[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 01:09:41 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Freemason ลัทธิโบราณจนปัจจุบัน  (อ่าน 19995 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
wondermay
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 25 มกราคม 2554 21:24:21 »


องค์กรลับ Freemason Freemason (ฟรีเมสัน)

          เป้าหมายแรกของพวกฟรีเมสันคือการต่อสู้ กับศาสนาคริสต์ หลังจากนั้น เป้าหมายของพวกนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นการต่อสู้กับทุกศาสนา เพื่อสถาปนาอิสราเอลขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
และเพื่อกลับไปสู่ปาเลสไตน์ ใน ค.ศ.1717 พวกฟรีเมสันได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งภายใต้ชื่อใหม่ว่า"สมาคมฟรีมาโซนิค หรือฟรีเมสัน"เพื่อต่อต้านศาสนาอย่างเปิดเผย นอกจากนั้นแล้ว
พวกนี้ยังได้ใช้เครื่องหมายใหม่เป็นรูปสามเหลี่ยมและวงเวียนปลายแหลมสองด้าน เป็นสัญลักษณ์อีกด้วย แหล่งพบปะหรือที่เรียกกันว่า “ลอดจ์” (lodge) แห่งแรกของคนพวกนี้ถูกตั้งขึ้น
ในอังกฤษโดยใช้คำขวัญใหม่ว่า “เสรีภาพ ภราดรภาพและเสมอภาค”ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มมาโซนิคและสโมสรต่างๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้น

หลังจากนั้น คนพวกนี้ก็ตัดสินใจประกาศเป้าหมายที่แท้จริงของตนดังต่อไปนี้ คือ

1) เพื่อรักษาศาสนายูดาย
2) เพื่อต่อสู้ศาสนาต่างๆโดยเฉพาะนิกายแคธอลิก
3) เพื่อเผยแพร่การไม่เชื่อในพระเจ้าและลัทธิเสรีนิยม

หลังจากนั้น แหล่งพบปะใหม่ๆของพวกฟรีเมสันก็ถูกตั้งขึ้นในสหรัฐฯ

             งานศึกษาหลายชิ้นโดยนักเขียนชาวตะวันตกตลอดจนแถลงการณ์ของพวกยิวและการศึกษา ค้นคว้าเป็นการเฉพาะได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกยิวกำลังวางแผนที่จะทำให้โลก 
เสื่อมทรามลงโดยคำขวัญที่สวยหรูต่างๆซึ่งมุสลิมเป็นเป้าแรกที่ต้องทำลาย คนพวกนี้มีคำขวัญว่า “ศาสนานำไปสู่การแตกแยกในขณะที่ฟรีเมสันนำเราไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว กัน”
มีรายงานในสารานุกรมมาโซนิคที่ออกในฟิลาเดลเฟียเมื่อ ปี ค.ศ.1906 ว่าแหล่งพบปะทุกแห่งของพวกมาโซนิคจะต้องเป็นสัญลักษณ์ของวิหารชาวยิวและครู ทุกคนจะต้องเป็นตัวแทน
ของกษัตริย์ยิวและองค์การฟรีเมสันทุกแห่งจะต้องรวบรวม ผู้ทำงานชาวยิวไว้ ในแถลงการณ์ของพวกมาโซนิคที่ ออกในลอนดอนในค.ศ.1935 กล่าวว่า : “ความปรารถนาของเราก็เพื่อ
ที่จะก่อตั้งลัทธิความเชื่อที่สมาชิกของลัทธิใช้ วิธีการมีความสัมพันธ์ทางเพศ” ดังนั้น จึงได้มีการตั้งสโมสรต่างๆสำหรับคนชอบเปลือยกายขึ้นและพยายามอย่างเต็มที่ใน การทำลายคุณค่า
ทางศีลธรรมเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายของตน พวกฟรีเมสันได้ใช้ชื่อต่างๆกัน เช่น “ลูกหลานแห่งพันธสัญญา” (Children of covenant) “คิวานี”(Kiwani) “ไลออนเนส” (Lioness)
 “ยะฮ์เวห์ เพรสเซนส์” (Yahweh Presence) “เอ็กซเชนจ์” (Exchange) “สโมสรโรตารี” (Rotary Club) และอื่นๆ ชาร์ลส มาร์ไดน์ (Charles Mardine) ได้ให้ข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์อย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง Rotary and The Like ของเขาซึ่งตีพิมพ์ใน ค.ศ.1936

1.ลูกหลานแห่งพันธสัญญา (Children of covenant)
พวกมาโซนิคกลุ่มนี้เกิดขึ้นในนิวยอร์คใน ค.ศ.1843 โดยมีสมาชิกเป็นชาวยิวโดยเฉพาะ หลังจากนั้น
   กลุ่มนี้ก็มีสาขาหลายแห่งทั่วโลก ในการประชุมครั้งหนึ่งซึ่งคนกลุ่มนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3/5/1966 นายฟอร์สเตอร์ ดัลลัส ได้กล่าวในที่ประชุมว่า : “อารยธรรมตะวันตก
   วางพื้นฐานอยู่บนความเชื่อของยิว ประเทศตะวันตกทั้งหมดจะต้องป้องกันฐานที่มั่นของอารยธรรมของตน นั่นคือ อิสราเอล”

2.ลุ่มคิวานี กลุ่มนี้มีคำขวัญว่า “รู้ด้วยตัวเองก็แล้วกันว่าจะทำให้เสียงของพวกท่านเป็นที่รับฟังได้อย่างไร” กลุ่มนี้ถูกจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ.1915 ในเมืองดีทรอยต์ สหรัฐฯ


3. “ไลออเนสส์”
สาขานี้ปรากฏขึ้นในชิคาโกมาตุภูมิของสโมสรโรตารี ตามหนังสือพิมพ์อัล-อะฮ์รอมฉบับวันที่ 2/12/1985 รัฐมนตรีหญิงได้ไปเปิดสโมสรไลออเนสส์แห่งแรก
    ที่โรงแรมเชอราตันไคโร รายชื่อสมาชิกของกลุ่มนี้มีอยู่ในหนังสือพิมพ์ด้วย

4. “เอ็กซเชนจ์” ถูกก่อตั้งขึ้นในเมืองดีทรอยต์ในสหรัฐฯเมื่อวันที่ 27/3/1916 โดยชาร์ลส เบอร์คี ซึ่งเป็นพ่อค้าอัญมณีคนหนึ่ง กลุ่มนี้จัดประชุมครั้งแรกขึ้นใน ค.ศ.1917


5. “ยะฮ์เวห์ เพรสเซนส์”
เป็นมูลนิธิของพวกยิวในชื่อคริสเตียน ยะฮ์เวห์เป็นนามของพระผู้เป็นเจ้า (พันธสัญญาเก่า) ถูกตั้งขึ้นในเพนซิลวาเนีย สหรัฐฯ
   หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์คในค.ศ.1909 ผู้ปฏิบัติงานของมูลนิธินี้จะออกไปเยี่ยมเยียนผู้คนที่บ้านเพื่อส่งเสริม หลักการที่วางพื้นฐานอยู่บนคัมภีร์โตราห์ (ซึ่งคนพวกนี้ได้บิดเบือนแล้ว)
   กลุ่มนี้เป็นสมาคมยิวที่อันตรายที่สุดกลุ่มหนึ่งทั้งนี้เนื่องจากมันหลอกลวง ชาวคริสเตียนและสร้างเรื่องเท็จต่างๆขึ้นมาเกี่ยวกับศาสดา เช่น การพยากรณ์ถึงดินแดนแห่งพันธสัญญา

                 ใน ค.ศ.1951 ความลับของพวกฟรีเมสันก็แดงขึ้นในวารสารของกองทัพโดยนายทหารคนหนึ่งซึ่งเข้า ไปร่วมกันคนพวกนี้และหลังจากนั้นได้ออกมา
เปิดเผยความลับของคนพวกนี้ นอกจากนี้แล้ว นายทหารคนหนึ่งยังได้เปิดเผยความลับของคนพวกนี้ในหนังสือเรื่อง “The World is the Doll of Israel” (โลกนี้คือตุ๊กตาของอิสราเอล)
ซึ่งได้ถูกแปลเป็นภาษาอาหรับ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีหนังสือบางเล่มเกี่ยวกับเรื่องฟรีเมสันที่เป็นประโยชน์ และสมควรที่จะกล่าวถึงในที่นี้ เช่น “Freemasonry Open Air”
และ “Pawns on the Chase”โดย ดร.มุฮัมมัด อะลี อัซ-ซุบี, นอกจากนี้ ดร.มุฮัมมัดเคยเป็นพวกมาโซนิคคนสำคัญคนหนึ่งในเลบานอน แต่หลังจากนั้น เขาสำนึกผิดและ
ได้กลับมาสู่อิสลามและได้ถูกพวกฟรีเมสันฆ่า

                     ในหลายประเทศจะไม่ยอมให้คณะผู้นำของประเทศขึ้นมาสู่อำนาจอย่างไร้ทิศทาง บางประเทศเข้มข้นถึงขนาดมีองค์กรลับที่สุด เพื่อที่จะสรรหาและฝึกฝนผู้คนขึ้นไปสู่
การมีอำนาจและการดูแลอำนาจ องค์กรหนึ่งซึ่งทรงพลังมากในสมัยโบราณหลายร้อยปี และยังคงทรงพลังต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็คือ “ฟรีเมสันส์”



Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 25 มกราคม 2554 21:35:34 »


from : someone blog หัวเราะลั่น
ผมมีความเชื่อเป็นการส่วนตัวว่า ในประเทศไทยของเรา ก็มีสมาชิก องค์กรลับฟรีเมสันส์อยู่หลายคน สมาชิกขององค์กรที่ทรงอิทธิพลอย่าง CFR ก็น่าจะมีไม่น้อย


         ในยุคที่ "แสงสว่างแห่งปัญญา" อันเกิดจากศักยภาพของมนุษย์ ผู้ซึ่งสามารถปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ พ้นไปจากการครอบงำทางความคิดอันล้าหลังของศาสนจักร
ได้เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งยุโรป…องค์กรลับอย่างฟรีเมสันก็ได้แสดงตัวให้ชาว ยุโรปได้รับรู้กันในฐานะ "สมาคมแห่งภราดรภาพ" หรือ "สมาคมของผู้ที่มีความ สุขต่ออิสรภาพ"
และได้ประกาศคำขวัญในหมู่มวลสมาชิกเอาไว้ว่า"เสรีภาพ-ความเสมอภาค-และ ภราดรภาพ"ที่ในระยะเวลาต่อมามันได้กลายมาเป็นคำขวัญของบรรดาขบวนการปฏิวัติ โค่นล้ม
อำนาจการปกครองของรัฐบาลต่างๆในยุโรปไปโดยลักษณะใดก็ไม่อาจทราบ ได้…???

          แต่โดยบรรยากาศความร้อนแรงในยุค "แสงสว่างแห่งปัญญา" กำลังสาดส่องอยู่ทั่วยุโรปนั้น สมาคมลับอีกแห่งหนึ่งที่ชาวยิวมีส่วนเข้าไปพัวพันตั้งแต่จุดเริ่มต้น และมีบทบาท
ในการรองรับความหิวกระหายเสรีภาพ-ความเสมอภาค-ภราดรภาพของชาว ยุโรปได้ถนัดถนี่ยิ่งกว่าฟรีเมสันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือองค์กรที่ใช้ชื่อว่า "อิลูมิเนติ" ( illuminati )
ซึ่งโดยความหมายที่ถอดความมาจากภาษาละตินนั้น ก็หมายถึง "แสงสว่าง" หรือ "ความรู้แจ้ง"ไม่ต่างไปจาก "แสงสว่างแห่งปัญญา" เช่นเดียวกับคำว่า "เอ็นไลท์เทนเม้นท์" นั่นเอง…
บทบาทของ "อิลูมิเนติ" นั้นได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนในยุโรปตั้งแต่ประมาณช่วงปี ค.ศ. ๑๔๙๒ ในบรรดาเมืองสำคัญๆ ของประเทศเสปน อันเป็นแหล่งรองรับวิทยาการที่หลั่งไหล
จากจักรวรรดิอิสลามเข้ามาสู่ยุโรปใน ช่วงแรกๆ นั่นเอง เช่น เมือง เซวิลล์, คอร์โดบา และทอเลโด ฯลฯ เป็นต้น หลังจากนั้นบทบาทของ "อิลูมิเนติ" ก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นมาในฝรั่งเศสในช่วงปี
ค.ศ. ๑๖๒๓-๑๗๒๒ และแพร่สะพัดไปสู่ประเทศอังกฤษในช่วงระยะเดียวกัน ก่อนที่จะลุกลามไปสู่เยอรมันโดยเฉพาะในแคว้นบาวาเรียในช่วงปี ค.ศ. ๑๗๗๗ โดยชาวยิวที่มีชื่อว่า
"อาดัม ไวซ์ชวาปท์" และได้แพร่ต่อไปยังโปแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ค ฮังการี ออสเตรีย ฯลฯ ก่อนที่จะไปปรากฏตัวชัดเจนในประเทศรัสเซียตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๗๙๐ เป็นต้นมา…

          องค์กรอย่างอิลูมิเนตินั้น… แตกต่างไปจากฟรีเมสันตรงที่สามารถสลัดหลุดออกมาจากกรอบความคิดในเรื่อง "พระเจ้า" ได้อย่างสิ้นเชิง หันมาให้ความสำคัญกับ "ความรู้" และ
"ความมีเหตุมีผล" ที่เกิดจากการ "ค้นคิดอย่างเป็นอิสระ" ภายใต้ศักยภาพความเป็นมนุษย์ อันเป็นสิ่งที่ควรจะได้รับการยึดมั่น-ศรัทธาแทนความเชื่อในเรื่องสิ่งสูงสุด ทางศาสนา…หรือที่เรียกๆ
กันว่าแนวทาง "ความรู้นำไปสู่สุขคติ" (Gnosticism)…

          บทบาทขององค์กรฟรีเมสันและอิลูมิเนติ ที่ต่างก็แผ่กระจายเข้าไปมีอิทธิพลเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วทั้งยุโรปในขณะนั้น มันจะมีที่มา-ที่ไปแตกต่างกันหรือไม่?
เพียงใด? ก็แล้วแต่…แต่สิ่งที่ทำให้ฟรีเมสันและอิลูมิเนติมีความ เหมือนกันและสอดคล้องกันและกันก็คือ องค์กรทั้งสองล้วนแล้วแต่เป็นสมาคมลับ และต่างก็เป็นสมาคมที่ชาวยิวเข้าไปมีบทบาท
ในการก่อตั้งและขับเคลื่อนมา ตั้งแต่แรกด้วยกันทั้งคู่…???

           ในการปฏิวัติฝรั่งเศสปี ค.ศ. ๑๗๘๙ หัวหอกสำคัญในการก่อการปฏิวัติโค่นล้มอำนาจพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ เพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐ ที่เรียกกันว่าพวก
"จาโคแบงส์" (Jacobins) ได้ถูกกล่าวหาหรือตั้งข้อสงสัยว่า มี

           ในการก่อการปฏิวัติเพื่อโค่นล้มอำนาจของพระเจ้าเฟอร์ดินันด์ที่ ๗ ในประเทศเสปน ช่วงปี ค.ศ. ๑๘๑๙ "นักสาธารณรัฐนิยม" ผู้เป็นหัวหอกสำคัญในการปฏิวัติอย่าง
"ราฟาเอล เดล เรียโก อิมูเนซ" ก็เป็นที่รู้จักกันในฐานะสมาชิกคนสำคัญขององค์กรฟรีเมสันกันมาตั้งแต่แรก…

          "สมาคมศิลปะและการฝีมือ", "สมาคมพิธีศพ" , สมาคมเลี้ยงเด็กกำพร้า", "สมาคมหาคู่"…ฯลฯ แต่ภายใต้กิจกรรมของสมาคมต่างๆ ที่ดูเหมือนกับไม่ได้มีจุดประสงค์และเป้าหมายใดๆ
ที่อาจจะกระทบต่อนโยบายกำจัดสิทธิ์ซึ่งรัฐบาลรัสเซีย มีต่อชาวยิวเลยนั้น โดยการเชื่อมโยงของเครือข่ายสมาคมต่างๆ เหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้ชาวยิวในรัสเซียสามารถสร้าง "อำนาจรัฐซ้อนรัฐ"
หรือ "อำนาจการปกครองตัวเอง" ซ้อนอยู่ในอำนาจของรัฐบาลรัสเซียได้สบายๆ หรือสามารถใช้สมาคมต่างๆ ดูแลปกครองชาวยิวตามตัวบทกฎหมายของชาวยิวเอง แม้นว่ารัฐบาลรัสเซียจะมีคำสั่ง
ห้ามอย่างเด็ด ขาด ไม่ให้ชาวยิวหรือชนชาติส่วนน้อยใดๆ ทำการปกครองตัวเองภายในแผ่นดินรัสเซียก็ตาม…ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจนัก ที่เมื่อเกิดการปฏิวัติโค่นล้มระบบซาร์ในรัสเซีย
ช่วงปี ค.ศ. ๑๙๑๗ กลุ่มกำลังที่มีส่วนสำคัญในการปฏิวัติไม่ว่ากลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "บอลเชวิค" หรือ "เมนเชวิค" ก็แล้วแต่ ต่างก็ถูกระบุถึงการมีสัมพันธ์โยงใยอยู่กับสมาคมลับอย่างอิลูมิเนติ
ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชาวยิวในรัสเซียที่ล้วนแต่เติบโตขึ้นมา ภายใต้เครือข่ายขององค์กรบังหน้าในลักษณะรัฐซ้อนรัฐกันมาตั้งแต่แรก…

          บทบาทของชาวยิวไม่ว่าโดยฐานะตัวบุคคล โดยองค์กรทั้งในแบบลับๆ หรือเปิดเผย ที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมในยุโรปนั้น…
ว่าไปแล้วค่อนข้างเป็นอะไรที่สับสน สลับซับซ้อน จนยากที่จะควานหาเป้าหมาย แนวทางกันได้ชัดๆ มีทั้งบทบาทที่แสดงออกในลักษณะ ปิดบัง ซ่อนเร้นจนยากที่จะหาร่องรอยหลักฐานใดๆ
มาเป็นข้อพิสูจน์ได้ มีทั้งลักษณะที่เปิดเผยตรงไป-ตรงมาซึ่งถูกแสดงออกผ่านนักธุรกิจ พ่อค้า

            หรือเครือข่ายอำนาจทางการค้า อันเป็นบทบาทที่เคยหนุนช่วยอำนาจของสถาบันกษัตริย์ในบางช่วงบางระยะ แต่ก็กลับมามีบทบาทในการโค่นล้มอำนาจกษัตริย์ในช่วงระยะต่อมา
มีทั้งตระกูลคหบดีชาวยิวที่อาศัยความมั่งคั่งทางการค้าแผ่ขยายเครือข่ายเข้า ไปในหมู่ชนชั้นสูงในยุโรป ใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจรัฐจนกลายเป็นเครือญาติของราชวงศ์ และชนชั้นขุนนาง
สืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆ แต่ก็มีเครือข่ายของชาวยิวอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยความเจ็บปวดเคียดแค้นของชน ชั้นกรรมาชนแผ่ขยายความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับอำนาจที่เกิดขึ้นมาใหม่โดย นักปฏิวัติ
ผู้พยายามโค่นล้มระบบขุนนางและกษัตริย์ลงไปให้ได้ และยังมีชาวยิวในแต่ละบุคคลที่อาศัยสติปัญญา ความเฉลียวฉลาดเฉพาะตัวแสดงบทบาททั้งในฐานะผู้กระตุ้นให้เกิดลัทธิทุนนิยม
ขึ้นมาในยุโรป รวมทั้งเป็นผู้ที่ให้กำเนิดลัทธิคอมมิวนิสต์อันเป็นฝ่ายตรงกัน ข้ามกับทุนนิยม จนบรรดาผู้ที่เชื่อมั่น-ศรัทธาต่อความคิดของชาวยิวทั้งสองฝ่ายต้องหันมา ประหัตประหารกันเอง
ทั่วทั้งยุโรปและทั่วทั้งโลกในเวลาต่อมาอีกด้วย….ฯลฯ ฯลฯ

แต่ภายใต้ลักษณะที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน สับสน และผิดแผกแตกต่างกันปานอารมณ์ความรู้สึกของชาวยิวแต่ละบุคคล หรือชาวยิวที่อยู่ในแต่ละกลุ่มก้อนองค์กรไม่ว่าจะเป็นยิวฝ่ายไหน
ก็แล้วแต่ แม้นว่าจะ กระจัดกระจายพลัดพรากกันไปในแต่ละประเทศ เติบโตขึ้นมาในสังคมที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน อยู่ในสถานะทางชนชั้นที่แตกต่างกันจนอาจก่อให้เกิดทัศนคติที่
แตกต่างกันใน ลักษณะเช่นใดก็ตามที…

แต่ท้ายที่สุดแล้ว…สายเลือดและวิญญาณของเผ่า พันธุ์ที่ถูกปลูกฝัง ตอกย้ำกันอย่างเอาจริงเอาจังมาตั้งแต่ยุคอับราฮัม อิสอัค ยาโคปมาโดยตลอด…ก็ยังสามารถโลดแล่นอยู่ในตัวตนของ
ชาวยิวแต่ละรายได้เสมอๆ …และภายใต้อารมณ์ความรู้สึกที่ถูกฝังอยู่ในจิตวิญญาณของชาวยิวอย่างลึกซึ้ง เช่นนี้ ทำให้ความแตกต่างในหมู่ชาวยิวทั้งหลาย กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกนำมา
ปรับใช้เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกลมกลืนระหว่าง กันและกัน และนำไปสู่จุดมุ่งหมายอันเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ???

จุดมุ่งหมายที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเลยตั้งแต่ต้น…นั่นก็คือจุดมุ่งหมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อเผ่าพันธุ์ของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น


                 ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าองค์กรลับอย่างฟรีเมสันจะแสดงการยอมรับต่อ การมีอยู่พระเจ้า ในขณะที่องค์กรอิลูมิเนติปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า…แต่ท้ายที่สุด…ภายใต้ เครือข่ายการ
เคลื่อนไหวของทั้งสององค์กรที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งยุโรป ก็ดูจะนำมาซึ่งผลสรุปอันเดียวกัน…นั่นก็คือ ในขณะที่ชนชาติต่างๆ ในยุโรปต่างก็ปั่นป่วนวุ่นวายจนกระทั่งมีผลลุกลามกลายเป็นความวุ่นวาย
ของ ทุกๆชนชาติทั่วทั้งโลก…ชนชาติที่ยังคงแข็งแกร่งจนอาจจะปกครองโลกทั้งโลกได้ ในวันใดวันหนึ่งก็คงเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายมาจาก "ผู้ที่ปล้ำสู้กับพระเจ้า" หรือชนชาติ "อิสราเอล"

ว่ากันว่า นายปรีดี พนมยงค์ คือหนึ่งในคนขององค์กรณ์นี้

ขอบคุณ

หลายเวป













บันทึกการเข้า
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 25 มกราคม 2554 21:42:11 »





บันทึกการเข้า
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 25 มกราคม 2554 21:43:16 »

มีคนอ้างว่าโอบาม่า ก็ฟรีเมสัน ไว้ไปอ่านก่อนนน
บันทึกการเข้า
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 19:10:26 »

Obama is a freemason หือ ? หือ ?

Barak Obama's a free mason

The PROOF: Barack Obama is a FREEMASON


US President Barack Obama is not a freemason หือ ?

         US President Barack Obama is not a freemason. So where did all the rumours start? The earliest reported claim is found in a post
into the conspiracy website, abovetopsecret.com, on 5 March 2007, in which the anonymous poster claims to have sat in lodge with Obama.
The next report comes from a Bosnian discussion forum on 6 May 2007, with another anonymous claim, this time that Obama was a 32nd
degree freemason.The text of this second post was conflated with a news story from the 28 December 2007 Des Moines Register, and within
a year over a hundred websites—many of them Christian, all of them anti-masonic—were reporting that "Jason Clayworth, Register Staff Writer
" wrote that "One of their most famous members, and also a 32nd degree Prince Hall Mason, became a US presidential candidate for 2008.
 His name is Barack Hussein Obama." In point of fact, the actual news story by Jason Clayworth, reporting on Obama's 27 December 2007
speaking engagement at the Scottish Rite Masonic Center in Des Moines, does not mention or even imply that Obama was a freemason.
The easily demonstrated fraudulent nature of this internet posting has not stopped it from being widely repeated. For example, with no citation,
on 14 February 2008, Richard Syrett, a Toronto radio host,6 claimed that Barack Obama was a 32nd degree freemason.

          On 2 June 2008, when Charles Ommanney's photograph appeared in Newsweek magazine, the conspiracy theorists believed they had
their proof.8 But, while it is true that one of the unidentified hands wears a masonic ring, there is no reason to conclude that the hands
were Obama's.Almost two years later, tenacious anti-mason "Freemasonry Watch", in his blog of 19 February 2009, reported the 2007 message
from the still anonymous poster who had claimed to have sat in lodge with Obama, citing this as conclusive proof that Obama was a freemason.
Neither the Grand Lodge of Illinois nor the Prince Hall Grand Lodge of Illinois have any record that Obama was made a freemason. Obama has never
said that he was a freemason. There are no photographs of him in masonic regalia. Who should you believe? On the one hand you have the claims
of two anonymous online posters and the unknown author of an obviously fraudulent text, and on the other hand you have the denials of two
established organizations that would proudly claim the President of the United States as a member, if he was.

บันทึกการเข้า
wondermay
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 19:11:46 »


เป็นหรือไม่เป็นก็ช่างเขาเถอะะะะ ฮ่าๆๆๆๆ หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 9.0.597.98 Chrome 9.0.597.98


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2554 19:12:17 »

ก่อนจัดระเบียบโลกใหม่

ใครก็ได้ช่วยจัดระเบียบราคน้ำมัน กับราคาข้าวของทีเถอะ

-*-

แย่กันทั้งประเทศแล้ว
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: Freemason 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.376 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 08 เมษายน 2567 21:28:23