322 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 30 กันยายน 2566 23:38:29