[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 23:57:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานรัก สะท้านโลก  (อ่าน 1499 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2325


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2559 15:14:27 »

.
ตำนานรัก สะท้านโลก


ความงามแบบนางพญาไอยคุปต์ของคลีโอพัตรา.

ความรักในโลกนี้แบ่งได้เป็นหลายขนานไม่ต่างจากยารักษาโรค แต่ความรักที่ไร้โศกที่สุดคือความรักที่ไม่ปรารถนาสิ่งใดตอบแทน ฟังดูแสนยากแต่หากลองทำดูจะรู้ว่าสุขจริงจากรักแท้นั้นมีอยู่

ผู้ที่เอาดวงใจไปฝากคนอื่นไว้จะทำให้มีความสุขขึ้นๆลงๆ เพราะมาตรวัดสุขนั้นไปติดกับหัวใจคนอื่นที่เราไม่อาจควบคุมได้เสียแล้ว ส่วนผู้ที่รักตัวเองมากก็จะมีทุกข์มากจากความรู้สึกปรารถนาไม่มีสิ้นสุด

รักในโลกนี้มีแบ่งได้เป็น 2 แบบง่ายๆคือ “รักแบบมีเงื่อนไข” กับ“รักที่ไร้เงื่อนไข” ขอให้ลองนึกง่ายๆถึงรักจากพ่อแม่ของเราที่ท่านไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน หรือรักจากนักปราชญ์ บรมศาสดาที่รักเพื่อนมนุษย์ทุกผู้ทุกนามได้อย่างไร้เงื่อนไข

ความรักที่ “อยู่ที่ใจ” นี้มีหลากรูปหลายแบบเหลือประมาณ ขอเชิญท่านที่รักมาดูตัวอย่างบางความรักที่มีทั้งสุขและเศร้าจนกลายเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลกไปด้วยกันเลยครับ

คลีโอพัตรา (Cleopatra) นางพญาไอยคุปต์ผู้สร้างตำนานรัก 2,000 ปียังเป็นที่พูดถึงจนทุกวันนี้ เริ่มจากความฉลาดของสตรีนางหนึ่งที่ไม่ต้องการตกอยู่ใต้การปกครองของใครและต้องการให้อียิปต์ทั้งชาติเป็นมหาอำนาจเข้มแข็ง ซึ่งความฉลาดของสตรีเหล็กท่านนี้อยู่ที่กุศโลบายในการเป็นพันธมิตรกับมหาอาณาจักรใหญ่ของโลกขณะนั้นคือ “โรม”

คลีโอพัตราได้พบรักกับจอมคนแห่งโรมคือจูเลียส ซีซาร์ จนมีทายาทด้วยกัน โดยหวังให้บุตรชายของซีซาร์กับยอดสตรีแห่งอียิปต์นี้ได้เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งบัลลังก์โรมและไอยคุปต์ แต่ต่อมาการณ์ก็กลับไม่เป็นดังคาด ซีซาร์ถูกสังหารอย่างทารุณ ส่วนคลีโอพัตราก็ได้พบรักใหม่กับมาร์ค แอนโทนี ขุนพลเอกแห่งซีซาร์ผู้ล่วงลับ ทั้ง 2 ครองรักกันอย่างมีความสุขได้ไม่นานก็เกิดข้อวิวาทระหว่างอียิปต์กับโรมจนถึงกับยกทัพจับศึกกัน ซึ่งถ้าพ่อมาก เอ๊ย...มาร์ค แอนโทนี จะล่วงรู้สักนิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเยี่ยงไร ก็คงไม่ยอมตกหลุมพรางจนตัวตาย ด้วยในที่สุดก็ได้ยาตราทัพมาสัประยุทธ์จนแพ้หมดรูป ต้องฆ่าตัวตายเพื่อล้างอาย ส่วนคลีโอพัตรา ก็ไม่อาจที่จะทนตกเป็นเชลยของใครได้ จึงกระทำอัตวินิบาตกรรมจนสิ้นชีพตามคนรักไป




แมรี ทิวดอร์ และ ชาร์ลส์ แบรนดัน.

แมรี ทิวดอร์ (Mary Tudor) กุหลาบงามกับความรักชั่วนิรันดร์ แมรีผู้นี้มีชีวิตอยู่เมื่อนานมา ณ อังกฤษ ชีวิตเริ่มด้วยชาติกำเนิดเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์ทิวเดอร์หรือทิวดอร์ตามที่อ่านสะดวกลิ้น โดยเจ้าหญิงแมรีมีพระเชษฐาเป็นกษัตริย์ผู้โด่งดังแห่งอังกฤษนามว่า “เฮนรีที่ 8” ซึ่งเป็นพระราชาผู้ทรงขึ้นชื่อในเรื่องแสวงหาความรัก โดยทรงมีพระมเหสีถึง 6 พระองค์ ส่วนแมรีผู้เป็นขนิษฐาองค์น้อยนั้นเป็นน้องสาวที่พระองค์รักยิ่ง ทั้งเจ้าหญิงน้อยยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงผู้ทรงสิริโฉมที่สุดในยุโรป ต่อมาเมื่อพระเชษฐาผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดินได้ยื่นข้อเสนอให้ทรงเข้าพิธีสยุมพรกับพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส

เพื่อความเป็นปึกแผ่นของ 2 แผ่นดิน เจ้าหญิงแมรีน้อยก็ทรงยอมแต่งงานเพื่อ “การเมือง (Marriage of state)” และ “เพื่ออังกฤษ” ที่ทรงรัก จากนั้นไม่ถึง 3 เดือนดีก็ทรงเป็นหม้ายด้วยพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสผู้ชราสวรรคตลง

หลังจากความสูญเสียนี้ก็ได้ทรงพบรักแท้กับหนุ่มรูปงามนามชาร์ลส์ แบรนดัน ผู้หาใช่คนอื่นไกล แต่เป็นพระสหายวัยเด็กของพระเชษฐาเฮนรีนั่นเอง โดยชาร์ลส์ผู้นี้แม้จะไม่ได้มีกำเนิดเป็นเจ้า แต่ก็มีสายเลือดผู้กล้ามาด้วยบิดาเป็นนายทหารที่สู้จนตัวตาย จึงไม่น่าแปลกที่เจ้าหญิงโฉมสะคราญจะได้เจอชายในฝันตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์แล้ว และแม้ชาร์ลส์จะไม่ใช่เจ้าชายแต่ก็กุมพระหทัยเจ้าหญิงไว้ได้ แต่ก็เป็นความรักที่อยู่ในห้วง “เพลิงพิโรธ” จากพระเจ้าเฮนรีที่รู้สึกราวทรงถูกหักหน้า เพราะทั้งคู่ลอบแต่งงานกันลับๆ แต่แล้วด้วยความกล้าหาญของชาร์ลส์และรักแท้ของทั้งคู่ จึงเปลี่ยนให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี เมื่อเฮนรีทรงเมตตาประทานอภัย ทั้งยังทรงอำนวยพรมายังคู่บ่าวสาวด้วย เรื่องราวที่เป็นดั่งเทพนิยายนี้เกิดขึ้นจริงเมื่อ 500 ปีมาแล้วครับ




ด้วยรักฝังลึกฮัวน่าจึงเก็บศพพระสวามีไว้ข้างกาย.

ฮัวน่า ราชินีผู้วิปลาส (Joanna of Castile) ความรักของพระราชินีพระองค์นี้มีความพิเศษและพิสดารที่เป็นตำนานไม่เหมือนใคร โดยในบรรดากษัตริย์และราชินีของยุโรปเมื่อยุคกึ่งสหัสวรรษก่อนโน้นยากจะหาผู้ใดที่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก เพราะโดยส่วนใหญ่เป็นการแต่งงานตามหน้าที่ความเหมาะสมที่ต้องการรวมขั้วอำนาจทางการเมือง แต่การอภิเษกของพระราชินีฮัวน่าโชคดีกว่านั้นเพราะคู่วิวาห์ของพระองค์เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ฮัปสบวร์ก แถมยังกอปรด้วยพระคุณลักษณะ “รูปงาม” จนได้ฉายาว่า “ฟิลิปรูปทอง (Philippe le Beau)”

ซึ่งเมื่อฮัวน่าแห่งคาสตีลได้ทรงเสกสมรสแล้วก็ใช้พระชนม์อยู่ด้วยความรักอย่างหวานชื่น จะมีปัญหาใหญ่อยู่ก็ตรงที่พระสวามีทรง “เจ้าชู้” ตามประสาหนุ่มรูปหล่อพ่อรวย เป็นเหตุให้ฮัวน่าต้องคอยร้อนใจอยู่เป็นนิจ ซึ่งถ้าฮัวน่าทรงได้คิดสักนิดว่าความรักความพิศวาสนั้นถ้ายิ่งขอน้อยก็จะยิ่งได้มาก ก็คงจะไม่ดึงดันทำไปตามพระอารมณ์ในวัยสาว ดังครั้งหนึ่งที่แรงริษยาในพระทัยสุดจะหักห้าม พระราชินีสาวถึงกับทรงคว้าพระแสงปนาค (กรรไกร) ใกล้พระหัตถ์แล้วตัดฉับไปที่ผมยาวสลวยของชู้รักในเจ้าชายเสีย

แต่เมื่อวันหนึ่งที่พระสวามีสิ้นพระชนม์ลงกะทันหัน ทำให้ฮัวน่าพระทัยสลาย ทรงไม่อาจทำใจได้เลยแม้แต่น้อย ทรงประกาศให้ทุกคนทราบว่าจะเก็บ “ร่าง” ของเจ้าชายไว้ใกล้ตัวตลอด มิไยที่ร่างนั้นจะเริ่มเสื่อมไปตามธรรมชาติ จนเจ้าพนักงานต้องมา (แอบ) อัญเชิญไป จากนั้นมาฮัวน่าก็จมอยู่กับอดีตจนไม่อาจทรงงานได้ ส่วนพระสัญญาก็เริ่มแปรผันไปจนต้องถูกจำพระองค์ไว้แต่ในปราสาทไม่อาจให้ใครเฝ้าได้ ในเวลาที่พอมีพระสติบ้างก็จะเล่าถึงวันชื่นคืนสุขที่ทรงครองรักกับฟิลิปพระสวามีรูปงาม




โพคาฮอนทัสช่วยชีวิตกัปตันหนุ่ม.

โพคาฮอนทัส (Pocahontas) สาวงามชาวอเมริกันพื้นเมืองในสมัยที่อังกฤษยังล่าเมืองขึ้นไปไกลถึงอเมริกา โพคาฮอนทัสนั้นมีนามจริงว่า “มาตูอากา” เป็นถึงลูกสาวหัวหน้าเผ่าในดินแดนบุกเบิกที่สมัยแรกเรียกว่าเวอร์จิเนีย เรื่องราวแห่งความรักของเธอนั้นมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องเล่า ว่ากันว่าเมื่อบิดาผู้เป็นหัวหน้าเผ่าของเธอจับชายหนุ่มชาวอังกฤษนามจอห์น สมิทได้ ก็จะสำเร็จโทษด้วยการทุบกะโหลกเสีย แต่ปรากฏว่าเธอช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยการเอาศีรษะไปพาดเขียงแทน ทำให้บิดาละโทษประหารไป แต่ต่อมาชะตากลับข้างทำให้โพคาฮอนทัสถูกจับเป็นตัวประกันโดยฝ่ายอังกฤษบ้าง ซึ่งนั่นทำให้เธอได้อยู่กับคนรักคือกัปตันจอห์น สมิท ต่อมามีพยานรักด้วยกันเป็นบุตรชายคนหนึ่ง



พิธีแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ของโพคาฮอนทัสกับจอห์น.

แต่เรื่องจริงก็คือเธอแต่งงานกับชายชาวอังกฤษชื่อ จอห์น รอฟ ซึ่งเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานคนแรกๆมากกว่า ซึ่งต่อมาแม้โพคาฮอนทัสจะได้รับอิสระจากการควบคุมแต่เธอก็สมัครใจที่จะอยู่กับจอห์นต่อ และที่นั่นเองเธอได้เปลี่ยนศาสนามาเข้ารีตโดยมีชื่อใหม่ว่า “รีเบ็คก้า” ซึ่งต่อมาจอห์นก็ได้พาเธอลงเรือกลับอังกฤษไปด้วย ผลก็คือผู้ดีอังกฤษทั้งหลายต่างตื่นตาและ “ทึ่ง” กับการปรับตัวของเธอ โพคาฮอนทัสได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษถึงในราชสำนัก ส่วนพยานรักของเธอนั้นก็ได้สืบเชื้อสายต่อมาอีกมากมาย


 
รักที่มีแต่ให้ของคุณหมออัลเบิร์ต ชไวเซอร์.

คุณหมออัลเบิร์ต ชไวเซอร์ (Albert Schweitzer) คุณหมอท่านนี้มีความรักให้ “คนไข้” และ “ดนตรี” อย่างยากจะหาใครเสมอเหมือน คุณหมออัลเบิร์ตมีชีวิตที่น่าสนใจยิ่งเพราะเริ่มต้นมาจากการเป็นนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญออร์แกน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีคีบอร์ดที่ใช้ลมขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งดนตรีคือจุดเริ่มต้นของการมีจิตใจละเอียดอ่อนรักเพื่อนมนุษย์ โดยอัลเบิร์ตสนใจปรัชญาอย่างลึกซึ้งจนเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างตัวจนเป็นหมอด้วยหนทางชีวิตที่น่าทึ่ง ด้วยพื้นฐานความรู้ที่ไม่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เลย แต่อัลเบิร์ตตัดสินใจเข้าศึกษาแพทยศาสตร์ในวัย 30 ปี ซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่อัลเบิร์ตผู้เป็นนักปรัชญาและนักดนตรีไม่เคยทราบมาก่อน

ระหว่างการเรียนด้วยความเพียรนั้น เขาได้ปลุกจิตสำนึกของแพทย์ทั่วโลกขึ้นมาอย่างหนึ่งคือ แพทย์ควรเป็น “นักปรัชญาวิทยาศาสตร์” ด้วย เพื่อจะได้เข้าใจหัวใจเพื่อนมนุษย์อย่างลึกซึ้งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ยังคงทันสมัยมาจนทุกวันนี้ อัลเบิร์ตมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ยิ่งจึงอาสาไปรักษาคนไข้ในแอฟริกาซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ยิ่งเมื่อกว่า 100 ปีก่อนยังคงเป็นดินแดนรอการบุกเบิกเต็มไปด้วยอันตรายและความตายจนขนานนามกันว่า “กาฬทวีป” แต่เขาและภรรยาก็เลือก “กาบอง” ดินแดนที่ห่างไกลความเจริญในแอฟริกาเป็นที่สร้างโรงพยาบาล เขาก็ได้อุทิศชีวิตเพื่อผู้อื่นเช่นนี้จวบจนลมหายใจสุดท้าย โดยเมื่อสิ้นลมหายใจร่างของคุณหมอรางวัลโนเบลอย่างอัลเบิร์ต ชไวเซอร์ ก็ถูกนำกลับมาฝังที่โรงพยาบาลในกาบอง ท่ามกลางเพื่อนมนุษย์ที่เขารักและรักเขายิ่งนั่นเอง นี่เป็นความรักของคุณหมอนักบุญครับ

เมื่อมีความรักทำให้คนกล้า ทั้งกล้าบ้าบิ่นและกล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง บางคนสละได้แม้ชีวิต หรือสิ่งที่ผู้คนทั่วไปถือว่าสูงค่า ดังเช่นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 พระเจ้ากรุงอังกฤษ ซึ่งทรงประกาศสละราชสมบัติเพราะไม่อาจ “อยู่โดยปราศจากคนที่รักได้”

หัวใจที่มีรักนั้นทำได้หลายอย่างครับ

ซึ่งสิ่งที่จะกำหนดควบคุมการกระทำได้ก็คือการใช้สมองเป็นเครื่องนำความรักนี่เองครับ มนุษย์ผู้เป็นสิ่งมีชีวิตอันประเสริฐจึงโชคดีที่มีมันสมองติดมา พร้อมทั้งหัวใจที่พร้อมจะให้รักแก่ชีวิตอื่นได้ ซึ่งอยู่ที่ใจเราว่าจะมอบความรักให้ใครอย่างฉลาดหลักแหลมที่สุด

ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรักอย่างไร้เงื่อนไขครับ.


โดย : นพ.กฤษดาศิรามพุช ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.411 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 11:13:39