[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 21:52:21 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “หุ่นพยนต์” มนตราแห่ง “ขุนช้างขุนแผน” ศาสตร์ไม้เด็ดเปลี่ยนหุ่นหญ้าเป็นกองทัพ  (อ่าน 509 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2304


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 10 มีนาคม 2566 12:49:48 »


ภาพวาด "ขุนแผนทำพิธีตั้งจิตภาวนา นั่งย่างกุมารทอง"
จิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน ที่ระเบียงคดรอบวิหารหลวงพ่อโต
วัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี เขียนโดย เมืองสิงห์ จันทร์ฉาย


“หุ่นพยนต์” มนตราแห่ง “ขุนช้างขุนแผน” ศาสตร์ไม้เด็ดเปลี่ยนหุ่นหญ้าเป็นกองทัพสุด OP

ผู้เขียน - กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ - วันพฤหัสที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2566


หุ่นพยนต์” หมายถึง “รูปที่ผู้ทรงวิทยาคมเอาวัตถุมาผูกขึ้นแล้วเสกเป่าให้เป็นเหมือนรูปที่มีชีวิต” โดยคำว่า พยนต์ (อ่านว่าพะยน) หมายถึง “สิ่งที่ผู้ทรงวิทยาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้น

หุ่นพยนต์ นับเป็นศาสตร์แห่งไสยอีกประการหนึ่ง โดยนำวัสดุประเภทต่างๆ มาขึ้นรูปเป็นหุ่น อาจเป็นคนหรือสัตว์ก็ได้ แล้วทำพิธีปลุกเสกให้มีคุณในด้านต่างๆ ตามปรารถนา

ความเชื่อเรื่องหุ่นพยนต์ปรากฏในสังคมมาช้านานย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฏในเสภาเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน”

สำหรับหุ่นพยนต์ในเสภาขุนช้างขุนแผนนั้นจะเป็นการนำหญ้ามามัดเป็นรูปหุ่นเหมือนคน จากนั้นลงคาถาอาคมเสกให้มีชีวิต มีอาวุธ มีพละกำลัง ฟันแทงไม่เข้า ฯลฯ จุดมุ่งหมายที่ทำหุ่นพยนต์ขึ้นก็เพื่อใช้สู้รบหรือส่งข่าวสาร โดยผู้ใช้ศาสตร์นี้คือ “ตระกูลพลาย” อันได้แก่ พลายแก้ว (ขุนแผน) พลายงาม และพลายชุมพล

พลายแก้ว
เมื่อตอนที่ขุนแผนยังเป็นเณรแก้ว ได้จากวัดป่าเลไลยมายังวัดแคเมืองสุพรรณบุรี แล้วได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับสมภารชื่อคง จากนั้นก็ร่ำเรียนวิชาต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการผูกพยนต์ หรือทำหุ่นพยนต์ ดังว่า

“โบกปัดพัดวีพระอาจารย์   ให้สำราญรื่นจิตรพิสมัย
ปฏิบัติมิให้ขัดข้องเคืองใจ   สมภารแนะนำให้ไม่ช้าการ
สะกดทัพจับพลทั้งปลุกผี   ผูกพยนต์ฤทธีกำแหงหาญ
ปัถมังกำบังตนทนทาน      สะเดาะดาลโซ่กุญแจประจักษ์ใจ”

[ตอนที่ 5 ขุนช้างขอนางพิม]

หุ่นพยนต์ของขุนแผนได้ออกศึกครั้งแรกเมื่อตอนขุนแผนรบกับขุนช้าง โดยก่อนหน้านั้น ขุนแผนลักพาตัวนางวันทองจากเรือนของขุนช้างแล้วหลบหนีเข้าป่า ขุนช้างจึงนำกำลังพลราว 500 ออกติตตามไล่ล่า เมื่อขุนแผนทราบว่าขุนช้างยกพลมาหมายชิงตัวนางวันทองคืน จึงทำหุ่นพยนต์ขึ้นมาต่อสู้ ดังว่า

“จึงสั่งพรายให้ถอนหญ้าแพรกส่ง   ปลงอารมณ์โอมอ่านพระคาถา
กลายเป็นคนพลันมิทันช้า          สาตราง้าวทวนก็ถ้วนตน”

[ตอนที่ 19 ขุนช้างตามนางวันทอง]

ขุนแผนสร้างกองทัพหุ่นพยนต์ขึ้นแล้วก็สั่งให้รั้งรอไว้ก่อน จากนั้นขุนแผนจึงบุกไปรบกับฝ่ายขุนช้าง เมื่อล่อไพร่พลขุนช้างมาได้แล้ว ขุนแผนจึงสั่งกองทัพหุ่นพยนต์เข้าโจมตี ทำให้ฝ่ายขุนช้างแตกพ่ายล้มตายไปมาก เพราะหุ่นพยนต์มีฤทธิ์เดชฟันแทงไม่เข้า ดังว่า

“ขุนแผนครั้นเห็นพวกละว้า         เกลื่อนกลุ้มกันมาเป็นหมู่ใหญ่
จึงเรียกหุ่นพลันทันใด               ให้ไล่พลขุนช้างกลางที่รบ
พวกหุ่นโห่ฮึกสะอึกจับ               รบรับชุลมุนฝุ่นตรลบ
ละว้าตายก่ายมอญลงนอนซบ       บ้างตลบลุกแทงเข้าแย้งรับ
แทงหุ่นหยุ่นหยุ่นไม่ยักเข้า           หุ่นกลับฟันเอาดังฉาดฉับ
พวกขุนช้างแตกพ่ายกระจายยับ    ขุนช้างกลับช้างขี่หนีออกมา”

[ตอนที่ 19 ขุนช้างตามนางวันทอง]

ต่อมา ขุนช้างกลับมาฟ้องต่อพระพันวษา ใส่ความว่าขุนแผนซ่องสุมพรรคพวกไว้ในป่าเป็นการเหิมเกริมอันตราย พระพันวษาจึงมอบหมายให้ทหารนำกำลังราว 5,000 ไปตามจับขุนแผน ซึ่งครั้งนี้ขุนแผนก็ต้องทำกองทัพหุ่นพยนต์ขึ้นมาสู้อีกครั้งหนึ่ง ดังว่า

“ถอนหญ้ามามัดเป็นหุ่นพลัน   ถ้วนพันวางเรียงเคียงกันไป
แล้วเสกบริกรรมสำทับ          เกิดเป็นไฟวับวับดังจะไหม้
เอานํ้ามนตร์ประหุ่นลงทันใด    ไฟดับหุ่นหายกลายเป็นคน
มีอาวุธครบมือถือประจำ        แต่งตัวกำยำอย่างพหล
ต่างเคารพนบนอบยอบตน     ขุนแผนสั่งหุ่นพลไปทันที
คอยอยู่ต่อกูเรียกให้รบ         จึงตลบไล่พลให้ป่นปี้
ว่าแล้วก็ขับพาชี               เร็วรี่เร่งออกนอกพนา ฯ

……..

ว่าพลางทางร่ายพระคาถา       เรียกหุ่นหนุนมาเป็นหมู่หมู่
ออกจากดงรังสะพรั่งพรู          โห่ร้องก้องกู่เป็นโกลา
ขุนแผนขับม้าเข้าถาโถม        จู่โจมห้ำหั่นฟันทัพหน้า
พวกหุ่นวิ่งกลมดังลมพา         แซงสองข้างม้ามาทันใด
ฤทธิมนตร์บนฟ้าเวหาพยับ      มืดกลุ้มคลุ้มคลับสะท้านไหว
แผ่นดินดังจะควํ่าคะมำไป        เพราะพระมนตร์ดลให้บันดาลเป็น
อาสาหกเหล่าเข้าต้านต่อ        หอบหืดขึ้นคอสู้เต็มเข็ญ
ดังฟันหินบิ่นหักกักกระเด็น      ไม่เข้าหุ่นหมุนเผ่นเข้าฟาดฟัน
ดาบหอกตอกป่ายประกายวาบ   หอกดาบหักร่นจนถึงกั่น
ปืนจังกาง่านกยกยิงยัน          โผงถูกลูกนั้นกระดอนมา
ปืนตับกลับซ้ำเข้าต้ำตึง          ไม่หวาดไหวไล่อึงเข้ามาหา
จนสิ้นสุดอาวุธแลสาตรา         พวกอาสาย่นแยกแตกกระจุย”

[ตอนที่ 20 ขุนช้างฟ้องว่าขุนแผนเป็นขบถ สมเด็จพระพันวษา]

หอกหรือดาบก็ฟันแทงไม่เข้า แม้แต่กระสุนปืนนั้นเล่าก็ไม่อาจระคายผิวหุ่นพยนต์ได้ ฝ่ายขุนช้างจึงพ่ายแพ้ขุนแผนอีกครา



ภาพประกอบเนื้อหา – ภาพขุนแผน พลายงามไปทัพ จากจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน
ที่ระเบียงคดรอบวิหารหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี เขียนโดย เมืองสิงห์ จันทร์ฉาย เมื่อ พ.ศ.2548


พลายงาม
นอกจากขุนแผนจะเป็นผู้ทำหุ่นพยนต์ได้แล้ว บุตรชายคือ พลายงาม ที่เกิดแต่นางวันทอง ก็ได้ร่ำเรียนศาสตร์นี้มาจากทองประศรี (แม่ของขุนแผน) อีกด้วย ดังว่า

“อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย   ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี                   เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์
……..

ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร   ร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวี             ทองประศรีสอนหลานชำนาญมา”

[ตอนที่ 24 กำเนิดพลายงาม]

พลายขุมพล
บุตรชายอีกคนของขุนแผนคือ พลายชุมพล ที่เกิดแต่นางแก้วกิริยา ก็มีวิชาอาคมการทำหุ่นพยนต์เช่นกัน เมื่อตอนที่พลายชุมพลอาศัยอยู่ที่เมืองสุโขทัยก็หวนคิดถึงครอบครัว จึงมัดหญ้าเป็นรูปยักษ์ เสกคาถา ซัดข้าวสารใส่ จนร่างสูงใหญ่เทียมภูผา แล้วสั่งให้ถือหนังสือไปให้ขุนแผนผู้เป็นพ่อยังเมืองกาญจนบุรี

ตอนนั้น ขุนแผนกับพลายงาม (พระไวย) บาดหมางกันอย่างรุนแรง ขุนแผนจึงส่งหนังสือไปยังพลายชุมพลว่าให้ตระเตรียมกองทัพหุ่นพยนต์ลงมาทำศึกสู้รบกับพลายงาม ดังว่า

“เจ้าก็เรืองฤทธาวิชาการ   ถึงผูกหุ่นยักษ์มารใช้มาได้
จงคิดผูกหุ่นพลสกลไกร    ปลอมเป็นมอญใหม่ยกลงมา

……..

เห็นกับพ่อขอให้พลายชุมพล   เจ้ารีบผูกหุ่นยนต์ยกลงมา ฯ”

[ตอนที่ 39 ขุนแผนส่องกระจก]

พลายชุมพลได้รับหนังสือจากขุนแผนก็ทราบเรื่องราวปัญหาระหว่างบิดากับพี่ชาย จึงคิดช่วยขุนแผนทำศึก แล้วจึงเสกกองทัพหุ่นพยนต์ไว้เตรียมรบ ดังว่า

“ครั้นแล้วเกี่ยวหญ้ามาฉับพลัน       ผูกหุ่นถ้วนพันไว้กับที่
ซัดข้าวสารเสกประสิทธี               หุ่นก็มีชีวิตขึ้นเป็นคน
สองมือถือเครื่องสาตราวุธ            อุตลุดอึงป่าโกลาหล
ต่างนบนอบหมอบไหว้พลายชุมพล   เจ้าขึ้นนั่งยังบนหลังกะเลียว
แล้วสั่งหุ่นมนตร์พลไพร่              จะยกไปเป็นทัพขับเคี่ยว
ให้โห่เสียงมอญใหม่ให้กราวเกรียว   กำชับสั่งคำเดียวเป็นสำคัญ”

[ตอนที่ 39 ขุนแผนส่องกระจก]

ศึกหุ่นพยนต์
พลายชุมพลปลอมตัวเป็นแม่ทัพมอญยกมาทำศึก ฝ่ายพระพันวษาก็ส่งพลายงามออกมาสู้ แล้วจึงเกิดเป็นศึกหุ่นพยนต์ครั้งใหญ่ เพราะต่างก็ปลุกเสกทำหุ่นพยนต์มารบกันทั้งสองฝ่าย พลายชุมพลและพลายงามต่างใช้ศาสตร์แห่งไสยเข้าต่อสู้ พลายงามซัดข้าวสารใส่ กองทัพของพลายชุมพลก็กลับกลายเป็นหญ้าดังเดิม พลายชุมพลเป่ามนตราคาถาใส่บ้าง กองทัพของพลายงามก็กลับคืนสภาพเป็นหญ้า ดังว่า

“พวกหุ่นหมุนร่าเข้าฝ่าฟัน         คนขยั้นย่นย่อรอระอา
ฮึดฮัดขัดใจไล่พิฆาต               ไม่ไหวหวาดอ้ายมอญนี่หนักหนา
พระไวยเห็นพลร่นลงมา            มือขวาคว้าซัดข้าวสารไป
พอข้าวมนตร์หล่นต้องหุ่นชุมพล   กลายเป็นหญ้ายับป่นไม่ทนได้
ชุมพลชักม้าผ่าพลไกร             เป่าไปด้วยพระเวทวิทยา
ต้องพวกหุ่นมนตร์พลพระไวย      ก็ย่อยยับกลับไปเป็นฟ่อนหญ้า
สองนายบ่ายห้ามโยธา             ก็รั้งราหยุดรบประจัญบาน ฯ”

[ตอนที่ 40 พระไวยแตกทัพ]

และในการศึกครั้งนี้ พลายงามเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับพลายชุมพล

นอกจากเสภาขุนช้างขุนแผน หุ่นพยนต์ยังปรากฏในเรื่อง “พระอภัยมณี” และมีลักษณะคล้ายกันคือ หุ่นทำจากหญ้า ลงคาถาอาคมเสก และเอาไว้ใช้ในศึกสงคราม

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.351 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 21 มีนาคม 2567 16:30:38