.jpg)
ถ้ายอมรับในหลักการ นี้ เราจะทำอย่างไร จงน้อมข้อพิจารณาเข้ามาว่า ทุกวันนี้เรากำลังใช้ชีวิตอย่างไร ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตของเรา พอใจไหม ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตของคนรอบข้าง แล้วเราพอใจกับสิ่งที่เคยทำสิ่งที่เคยพูดกับคนนั้นไหม มีอะไรบ้างไหมที่เรายังไม่ได้ทำที่คิดว่าดีอยากจะทำ แต่ไม่เคยทำสักที มีแต่ จะจะจะจะจะทำ มีอะไรบางไหมที่เราคิดจะแก้ไขนานแล้วแต่ยังไม่ได้แก้ไขสักที จะจะจะจะจะแก้ ถ้ามีอะไรต้องรีบจัดการ ความตายไม่ได้สนใจความรู้สึกของเรา ไม่เกรงใจเลยว่าเรารู้สึกพร้อมหรือไม่พร้อม มีธุระยังค้างอยู่อย่างไร สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน ไม่เคยเป็นไปความต้องการของเรา มัจจุราชไม่แคร์ความรู้สึกของเรา ท่านทำตามหน้าที่คือกฎแห่งกรรม ความตายไม่มีเข้าข้างใคร เป็นเรื่องของมันอยู่อย่างนั้น
เพราะธรรมชาติเป็นอย่างนี่แหละ ชีวิตเราจึงมีค่า มีค่าทุกลมหายใจ ทำให้เรามีทางเลือกทุกวัน ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เราจะภาวนาไหม ทำให้สิ่งที่ดีงาม ที่เป็นบุญเป็นกุศลเพิ่มมากขึ้นไหม หรือวันนี้จะปล่อยตามบุญตามกรรม คืออะไรก็ได้ ถ้ามีโอกาสทำบุญก็ทำไป ใครชวนไม่เคยปฏิเสธ แต่ถ้าจิตเศร้าหมองก็พยายามหนีไปหาความสุขง่ายๆ กลบเกลื่อน แก้ด้วยการกินบ้าง การเล่นบ้าง เที่ยวบ้าง ซื้อของบ้าง คอยปลอบใจตัวเองว่าเรื่องที่ควรจะแก้ไขก็คงมีโอกาสอยู่หรอก แต่ว่ายังไม่พร้อมยังไม่มีเวลา นี่คือเหตุผลเทวดาไม่ใช่เหตุผลมนุษย์ ถ้าเราเป็นเทวดาสนุกและปลอดภัยอยู่เป็นกัปเป็นกัลป์ก็คงเป็นเหตุผลที่พอฟัง ได้ แต่เราไม่ใช่เทวดา เราเป็นมนุษย์ผู้เสี่ยงภัย เราเป็นมนุษย์ที่อาจจะสูญจากโลกนี้ไปลมหายใจใดก็ได้
ผู้รู้ทั้งหลายจึงพร่ำสอนเราว่า ต้องสำนึกว่าชีวิตของตนเป็นของไม่แน่นอน และความตายของตนเป็นของแน่นอน วันใดวันหนึ่งเราต้องจากโลกนี้ไป และทุกคนที่เรารู้จัก ทุกคนที่เรารัก ต้องจากโลกนี้ไปเหมือนกับเรา ฉะนั้นเราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ในทางที่ดีที่สุด ทำให้มีบุญมีกุศลอยู่ในใจ บุญกุศลนั้น คือชื่อของความสุขที่สะอาด เมื่อตัวเองก็มีความสุขที่ใสสะอาด ความสุขที่เรียกว่าบุญหรือว่ากุศลนั้น เราเก็บไว้เสวยคนเดียวไม่ได้ มันจะล้นออกมา มันก็แผ่ออกไป เป็นความสุขที่ทำให้คนรอบข้างพลอยมีความสุขด้วย
ประโยชน์อันแท้จริงของตน ประโยชน์อันแท้จริงของคนอื่นสอดคล้องกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าหากว่าความสุขและสิ่งที่เราถือว่าประโยชน์เป็นของเราคนเดียว และยังทำให้คนอื่นทุกข์เดือดร้อน แน่ใจได้ว่านั่นไม่ใช่ความสุขที่เรียกว่าเป็นบุญเป็นกุศล
นอกจากว่า บุญกุศลทำให้ชีวิตของเราสดชื่น ทำให้ชีวิตคนรอบข้างได้พลอยสดชื่นด้วยแล้ว บุญกุศลนั้น มีคุณสมบัติพิเศษคือ เราสามารถอุทิศให้ผู้ที่จากโลกนี้ไปและผู้นั้น ถ้าอยู่ในภพภูมิที่รับได้และอนุโมทนา สามารถรับบุญนั้นได้ ถึงแม้ว่าท่านหายจากเราไป ท่านตายจากเราไป เราก็ยังสามารถสร้างสิ่งที่ดีงามและส่งให้ท่านได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าคิดพิจารณามาก น่าอัศจรรย์ เพราะฉะนั้น ถ้าเรารักผู้ที่ตายจากเราไปจริง เราเคารพท่านจริง เรารู้สึกกตัญญูกตเวทีจริง เราก็ต้องมุ่งมั่นสร้างสิ่งที่ดีงาม เพื่อจะได้ส่งให้ท่านด้วย อย่างนี้ทุกคนได้ประโยชน์ทั้งนั้น ผู้ที่อยู่ก็ได้ประโยชน์ ผู้ที่อยู่ก็ได้ความสุข ผู้ที่ตายแล้วและยังต้องการก็ได้รับความสุขและประโยชน์ด้วย
พุทธศาสนาถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ คือทำอย่างไรชีวิตของเราจะมีความสุขมากขึ้น มีความทุกข์น้อยลง ทำอย่างไรเราจะได้สร้างประโยชน์แก่ตัวเอง สร้างประโยชน์แก่ครอบครัว สร้างประโยชน์แก่ชุมชน สร้างประโยชน์แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว สร้างประโยชน์ต่อคนที่ยังไม่เกิด คือสร้างสังคมที่น่าอยู่ สร้างสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นที่รองรับคนที่ยังไม่เกิด อันนี้ก็เป็นสิ่งท้าทายพวกเราทั้งหลาย
ในวันนี้ เราก็ได้ตั้งอกตั้งใจขอศีล เราก็ได้บำเพ็ญกุศลในระดับของศีล เราก็ได้ฟังธรรมะด้วยความสงบ จิตใจที่มีสติ มีความสงบอยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นจิตใจที่เป็นบุญเป็นกุศล และเราก็ได้ฟังข้อคิดที่เกี่ยวกับความตาย มุ่งมองของพระพุทธศาสนา ได้ปัญญาบ้างก็เป็นบุญเป็นกุศลอีกทางหนึ่ง
ฉะนั้น วันนี้อาตมาขอให้เราทั้งหลาย ได้รวบรวมบุญกุศลนั้น ตั้งใจแผ่ ตั้งใจอุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ผู้ที่มีความดีความงามหลายอย่างซึ่งอาตมาเองก็คงรู้น้อยกว่าผู้ที่นั่งฟัง แต่ว่าขอให้เราระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน สิ่งใดที่เราเคยทึ่ง สิ่งใดที่เราเคยประทับใจในตัวท่าน ก็ถือว่าเป็นมรดกที่ท่านฝากพวกเราไว้ ขอให้เรารักษาไว้ให้ดี โดยเฉพาะลูกหลานทั้งหลาย ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วมีอะไรที่เรารู้สึกว่า เราเคารพ เราซาบซึ้ง ตั้งใจรักษาไว้ ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของท่านที่ยอดเยี่ยม
วันนี้ก็ขอให้เราทุกคนระลึกถึงท่าน ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน และอุทิศบุญกุศลให้กับท่าน ขอให้ท่านได้เจริญ ขอให้ท่านได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีงาม ขอให้ท่านได้เจริญด้วยความสุขกายสุขใจ ขอให้ท่านได้เจริญด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ในชาติต่อไป และขอให้ท่านได้พ้นจากวัฏสงสารในที่สุดเทอญ