[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 เมษายน 2567 12:14:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภาพอารยธรรมไอยคุปต์? บนดาวอังคาร  (อ่าน 3274 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2316


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2558 16:27:47 »

.


ภาพอารยธรรมไอยคุปต์? บนดาวอังคาร



เชื่อว่า ณ เวลานี้คงจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า “โลก” หรือดาวเคราะห์ดวงที่สามในระบบสุริยจักรวาลของเราไม่ใช่ดาวเพียงแค่ดวงเดียวในเอกภพอันกว้างใหญ่ที่มี “สิ่งมีชีวิต” อาศัยอยู่เป็นแน่ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์และ นักดาราศาสตร์ทั่วโลกกำลังระดมมันสมองพร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัยมากมายเพื่อออกค้นหา “สิ่งมีชีวิตนอกโลก” แต่ก็น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ค้นพบแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้ที่จะพบสิ่งมีชีวิตเท่านั้น เพราะเรายังไม่เคยพบกับมนุษย์ต่างดาวตัวเป็นๆ กับเขาเสียที

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าประเด็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกจะเป็นเรื่องต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชนแต่อย่างใด เพราะนักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่า มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ในเอกภพขนาดมหึมานี้จะไม่มีดาวดวงใดอีกเลยที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่


ภาพปริศนาที่เชื่อกันว่าอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตก็เป็นได้.

แล้วมีโอกาสไหมที่ในระบบสุริยจักรวาลของเราจะเคยมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน และอีกหนึ่งคำถามที่สำคัญมากกว่าในทางวิทยาศาสตร์ก็คือมีดาวดวงใดอีกหรือไม่ที่มนุษย์บนโลกจะสามารถอพยพออกไปใช้ชีวิตอยู่ได้ในวันข้างหน้า นั่นทำให้หนึ่งในโครงการของนาซา (NASA) หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติได้ถือกำเนิดขึ้น และล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ.2011 ก็ได้มีการส่งยานคิวริออซิตี (Curiosity) ซึ่งนับเป็นยานสำรวจเคลื่อนที่ (Rover) ลำที่ 4 ไปลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.2012


วัตถุรูปทรงคล้ายคลึงกับพีระมิดที่เพิ่งค้นพบบนพื้นผิวดาวอังคาร.

ยานลำนี้ได้ทำการถ่ายรูปพื้นผิวดาวอังคารส่งกลับมาให้คนบนโลกได้เห็นมากมายหลายภาพด้วยกัน ในบรรดาภาพมากมายมหาศาลมันมี อยู่จำนวนหนึ่งครับที่ชวนให้ฉงนฉงายเป็นอย่างยิ่ง เพราะดูเหมือนมันจะเป็นภาพที่เราคุ้นหูคุ้นตากันดีด้วยว่ามันเคยปรากฏให้เห็นบนโลกของเราเมื่อหลายพันปีมาแล้วเช่นกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือภาพความผิดปกติบนพื้นผิวดาวอังคารเหล่านั้นมันช่างคล้ายคลึงกับสิ่งที่ชาวไอยคุปต์โบราณได้เคย รังสรรค์เอาไว้บนพื้นโลกไม่มีผิดเสียด้วยสิครับ!!

นั่นจะแปลว่าเคยมีอารยธรรมที่รุ่งเรืองบนดาวอังคารมาก่อนจริงหรือไม่ และถ้ามีจริงชาวไอยคุปต์จะไปเกี่ยวกับอารยธรรมบนดาวอังคารเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน ครั้งนี้เราจะมาตามล่าหาความจริงไปด้วยกันครับ



ภาพใบหน้าปริศนาบนดาวอังคาร (ล่างขวา) แท้ที่จริงแล้วคือเนินเขาที่ได้รับแสงและเงาตกกระทบอย่างพอเหมาะพอดี.

จริงๆ แล้วภาพสิ่งผิดปกติ หรือภาพแปลกตาที่ยานสำรวจดาวอังคารตั้งแต่ยุคแรกเริ่มส่งกลับมายังโลกก็ปรากฏให้เห็นมากมายหลายต่อหลายครั้งแล้วครับ ที่ดูจะน่าฮือฮาที่สุดในยุคแรกๆก็คงจะหนีไม่พ้นภาพใบหน้ามนุษย์บนดาวอังคารที่ถ่ายมาได้โดยยานไวกิ้ง 1 (Viking 1) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.1976 แต่ก็แน่นอนครับว่าด้วย เทคโนโลยีในสมัยนั้นทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาได้มีความคล้ายคลึงกับใบหน้าคนบนพื้นผิวดาวอังคารจริงๆ แต่เมื่อมีการถ่ายภาพในตำแหน่งเดิมซ้ำอีกครั้งในปี ค.ศ.2006 ก็ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนครับว่าใบหน้าที่เห็นเมื่อปี ค.ศ.1976 นั้นมันก็เป็นเพียงแค่เนินเขาที่บังเอิญได้รับแสงและเงาอย่างพอเหมาะพอเจาะก็เท่านั้นเอง

ถึงอย่างนั้นก็มีบางภาพที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่เช่นกัน ดังที่มีการค้นพบภาพลำแสงปริศนาบนดาวอังคาร รวมทั้งภาพที่เหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่หลังโขดหิน ซึ่งก็แน่นอนครับว่ายากที่จะพิสูจน์ว่ามันเกิดจากแสงและเงาเช่นเดียวกับภาพใบหน้าบนดาวอังคารหรือไม่ ก็ต้องค้นคว้าหาคำตอบกันต่อไป

แต่ภาพที่เรากำลังจะมาพูดคุยกันในครั้งนี้เรียกได้ว่ามัน “คล้าย” กับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นจากอารยธรรมอียิปต์โบราณเป็นอย่างมาก เรามาดูที่ภาพแรกก็คือรูปสลักที่เหมือนกับ “ฟาโรห์” บนหน้าผาครับ



ภาพจากแอ่งวิกตอเรีย ซึ่งมีรูปสลักฟาโรห์ (กรอบบน) ปรากฏให้เห็นบริเวณวงรีทางด้านขวามือ.

รูปสลักที่เหมือนกับฟาโรห์นี้ค้นพบเมื่อราวปี ค.ศ.2010 บริเวณแอ่งวิกตอเรีย (Victoria Crater) ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 750 เมตร ลึก ประมาณ 70 เมตร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เสนอว่าแอ่งอุกกาบาตนี้น่าจะมีความเก่าแก่ราวหนึ่งพันล้านปีมาแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือภาพที่ถ่ายมานั้นเมื่อลอง มองดูบริเวณผนังของหน้าผาของแอ่งรูปวงกลมแล้วก็จะพบว่าจุดหนึ่งของแหลมที่ยื่นเข้ามาในแอ่งนั้นมันมีสิ่งที่หน้าตาเหมือนกับรูปสลักฟาโรห์ไม่มีผิดเพี้ยนปรากฏให้เห็นอยู่!!

เมื่อลองวิเคราะห์ที่บริเวณนั้นก็จะเห็นได้ว่ามันเป็นภาพที่ดูแล้วคล้ายคลึงกับฟาโรห์ที่อยู่ในร่างของเทพเจ้าโอซิริส (Osiris) ประทับยืนขาแนบชิดติดกัน โดยที่ศีรษะสวมมงกุฎขาว (White Crown) ซึ่งสื่อถึงดินแดนอียิปต์บน (Upper Egypt) ทางตอนใต้ของประเทศอียิปต์ นอกจากนั้น เมื่อขยายภาพเข้าไปดูใกล้ๆยังปรากฏให้เห็นใบหน้าอย่างค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งยังเสมือนว่ารูปสลักนั้น สวมเคราปลอม และยังมีเครื่องประดับพระศอตามแบบฉบับของชาวอียิปต์โบราณสวมเอาไว้อีกด้วย แต่จะเหมือนหรือไม่เหมือนอย่างไร ลองดูภาพประกอบแล้วตัดสินใจด้วยตัวของท่านเองแล้วกันนะครับ


แสงไฟปริศนาบนดาวอังคาร ที่ยังไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่.
ภาพต่อไปเป็นอีกหนึ่งลักษณะพิเศษที่น่าสนใจไม่แพ้รูปสลักฟาโรห์นั่นก็คือ “อักษรภาพ” (Hieroglyphs) ของชาวไอยคุปต์บนก้อนหินซึ่ง เป็นภาพที่ถ่ายได้โดยยานคิวริออซิตีและออกข่าวเมื่อปลายปี ค.ศ.2014 ที่ผ่านมา

ภาพที่ว่านี้เรียกได้ว่าสามารถสร้างความฮือฮา ได้มากทีเดียวครับ เพราะมันเป็นภาพของก้อนหินบนดาวอังคารที่คล้ายกับถูกสลักเป็นรูปมนุษย์ นั่นทำให้ทั้งนักวิชาการและนักวิชา เกิน หลายฝ่ายได้เสนอทฤษฎีออกมามากมาย ข่าวได้เสนอเกี่ยวกับก้อนหินที่ค้นพบนี้ว่ามันน่าจะถูกสลักให้เป็นรูปคนอย่างจงใจ และอาจจะเป็นไปได้ด้วยว่าอักษรภาพนั้น เกิดจากการสกัดโดยใช้ของมีคมบางประเภท และเมื่อลองนำเอาภาพบนหินดังกล่าวไปเทียบกับภาพสลักของอารยธรรมอียิปต์โบราณก็พบว่ามันมีความคล้ายคลึงกับอักขระของชาวไอยคุปต์เสียด้วยสิ


ภาพพิศวงที่คล้ายภาพสลักอักษรรูปคนแบบก้างปลา ปรากฏบนก้อนหิน.

ซึ่งถ้าได้ลองดูรูปสลักบนหินนี้อย่างชัดๆอีกครั้งหนึ่งจากมุมมองของนักอียิปต์วิทยาก็คงจะบอกว่ามันไม่ได้คล้ายคลึงกับภาพคนในอักษรภาพของชาวไอยคุปต์สักเท่าไรครับ เพราะว่าภาพนี้แสดงคนในลักษณะหัวกลมๆ โดยมีลำตัว แขนและขาในลักษณะของก้างปลาเสียมากกว่า ซึ่งชาวไอยคุปต์ไม่ได้สลักรูปคนในลักษณะนี้แต่อย่างใด

แต่ถึงจะไม่ได้คล้ายคลึงกับอักษรภาพของชาวอียิปต์โบราณ ภาพนี้ก็ช่างเหมือนกับภาพคน ที่มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์บนโลกของเราวาดลงบนผนังถ้ำเป็นอย่างมาก

สำหรับภาพต่อไปเป็นอีกหนึ่งเครื่องรางสำคัญ ของชาวไอยคุปต์นั่นก็คือ “อังค์” (Ankh) ครับ อังค์ถือได้ว่าเป็นเครื่องรางยอดฮิต อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตด้วยครับ นั่นจึงทำให้ไกด์นำเที่ยวที่อียิปต์ส่วนใหญ่จะบอกว่ามันคือ “กุญแจแห่งชีวิต” (Key of Life) ซึ่งก็แล้วแต่จะเรียกครับ กล่าวกันว่าอังค์นั้นเป็นต้นแบบให้กับสัญลักษณ์ไม้กางเขนในศาสนาคริสต์ด้วยเช่นกัน แต่ที่แน่ๆ ก็คือในเชิงวิชาการแล้วนั้นต้นแบบทางกายภาพของอังค์ที่แท้จริงคือ “เชือกผูกรองเท้า” (Sandal Strap) ครับ

นักอียิปต์วิทยาเสนอว่าคนที่ถืออังค์ได้จะมีเพียงแค่เทพเจ้าหรือไม่ก็องค์ฟาโรห์เท่านั้น เพราะต้องการสื่อว่าผู้ที่มีอำนาจในการให้หรือปลิดชีวิตใครก็ตามอยู่ที่บัญชาของเทพเจ้าและองค์ฟาโรห์นั่นเองครับ สิ่งที่น่าสนใจก็คือเจ้า “อังค์” ที่ว่านี้มันไปโผล่อยู่บนดาวอังคารด้วยครับ!! โดยเจ้ายานคิวริออซิตีที่ไปปฏิบัติการอยู่บนดาวอังคารได้ส่งภาพปริศนานี้มา และมันก็ได้รับการอัพโหลดลง ยูทูบ (YouTube) ไปเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.2015 ที่ผ่านมานี้เองครับ

ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่บนชั้นหินก็คือสัญลักษณ์ที่ดูยังไงก็เหมือนกับอังค์ไม่มีผิดเพี้ยน ด้วยสิ่งนั้นมีวงกลมด้านบนเชื่อมติดกับเส้นตรงแนวขวาง และด้านล่างมีเส้นตรงแนวตั้งอีกเส้นหนึ่งลากยาวลงมา ทำให้ดูยังไงก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากอังค์แน่ๆ และ ถ้านั่นคืออังค์จริงๆ ก็น่าสนใจเหมือนกันครับว่าเหตุใดมันจึงไปปรากฏอยู่บนชั้นหินของดาวอังคารแบบโดดเดี่ยวไร้ซึ่งอักขระตัวอื่นเคียงข้างเช่นนั้น

ส่วนภาพสุดท้ายที่จะนำเสนอกันในครั้งนี้เพิ่งปรากฏให้เห็นเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ.2015 ที่ผ่านมานี้เองครับ ด้วยเป็นสิ่งที่ดูแล้วเชื่อว่าทุกคนที่เห็นภาพนี้ย่อมต้องนึกถึงอียิปต์โบราณเป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ค้นพบบนพื้นผิวดาวอังคารนั้นก็คือ “พีระมิด” ครับ


พีระมิดที่ค้นพบมีขนาดประมาณรถยนต์เท่านั้น แต่ก็อาจจะเป็นส่วนยอดของพีระมิดองค์ใหญ่ก็เป็นได้.

ข่าวเกี่ยวกับพีระมิดปริศนานอกโลกองค์นี้ ได้เสนอว่ายานคิวริออซิตีได้ค้นพบแบบจำลองมหาพีระมิดของอียิปต์บนดาวอังคารและนั่นอาจจะหมายความว่าดาวอังคารเคยมีอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ถือกำเนิดขึ้นมาก่อนโลกก็เป็นได้!!

แต่ถึงแม้ว่าพีระมิดในอียิปต์โบราณจะมีมากมายถึง 118 องค์ และพีระมิดที่ใหญ่ที่สุดในเมือง กิซา (Giza) จะสูงถึงราว 147 เมตร ทว่าพีระมิดที่ยานคิวริออซิตีค้นพบนี้กลับมีขนาดเพียงแค่เท่ากับ “รถยนต์” คันหนึ่งเท่านั้นเอง แต่กลุ่มที่สนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดก็ได้เสนอว่าถึงแม้ขนาดที่ค้นพบในภาพถ่ายจะไม่ได้ใหญ่ไปกว่ารถยนต์ เราก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีภาพที่เห็นมันอาจจะเป็นเพียงแค่ “ส่วนยอด” ของพีระมิดขนาดมหึมาที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นผิวอันกว้างใหญ่ของดาวอังคารก็เป็นได้

ถ้าลองมาฟังความเห็นของทั้งสองฝ่ายก็ต้องบอกว่าแต่ละฝั่งล้วนมีเหตุผลของตัวเองมาอ้างครับ ทางฝ่ายทฤษฎีสมคบคิดก็บอกว่าจากภาพที่เห็นนี้มันคือพีระมิดอย่างแน่แท้ และมันก็มีเหลี่ยมมุมที่ชัดเจนเหมือนถูกสร้างขึ้นมาอย่างจงใจ แต่ทางนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการก็เสนอว่าพีระมิดนั้นอาจจะไม่ได้เกิดจากความเพี้ยนของแสงและเงาก็จริง แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของสิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาดนอกโลกแต่อย่างใด และมันก็อาจจะเป็นเพียงแค่หินตามธรรมชาติที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพีระมิดเท่านั้นเอง

ถ้าความผิดปกติที่จับภาพได้บนพื้นผิวดาวอังคารทั้ง 4 ครั้งเป็นของชาวอียิปต์โบราณจริงๆ แล้วล่ะก็ ชาวไอยคุปต์ก็ควรจะต้องมีตำนานหรือความเชื่อที่เกี่ยวกับดาวอังคารด้วยเช่นกัน ถ้าพูดถึงเรื่องของดาวอังคารในอารยธรรมโบราณแล้ว ดูเหมือนว่าอารยธรรมที่เชื่อมโยงดาวสีแดงดวงนี้เข้ากับอาณาจักรของพวกเขาชัดเจนที่สุดคืออาณาจักรโรมันเพราะพวกเขาได้ทำการเชื่อมโยงดาวอังคารเข้ากับเทพเจ้ามาร์ส (Mars) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม เทียบเท่ากับเทพแอรีส (Ares) ในตำนาน ของชาวกรีก แต่ถ้าว่ากันตามความเชื่อของชาวไอยคุปต์แล้วนั้น พวกเขาไม่ได้มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับดาวอังคารเลยครับ ถึงแม้ว่าเราจะทราบว่าพวกเขาเรียกดาวอังคารว่า “เฮรเดเชร” (Hr dSr) ซึ่งแปลว่า “ฮอรัสแดง” (Horus the Red) เปรียบกับสีของดาวอังคาร แต่กระนั้นก็ไม่เคยปรากฏตำนานที่ว่าพวกเขาเคยไปอยู่ที่ดาวอังคารมาก่อน หรือแม้แต่เคยมีบรรพบุรุษอาศัยอยู่ที่ดาวดวงนั้นแต่อย่างใดครับ


ภาพสลักรูปอังค์ (ในวงกลม) ปรากฏให้เห็นอย่างโดดเดี่ยวบนชั้นหินของดาวอังคาร.

โดยสรุปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะค้นพบร่องรอยของอารยธรรมไอยคุปต์บนดาวอังคารถึง 4 ชิ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าดาวอังคารจะเคยมีอารยธรรมที่ก้าวหน้ากว่ามนุษย์อาศัยอยู่เมื่อหลายล้านปีก่อนจริงๆแต่อย่างใด เพราะความผิด ปกติที่ค้นพบนั้นมันดูโดดเดี่ยวผิดวิสัยที่ชาวไอยคุปต์มักจะสลักอักขระหรือรูปปั้นต่างๆ ในงานศิลปะและสถาปัตยกรรมเอาไว้เป็นกลุ่มก้อนมากกว่า นั่นจึงทำให้เราปักใจเชื่อได้ยากว่าภาพพิศวงที่ยานสำรวจบนดาวอังคารถ่ายมาได้จะเป็นร่องรอยของบรรพชนแห่งอารยธรรมไอยคุปต์จริงๆ

ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าคำตอบที่มีความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์มากที่สุดในขณะนี้ก็คือภาพเหล่านั้นมันเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “แพริโดเลีย” (Pareidolia) ซึ่งทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆเป็นใบหน้ามนุษย์หรือคล้ายคลึงกับสิ่งที่เราคุ้นชิน ทั้งๆ ที่เมื่อได้ลองวิเคราะห์สิ่งเหล่านั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มันกลับไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาในจินตนาการของเราเลยแม้แต่น้อยเท่านั้นเองล่ะครับ.


โดย : ณัฐพล เดชขจร
ทีมงาน นิตยสาร ต่วย'ตูน
เรื่อง-ภาพ : ไทยรัฐออนไลน์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.428 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 09 เมษายน 2567 09:25:35