. พระพุทธรูปและแผงพระพิมพ์ไม้ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารวัดน้อย
รูปทรงของวัดเป็นวิหาร ก่ออิฐ ฉาบปูน ขนาดพอๆ กับศาลพระภูมิ
มีขนาดกว้าง ๑.๙๘ เมตร ยาว ๒.๓๔ เมตร สูง ๓.๓๕ เมตร
แบบศิลปะล้านนา สกุลช่างน่าน
เชื่อกันว่า โบราณสถานวัดน้อย เป็นวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย
โบราณสถานวัดน้อยวัดที่เชื่อกันว่าเล็กที่สุดในประเทศไทย โบราณสถานวัดน้อย ตั้งอยู่ในพื้นที่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน หรือภายในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่เรียกว่า “หอคำ” ใกล้กับวัดช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
จากคำบอกเล่าสืบต่อกันมา เชื่อว่าพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ ๖๓ กราบบังคมทูล ถึงจำนวนวัดในเมืองน่าน ต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แต่ปรากฏว่านับจำนวนเกินไปหนึ่งวัด จึงได้สร้างวัดองค์น้อยแห่งนี้ขึ้นมาให้ครบตามจำนวนที่กราบบังคมทูลไป พระองค์เข้าเฝ้ารัชกาลที่ ๕ เพียงครั้งเดียว ใน พ.ศ.๒๔๑๖ วัดน้อยคงสร้างหลังจากนั้น
รูปทรงของวัดเป็นวิหารก่ออิฐถือปูน ขนาดกว้าง ๑.๙๘ เมตร ยาว ๒.๓๔ เมตร สูง ๓.๓๕ เมตร แบบศิลปะล้านนา สกุลช่างน่าน มีพระพุทธรูปและแผงพระพิมพ์ไม้ประดิษฐานอยู่ภายใน เชื่อว่าเป็นวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทยภาพเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช
ภายหลังขึ้นเป็นเจ้าเมืองน่าน เมื่อตอนอายุ ๖๓ ปี
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ ๖๓
เป็นต้นราชสกุล ณ น่าน ท่านถึงแก่พิราลัยด้วยพระโรคชรา
ในวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๑ สิริรวมชนมายุได้ ๘๗ ปี
เจ้าศรีพรหมา (หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา)
ธิดาในพระเจ้าสุริยะพงศ์ผริตเดช เจ้าประเทศราชผู้ครองนครน่าน
ภาพนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕)
ทรงฉายให้ด้วยฝีพระหัตถ์และทรงตั้งไว้ในห้องพระบรรทม
ปี พ.ศ.๒๔๔๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้เจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ เลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น "พระเจ้านครน่าน" มีพระนามปรากฏตามสุพรรณปัฏว่า "พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุรมหาราชวงศาธิบดี สุริตจารีราชนุภาวรักษ์ วิบูลยศักดิ์กิติไพศาล ภูบาลบพิตรสถิตย์ ณ นันทราชวงษ์" เป็นพระเจ้านครน่านองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่าน
ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าน่าน พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้สร้างหอคำ (คุ้มหลวง) เป็นที่ประทับเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๖ แทนหลังเดิมซึ่งสร้างในสมัยของเจ้าอนันตวรฤิทธิเดชฯ ลักษณะตัวอาคารโอ่โถงงดงามก่ออิฐถือปูนแข็งแรง ตกแต่งอ่อนช้อยสวยงามด้วยลายลูกไม้ นับเป็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ดีเด่นแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ด้านหน้าหอคำ มีข่วงสำหรับจัดงานพิธีต่างๆ (คล้ายสนามหลวง ในกรุงเทพมหานคร) ตลอดจนเป็นที่จัดขบวนทัพออกสู้ศึก จัดขบวนนำเสด็จหรือขบวนรับแขกเมืองสำคัญ และในปี พ.ศ.๒๔๗๔ เจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน ถึงแก่พิราลัย ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครก็ถูกยุบเลิกตั้งแต่นั้นมา ส่วนหอคำได้ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดน่าน จนปี พ.ศ.๒๕๑๑ จังหวัดน่าน ได้มอบหอคำให้กรมศิลปากรใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน จนกระทั่งปัจจุบัน
ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านมีโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ โบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยาประจำท้องถิ่น มาจัดแสดงให้ชมอย่างมีระบบและระเบียบสวยงาม คือ ส่วนที่เป็นห้องจัดแสดงชั้นล่าง จัดแสดงชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับล้านนา เช่น ลักษณะอาคารบ้านเรือนและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน การทอผ้าและผ้าพื้นเมืองน่านแบบต่างๆ ที่สวยงาม การสาธิตงานประเพณีและความเชื่อต่างๆ เช่น การแข่งเรือ จุดบ้ั้งไฟสงกรานต์ และพิธีสืบชะตา เป็นต้น
ที่น่าสนใจในการจัดแสดงห้องโถงข้างล่างนี้ ยังมีการจัดแสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่และเครื่องใช้ของชนกลุ่มน้อยในเมืองน่าน รวม ๕ เผ่าด้วยกัน คือ ไทลื้อ แม้ว เย้า ถิ่น และผีตองเหลือง ส่วนบริเวณห้องจัดแสดงชั้นบน เป็นการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน การสร้างเมืองและโบราณสถานที่สำคัญ รูปถ่ายโบราณ งานประณีตศิลป์ เครื่องใช้เงินตรา อาวุธ ศิลาจารึก และเครื่องถ้วยชามที่ค้นพบในเมืองน่านที่สำคัญที่สุดได้แก่ ห้องเก็บ “งาช้างดำ” ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน ตามประวัติกล่าวไว้ว่าได้มาจากเมืองเชียงตุง ตั้งแต่ครั้งโบราณ เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย เจ้านายบุตรหลานจึงมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดินพร้อมหอคอย ลักษณะของงาช้างดำนี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้ำตาลเข้า ขนาดความยาว ๙๗ เซนติเมตร วัดโดยรอบ ๔๗ เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ ๑๘ กิโลกรัม ส่วนปลายมนมีจารึกอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยกำกับไว้ว่า “กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน” หรือประมาณ ๑๘ กิโลกรัม ไม่สามารถประเมินราคาได้ ท่านที่สนใจไปชมกันได้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดน่านพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
(อยู่ระหว่างการปรับปรุง -
ภาพ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘)
อนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ผู้เป็นเจ้าของหอคำ
ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
ต้นลีลาวดี หรือลั่นทม ผลัดใบในฤดูหนาว
ข้างรั้วด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน