[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
30 เมษายน 2567 03:40:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รอยบิ่นของพระพรหม (เอราวัณ)  (อ่าน 1850 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 28 สิงหาคม 2558 14:53:03 »

.


ศาลท้าวมหาพรหม โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ
ออกแบบตัวศาลโดยนายระวี ชมเสรี และ ม.ล.ปุ่ม มาลากุล
องค์ท้าวมหาพรหมปั้นด้วยปูนพลาสเตอร์ปิดทอง
ออกแบบและปั้นโดยนายจิตร พิมพ์โกวิท ช่างกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
และอัญเชิญพระพรหมมาประดิษฐานที่หน้าโรงแรมเอราวัณ
เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙
(วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี)


รอยบิ่นของพระพรหม

ศาลพระพรหม ที่สี่แยกราชประสงค์ ถูกสร้างขึ้นเพราะเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔ พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ต้องการสร้างโรงแรมเอราวัณขึ้นเพื่อใช้รองรับชาวต่างประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาดำเนินการสร้างโรงแรมแห่งนี้มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับอุปสรรคและอุบัติเหตุนานาประการระหว่างการสร้างอย่างมากมาย

และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น คนไทยเราก็มักจะผูกโยงเรื่องราวเข้ากับอาถรรพ์และสิ่งเร้นลับต่างๆ มากกว่าที่จะมองหาข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติการ และโครงสร้างอื่นๆ ซึ่งจะนำไปสู่หนทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

เรื่องราวมันจึงคาราคาซังจิตใจของผู้คนอยู่อย่างนั้นมาจนกระทั่งถึงเรือน พ.ศ. ๒๔๙๙ ทางบริษัท สหโรงแรมไทย และการท่องเที่ยว จำกัด ผู้บริหารโรงแรมเอราวัณ จึงค่อยติดต่อ พลเรือตรีหลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. นายแพทย์ใหญ่กองทัพเรือ ผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการนั่งทางในที่สุดคนหนึ่งของช่วงสมัยนั้น ช่วยดำเนินการหาฤกษ์วันเปิดโรงแรมให้  

และก็เป็นเพราะเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เกิดการสร้าง ศาลพระพรหม ที่โด่งดังที่สุดในโลกแห่งนี้ขึ้นมา

เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากที่หลวงสุวิชานแพทย์ท่านท้วงติงขึ้นมาว่า ทางโรงแรมยังไม่เคยมีการทำพิธีบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณนั้นเลยสักนิด

ฤกษ์ในการวางศิลาฤกษ์ที่โรงแรมก็ไม่ถูกต้อง แล้วจะให้เจ้าที่เจ้าทางท่านพออกพอใจได้อย่างไร?

ซ้ำร้ายชื่อ “เอราวัณ” ของโรงแรมนั้นยังเป็นชื่อศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นชื่อช้างทรงของพระอินทร์ จึงจำเป็นต้องมีการบวงสรวงที่เหมาะสม และต้องขอพรให้พระพรหมช่วยขจัดอุปสรรคทั้งหลาย  ที่สำคัญคือต้องมีการสร้างศาลพระพรหมขึ้นทันทีเมื่อสร้างโรงแรมจนแล้วเสร็จ

จึงมีการสร้างศาลพระพรหมขึ้นมาอย่างที่เห็นๆ กันอยู่มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้เอง

ผมก็ไม่ทราบว่า ทำไมเมื่อเป็นเรื่องของเจ้าที่เจ้าทางแถวนั้นแล้ว หลวงสุวิชานแพทย์ท่านไปลากพระพรหมเข้ามามีเอี่ยวกับเรื่องนี้ได้ด้วยอีท่าไหน?  แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็ยังหลุดมาจากปากคำของหลวงฯ ท่านเดียวกันนี้อยู่ดีนั่นแหละ

เพราะท่านอ้างว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประทับอยู่ภายในรูปปั้น “พระพรหม” องค์นี้ ไม่ใช่องค์พระพรหมเองเสียหน่อย แต่เป็น “ท้าวเกศโร” ซึ่งเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ “สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว” พระอนุชาและกษัตริย์พระองค์ที่สองในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งหลวงสุวิชานแพทย์ให้ปากคำไว้ว่า พระองค์ได้ทรงไปทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของพระพรหมอยู่บนสวรรค์ หลังจากที่เสด็จสวรรคตไปแล้ว

ผมไม่ทราบว่าจะไปตรวจสอบได้อย่างไรว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ในรูปพระพรหมที่หน้าโรงแรมเอราวัณนั้นเป็น ดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ จึงอย่างที่หลวงสุวิชานแพทย์ท่านอ้างไว้จริงหรือเปล่า?

เพราะผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการนั่งทางในเหมือนกับหลวงฯ ท่าน  และแม้ว่ามนุษย์เราจะสามารถส่งจรวดไปถึงดาวพลูโต ที่สุดขอบระบบสุริยจักรวาลของเราได้แล้ว แต่ใครจำนวนมหาศาลก็ยังเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระพรหมที่แยกราชประสงค์ท่านอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องทราบว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ภายในคือองค์พระปิ่นเกล้าฯ ไม่ใช่พระพรหม

ผมก็คงไม่จำเป็นต้องสนใจพิสูจน์ด้วยว่า ที่หลวงสุวิชานแพทย์ท่านอ้างไว้จะเป็นเรื่องชัวร์หรือมั่วนิ่มเหมือนกันกระมังครับ?

เพราะสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ การทำความเข้าใจว่าทำไมหลวงสุวิชานแพทย์ท่านต้องอ้างเอาพระบารมีของสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ มาใช้




พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระอนุชาของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔
ภาพจาก wikimedia.org

เป็นเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้สนใจประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ในช่วงยุคเปลี่ยนผ่านจากสยามแบบดั้งเดิม มาสู่สยามแบบรัฐชาติสมัยใหม่ว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงเป็นเจ้าหัวฝรั่งซ้ำยังเป็นฝรั่งเอียงข้างอเมริกันเสียด้วย   ก็เอียงข้างถึงขนาดทรงพระราชทานนามให้แก่พระราชโอรสพระองค์โตของพระองค์เองว่า พระองค์เจ้ายอร์ช วอชิงตัน ตามชื่อประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกันชนเลยทีเดียว (ต่อมาค่อยเปลี่ยนพระนามเป็น พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ ในภายหลัง)

ข้อมูลบางส่วนซึ่งตรวจสอบไม่ได้ชัดว่าจริงอย่างที่ว่ากันหรือเปล่า แต่ก็น่าสนใจพอที่จะนำมาพิจารณาในที่นี้ ก็คือข้อมูลที่อ้างว่า พื้นที่แยกราชประสงค์ในสมัยช่วงที่สร้างโรงแรมเอราวัณเสร็จใหม่ๆ นั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สี่แยกอเมริกัน”  โดยมีคำอธิบายที่สี่แยกนี้ถูกเรียกชื่อเสียฮิปขนาดนั้น เป็นเพราะบริเวณนั้นเป็นศูนย์กลางการค้าและย่านแฟชั่นทันสมัย

แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับว่า แทบไม่มีหลักฐานยืนยันเลยว่า “สี่แยกราชประสงค์” เคยถูกเรียกว่า “สี่แยกอเมริกัน” จริงอย่างที่ใครบางคนได้อ้างไว้ลอยๆ หรือเปล่า?

อย่างไรก็ตาม การกล่าวอ้างอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของความเป็นย่านสมัยใหม่ ความทันสมัย อย่างเดียวกับที่คนในยุคหนึ่งใช้ สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เป็นไปคอนหรือภาพแสดงแทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสอดคล้องที่บังเอิญหรือตั้งใจก็ตามที

ฝรั่งคนหนึ่งชื่อ เจ. อันโตนิโอ (J. Antonio) ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เมื่อเรือน พ.ศ. ๒๔๔๗ ตรงกับในช่วงปลายของสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เขียนหนังสือที่คงจะแปลออกมาง่ายๆ ว่าชื่อ “นำเที่ยวบางกอกและสยาม” (Guide to Bangkok and Siam)  ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่หนังสือทำนอง Lonely Planet ฉบับแรกที่ฝรั่งเขียนพาเที่ยวกรุงเทพฯ แต่ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ในหนังสือฉบับนี้    นายอันโตนิโอบอกว่าบางกอกและสยามนั้นอยู่ “นอกเส้นทาง” (out of track) ของโลก ไม่ว่าเส้นทางที่ว่าจะเป็นเส้นทางการค้า เส้นทางท่องเที่ยวผจญภัย หรือจะเป็นเส้นทางอะไรก็ตามที  แต่นายอันโตนิโอก็บันทึกไว้ด้วยว่า บางกอกในฐานะศูนย์กลางอำนาจรัฐของสยาม กำลังขยายเมืองใหม่ขึ้นมาทางด้านทิศเหนือของเมืองเก่า ที่มีกำแพงเมืองล้อมรอบ ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีพระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้วเป็นศูนย์กลางที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑

ลักษณะอย่างหนึ่งของเมืองใหม่ทางทิศเหนือนี้ ต่างจากเมืองเก่าก็คือมีการสร้างวังด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ซึ่งแปลกไปจากธรรมเนียมดั้งเดิมของสยาม ในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งร่วมสมัยกับที่นายอันโตนิโอเข้ามาในบางกอก เป็นช่วงที่รัชกาลที่ ๕ โปรดให้สร้างวังสวนดุสิต หรือพระราชวังดุสิตในปัจจุบัน ที่มีพระที่นั่งทรงฝรั่งอย่าง พระที่นั่งวิมานเมฆ พระที่นั่งอัมพรสถาน หรือพระที่นั่งที่มาแล้วเสร็จเอาในสมัยรัชกาลที่ ๖ อย่าง พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นสำคัญ

หลังสร้างวังสวนดุสิต รัชกาลที่ ๕ โปรดให้สร้างวังสวนสุนันทาเพิ่มเติม ในละแวกไม่ห่างกันนัก แถมยังโปรดให้ปลูกพระตำหนักพญาไท ในพื้นที่ท้องทุ่งที่ห่างไกลออกไปจากศูนย์กลางของเมืองในสมัยนั้น

และต่อมารัชกาลที่ ๖ ก็โปรดให้ขยายและสร้างเป็นพระราชวังพญาไท ปัจจุบันอยู่ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ย่านราชวิถี ที่นี้มีการสร้างเมืองจำลองของรัชกาลที่ ๖ ที่ชื่อว่าเมืองดุสิตธานีอีกด้วย นี่ยังไม่ได้นับวังสร้างใหม่อีกหลายแห่ง เช่น วังสวนจิตรลดา เป็นต้น

พื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นย่านสมัยใหม่ของบางกอก ที่เริ่มขยายตัวตั้งแต่ช่วงระหว่างสมัยรัชกาลที่ ๕-รัชกาลที่ ๖

และแยกราชประสงค์เองก็อยู่ท่ามกลางความเจริญของเมืองที่เริ่มขยายตัวขึ้นมาทางทิศเหนือของเมืองเก่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั่นแหละครับ เพราะแยกราชประสงค์เกิดจากการตัดกันของถนนสองสายคือ ถนนราชดำริและถนนเพลินจิต

“ถนนราชดำริ” สร้างแล้วเสร็จเมื่อเรือน พ.ศ. ๒๔๔๕ ตามพระราชดำริของรัชกาลที่ ๕ ที่โปรดให้ตัดถนนกว้างขวางกว่าที่พระนครเคยมี เนื่องจากถนนสายที่มีมาก่อนในกรุงเทพพระมหานคร เช่น ถนนเจริญกรุง แคบเกินไปจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง

จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ในยุคนั้นว่า ถนนเส้นนี้กว้างเกินความจำเป็น ซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ถนนราชดำริกว้างเกินความจำเป็นอย่างที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสมัยนั้นหรือเปล่า?

ส่วน “ถนนเพลินจิต” สร้างขึ้นในสมัยต่อมา คือรัชกาลที่ ๖ โดยสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ ก่อนที่จะได้รับการพระราชทานนามในปีถัดมาตรงกับเรือน พ.ศ.๒๔๖๔ ที่จุดตัดของถนนเพลินจิตและถนนราชดำริ คือแยกราชประสงค์นั้น ก็มีวังสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ อย่างวังเพ็ชรบูรณ์อยู่ด้วย ปัจจุบันคือพื้นที่บริเวณห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์นั่นเอง

การที่ พลเอกเผ่า ท่านอยากจะสร้างโรงแรมไว้รองรับแขกบ้านแขกเมืองนั้น ก็บ่งบอกอยู่ในตัวแล้วว่า พื้นที่ละแวกแยกราชประสงค์เป็นย่านสมัยใหม่อย่างไรในสมัยนั้น?  

การปรากฏตัวของพระพรหมขึ้นโดยกระชับเอาพื้นที่ชัยภูมิสำคัญของสี่แยก มาเป็นเคหสถานของตัวท่านเองที่สี่แยกราชประสงค์ต่างหาก ที่ดูแปลกตาสำรับพื้นที่ส่วนขยายของเมืองตามคอนเซ็ปต์ของรัฐชาติสมัยใหม่  

ซ้ำร้ายที่มักเข้าใจกันว่าพระพรหมรูปนี้สร้างขึ้นในศาสนาพราหมณ์ ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะดูจะเป็นเรื่องในศาสนาผีแบบไทยๆ เสียมากกว่า  

เพราะคนสั่งให้สร้าง อย่างหลวงสุวิชานแพทย์ ท่านบอกเอาไว้เองว่า ให้สร้างรูปพระพรหมไว้โดยที่มีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระปิ่นเกล้าประทับอยู่ภายใน  

รูปพระพรหมนี้จึงควรจะสร้างขึ้นในความเชื่อแบบผี อิงเจ้า ที่นับถือศาสนาพุทธ แต่อยู่ในคราบของพราหมณ์  แถมยังแฝงอยู่ในวิถีเมืองสมัยใหม่ของไทยเสียอีกต่างหาก

และเมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่กลางราชประสงค์เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น แรงระเบิดก็ทำได้เพียงแค่ทำให้รูปของพระพรหมมีรอยบิ่นไปนิดๆ  ผมไม่แน่ใจว่ารอยบิ่นที่เห็นอยู่นั้นเป็น “รอยบิ่นของความเชื่อ” หรือว่าเป็น “รอยบิ่นของความเป็นสมัยใหม่” ในกรุงเทพฯ แต่ก็เป็นรอยบิ่นที่เห็นได้อยู่ทั่วไปในปัจจุบัน  

อย่างน้อยที่สุด ผู้ก่อเหตุระเบิดที่กลางแยกราชประสงค์ในวันนั้น ก็เห็นถึงรอยบิ่นที่ว่านี้ด้วยเหมือนกัน



ที่มา : On History "รอยบิ่นของพระพรหม" โดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ น.๘๒ ฉบับที่ ๑๘๒๘ ประจำวันที่ ๒๘ ส.ค.-๓ ก.ย.๕๘

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 03 กันยายน 2558 15:24:59 »

.


ฟื้นมั่นใจ - กทม.จัดแสดงนางรำ หนึ่งในกิจกรรมในพิธีทำบุญ ๕ ศาสนา
จัดขึ้นที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์เพื่อเรียกขวัญกำลังใจประชาชน
จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ๒๐ ราย เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘
(ภาพจากรอยเตอร์ - คำบรรยายจากมติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ หน้า๑)

รำแก้บน ที่ศาลพระพรหม
โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
หนังสือพิมพ์มติชน - ๒ กันยายน ๒๕๕๘

ศาลพระพรหม ราชประสงค์ มีรำแก้บน โดยนางรำจากคณะหรือกลุ่มต่างๆ หลายคณะ จึงต้องจัดรำสลับกันเป็นวันๆ และเป็นเวลาๆ กลางวัน-กลางคืน

คณะนางรำ ประกอบด้วยนางรำและคนปี่พาทย์ (ผู้ชาย) มีหลายคน

รายได้มี ๒ ทาง คือ
   (๑) จากคนแก้บนมาจ้างให้รำเป็นรอบๆ ตามราคามาตรฐานที่กำหนด และ
   (๒) จากค่าทิปต่างๆ ตามอัธยาศัย

เฉลี่ยรายได้จากคำบอกเล่าของนางรำเอง คนละประมาณ ๑,๐๐๐ บาทต่อวัน (ตามปกติ) แต่งานไม่ได้ทำทุกวัน เพราะต้องแบ่งสลับกัน

ครั้นหลังเหตุการณ์ระเบิด รายได้ลดลง แต่จะค่อยๆ คืนเหมือนเดิม สภาพอย่างนี้เคยเกิดมาแล้ว

ศาลหลักเมือง ใกล้สนามหลวง (มีสมัย ร.๔ ก่อนศาลพระพรหม) มีทั้ง รำแก้บน และ ละครแก้บน แต่รายได้เทียบไม่ติดศาลพระพรหม เพราะคนขึ้นไม่มาก

ต้นทางละคร

เลี้ยงผีแก้บน ด้วยรำ, ระบำ, ละคร การละเล่นดึกดำบรรพ์นับพันปีมาแล้ว เป็นต้นทางละคร (ในราชสำนักของรัฐจารีตโบราณ) ที่ยังสืบทอดถึงทุกวันนี้ (อยู่ในกรมศิลปากร)

เครื่องแต่งตัวละคร (รัดเครื่อง) และนางรำ ได้แบบจากละครในของหลวง (จะว่าละครนอกก็ได้ ซึ่งล้วนเลียนแบบโขนอีกทอดหนึ่ง) แต่ละครแก้บนดั้งเดิมแต่งอย่างชาวนาชาวบ้านทั่วไป

ตำราทางการพยายามบอกว่าดนตรีและนาฏศิลป์ของไทยมาจากอินเดียทั้งๆ งานวิจัยทางประวัติ ศาสตร์โบราณคดีจำนวนมากไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับนาฏศิลป์อินเดีย

แก้บน เป็นคำกร่อนจาก แก้สินบน หมายถึงตอบแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคยสัญญาเอาไว้ สินบน คือทรัพย์หรือสิ่งของที่จะให้เป็นเครื่องตอบแทนผู้ที่จะช่วยให้สำเร็จตามประสงค์ (พจนานุกรมฉบับมติชน)

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยให้สำเร็จตามประสงค์ คือ ผี(บรรพชน) เช่น ผีฟ้า, ผีแถน บางทีเรียกรวมว่า ผีฟ้าพญาแถน

[ผีฟ้า มีความหมายถึงพระเจ้าแผ่นดิน พบหลักฐานในศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๒ วัดศรีชุม]

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.417 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 31 มีนาคม 2567 05:16:21