[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 09:58:18 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชาดก เรื่อง "แสงเมืองหลงถ้ำ"  (อ่าน 8365 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5462


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2559 13:06:39 »

.


จิตรกรรมสีฝุ่น : ชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ  
วัดเวียงต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

แสงเมืองหลงถ้ำชาดก

ในชาดกแสงเมืองหลงถ้ำ สรุปความตามคัมภีร์ของวัดป่าสักน้อย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจารเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นฉบับหลัก และใช้คัมภีร์ของวัดกู่ฅำ และของวัดควรคู่ม้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นฉบับตรวจสอบ และทุกฉบับไม่ปรากฏนามผู้แต่งคัมภีร์นี้  

ในปรารภชาดกของแสงเมืองหลงถ้ำนี้ กล่าวว่า ในครั้งพระพุทธองค์ประทับที่เชตวันวนาราม เหล่าภิกษุปรารภกันว่านางยโสธราพิมพาคร่ำครวญถึงพระพุทธเจ้า และมีความภักดีในพระพุทธองค์อย่างยิ่ง เมื่อทรงทราบด้วยทิพโสตแล้ว พระพุทธองค์จึงเสด็จมาในที่ชุมนุมนั้นแล้วตรัสว่า นางยโสธราพิมพาเคยประพฤติเช่นนั้นมามากครั้งแล้วในอดีตชาติ แล้วทรงเล่าเรื่องแสงเมืองหลงถ้ำตามการทูลอาราธนาของหมู่สงฆ์ดังนี้

กาลครั้งหนึ่ง ท้าวมันธราชและนางสุมิราครองเมืองเชียงทองแต่ไม่มีโอรส ท้าวมันธราชจึงโปรดฯ ให้นางสุมิรารับประทานอาหารวันละมื้อและรักษาศีล ๗ วัน เพื่อขอบุตร ผลการบำเพ็ญดังกล่าวทำให้พระอินทร์ร้อนใจ จึงไปเชิญพระโพธิสัตว์มาปฏิสนธิในครรภ์ของนางสุมิรา และให้เทวดาอีก ๑,๐๐๐ องค์มาเกิดในเมืองนั้น ในขณะประสูตินั้นเกิดอัศจรรย์ ๓ ประการ คือต้นไม้เหลืองไปหมด แม่น้ำแดงไปทั้งหมด และโดยเฉพาะหินทรายทั้งมวลกลายเป็นสีเขียวถึง ๕ วัน เหตุนั้น จึงให้ชื่อพระโอรสว่า “เจ้าซายเขียว” (เจ้าชายเขียว) และเนื่องจากพระอินทร์แปลงนำเอาแสง (แก้วมณี) มาถวายในคราวประสูติกาลด้วย จึงได้ตั้งชื่อพระโอรสดังกล่าวว่าเจ้าแสงเมือง ซึ่งแปลว่า “ดวงมณีแห่งเมือง” อีกนามหนึ่ง

เมื่อจำเริญวัยมาถึงอายุ ๑๖ ปี ก็เป็นที่เลื่องลือกันว่าเจ้าแสงเมืองมีรูปงามยิ่งนัก ในช่วงนั้นมีพรานป่าผู้หนึ่งได้ลูกหงส์คู่หนึ่งจากป่าหิมพานต์ จึงนำไปถวายเพื่อเป็นเพื่อนของเจ้าแสงเมือง หงส์ทั้งคู่ฉลาดและพูดภาษาคนได้ เมื่อเจ้าแสงเมืองอายุครบ ๑๖ ปีนั้น พระบิดาโปรดฯ ให้สตรีสาวในเมืองเชียงทองทั้งสิ้นเข้าเฝ้าเจ้าแสงเมือง เพื่อให้ทรงเลือกเป็นชายา แต่บังเอิญคืนก่อนพิธีนั้นเจ้าแสงเมืองฝันว่าหงส์ทั้งคู่ไปนำเอานางรูปงามผู้หนึ่งมาถวาย จึงทำให้เจ้าแสงเมืองตั้งใจว่า หากไม่พบคนที่งามเหมือนในความฝันแล้วจะไม่รับผู้ใดเป็นชายา เมื่อเห็นว่าบรรดาสตรีที่มาให้ทรงเลือกนั้นไม่งามเหมือนนางในฝัน เจ้าแสงเมืองจึงไม่เลือกนางใดทั้งสิ้น จากนั้นเจ้าแสงเมืองโปรดฯ ให้คนมาวาดภาพนางตามที่ตนฝัน แล้วให้หงส์นำรูปนั้นไปเปรียบเทียบกับสาวงามทั้งหลายเพื่อค้นหานางที่มีโฉมเหมือนรูป พร้อมกับมอบศุภสารไปถึงนางนั้นด้วย หงส์ทองก็เดินทางไปเที่ยวแสวงหานางในฝันในเมืองต่างๆ เช่น เมืองพันธุมตินคร เมืองติสสรัฏฐ์ เมืองหริภุญชัย เมืองนันทปุรี เมืองโกไสย ฯลฯ จนกระทั่งไปพบนางเกียงฅำแห่งเขมรัฐ

ท้าวสิริวังโสและนางทาริกาครองเมืองขอมหรือเขมรัฐราชธานีนี้ มีธิดาผู้หนึ่งซึ่งเมื่อคลอดนั้น ช่างดอกไม้ได้นำดอกไม้มาถวาย และดอกเกียง (ลำเจียก) ดอกหนึ่งกลายเป็นทอง จึงโปรดให้ตั้งชื่อราชธิดาตามเหตุนั้นว่านางเกียงฅำ(อ่าน “เกี๋ยงคำ”) เมื่อนางเกียงฅำจำเริญวัยมาถึง ๑๕ ปี ก็ทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก และกลิ่นจากปากของนางก็หอมเหมือนกลิ่นดอกลำเจียก ท้าวสิริวังโส โปรดฯ ให้สร้างปราสาทให้นางอยู่ต่างหากและให้มีบริวารคอยรับใช้อยู่ด้วยอีกสองนาง

เมื่อหงส์ทองทั้งคู่รู้ข่าวนางเกียงฅำจากนกแขกเต้าซึ่งเป็นนกเลี้ยงแล้วก็มีความพอใจ จึงมอบแหวนวิเศษที่มีรูปของนางปรากฏอยู่ในหัวแหวนนั้นฝากให้ไปถวายเจ้าแสงเมือง การติดต่อดังกล่าวนั้นนางมิได้แพร่งพรายเรื่องให้ผู้ใดได้รู้

เมื่อเจ้าแสงเมืองประจักษ์ความจากนางเกียงฅำแล้ว จึงนำความและแหวนไปเล่าถวายแก่พระบิดาและมารดา จากนั้นทูตจากเมืองเชียงทองจึงเดินทางไปเมืองขอมพร้อมกับราชบรรณาการเพื่อสู่ของนางเกียงฅำนั้น ครั้นท้าวสิริวังโสทราบเรื่องและรายละเอียดตามที่เจ้าแสงเมืองติดต่อมาก็ทรงยอมรับเครื่องราชบรรณาการและตอบแทนไปด้วยข้าวของเช่นกัน เมื่อการติดต่อสำเร็จด้วยดีแล้ว ทั้งสองเมืองก็เตรียมจัดงานอภิเษกเป็นงานใหญ่

ในเมืองเชียงทองนั้น มีพิธีสังเวยเทพารักษ์ประจำเมืองในทุกวันแรม ๑ ค่ำ ที่ดอยหลวง และเนื่องจากเจ้าแสงเมืองจะรีบไปในการอภิเษก เจ้าแสงเมืองจึงไปสังเวยเทพารักษ์ก่อนกำหนด เมื่อเสร็จพิธีสังเวยแล้ว เจ้าแสงเมืองประสงค์จะไปเที่ยวในถ้ำ จึงพาบริวารอีก ๑,๐๐๐ คนเข้าไปในถ้ำนั้น ขณะที่เที่ยวชมในถ้ำ คบไฟได้มอดดับไปและทุกคนไม่สามารถหาทางออกได้ เมื่อคนจากในเมืองพยายามไปค้นหาก็ไม่พบ ความทุกข์และความหม่นหมองก็เข้าครอบครองเมืองเชียงทอง แล้วกระจายไปสู่เมืองขอมตามลำดับ โดยเฉพาะนางเกียงฅำถึงกับไม่ยอมแต่งเนื้อแต่งตัวไประยะหนึ่ง เมื่อได้สติแล้วนางจึงให้สร้างศาลาหลังหนึ่งไว้ในเมืองเพื่อให้คนมาพัก และนางก็จัดคนไปคอยฟังข่าวจากคนที่มาพักนั้น โดยประสงค์ที่จะทราบเรื่องของเจ้าแสงเมือง

ในเมืองขอมนั้น มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้เอาสมบัติไปถวายพระเจ้าสิริวังโสและขอนางเกียงฅำแก่ลูกของตน เมื่อนางเกียงฅำไม่ยอม ก็ไปขอพระเจ้าหลานเธอ ซึ่งนางก็ไม่ยอมเช่นกัน ลูกเศรษฐีแค้นใจจึงยุยงทูตจากเมืองจัมปา ให้พญาจัมปายกมาตีเมืองเพื่อชิงนางเกียงฅำไป

ฝ่ายเจ้าแสงเมืองซึ่งหลงอยู่ในถ้ำ ด้วยอานุภาพของเวรกรรมแต่ปางหลังเป็นเวลาถึง ๑๑ เดือน บริวารตายแล้ว ๙๙๓ คน เหลืออยู่ ๖ คน และเจ้าแสงเมืองอีกผู้หนึ่งซึ่งยังไม่ตาย ทั้งนี้ด้วยอานุภาพของแก้วมณีที่คาดไว้กับเอวนั้น เพียงแต่ทุกคนผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกและมีลมหายใจรวยรินเท่านั้น เมื่อเข้าตาจนดังกล่าว เจ้าแสงเมืองจึงได้อธิษฐานว่าหากตนจะได้เป็นพระพุทธเจ้าจริง ก็ขอให้พระอินทร์มาช่วยให้พ้นจากความลำบาก จากนั้นก็พาบริวารที่เหลือคลำทางในถ้ำไปพบช่องแสงของถ้ำและได้พบพระอินทร์ที่แปลงเป็นพรานป่ามีอาวุธและเสบียงมาช่วย เจ้าแสงเมืองรู้ว่าพรานนั้นเป็นพระอินทร์แปลงจึงขอให้สอนมนต์ชุบชีวิตคน พระอินทร์ก็สอนมนต์ให้และมอบดาบสรีกัญไชยพร้อมทั้งสอนวิธีใช้แก้วมณีประจำตัวนั้นด้วย จากนั้นเจ้าแสงเมืองจึงชุบชีวิตบริวารขึ้นมาได้ แล้วก็พากันเดินไปจนถึงอาศรมสุทธฤๅษีตามคำบอกเล่าของพระอินทร์ ซึ่งฤๅษีได้สอนวิชาการให้แก่เจ้าแสงเมือง เมื่อเจ้าแสงเมืองและบริวารได้พักผ่อนและฟื้นฟูสุขภาพขึ้นบ้างแล้วก็ออกเดินทางต่อไปสู่เมืองขอม ได้พบนายบ้านปัจฉิมคามชื่อโกสิยาและโกธิกาแล้วพักอยู่กับนายบ้านนั้น นายบ้านทั้งสองเห็นลักษณะของเจ้าแสงเมืองแล้วก็ไต่ถามและยกลูกสาวของคนทั้งสอง คือยกนางสุรินทะแก่เจ้าแสงเมืองและยกนางสุวิราแก่เจ้าสุริราซึ่งเป็นคนสนิทของเจ้าแสงเมือง เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าแสงเมืองก็ได้นำบริวารทั้ง ๖ คนเหาะไปสู่เมืองขอม

เมื่อไปถึงเมืองแล้ว เจ้าแสงเมืองและคณะก็เข้าพักในศาลาที่นางเกียงฅำสร้างไว้ เมื่อคนของนางซึ่งมาคอยฟังข่าววันละสองครั้งนั้น เห็นบุคคลมีบุคลิกน่าสนใจมาพัก และสนทนากับหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง ก็เข้าไปซักถาม แต่ก็ไม่ได้ความอะไรนัก นางจึงเข้าไปทูลนางเกียงฅำตามที่ตนสงสัยนั้นว่า อาจเป็นเจ้าแสงเมืองก็ได้

ในคืนนั้นเจ้าแสงเมืองเหาะไปหานางเกียงฅำ นางเกียงฅำไม่ทราบว่าเจ้าแสงเมืองเหาะได้ ก็คาดว่าผู้ที่มาหาตนนั้นคงเป็นเทวดานาคครุฑ จึงไม่ยอมให้เจ้าแสงเมืองเข้าในปราสาท แต่ก็สนทนากันด้วยไมตรี  ในวันรุ่งขึ้น นางก็ให้นางรัมพรังสี ญาติคนสนิทของตนไปสืบข่าว เจ้าแสงเมืองแสร้งหลบเข้าไปนอนในวงม่าน คงจะให้เจ้าสุริราออกรับหน้า ซึ่งทั้งสองก็สนทนากันด้วยความพอใจซึ่งกันและกัน ก่อนจะกลับวัง นางรัมพรังสีได้เข้าไปตลบม่านดูอาการของเจ้าแสงเมือง เจ้าแสงเมืองจึงตัดพ้อนางว่า นางเกียงฅำไม่ยอมรับรู้ว่าตนคือเจ้าแสงเมืองและไม่ยอมให้ตนเข้าไปหาในปราสาท และในคืนนั้นเจ้าแสงเมืองเหาะไปหานางเกียงฅำและนางรัมพรังสีในปราสาท ทั้งสองเข้าใจกันดียิ่ง นางเกียงฅำชวนเจ้าแสงเมืองให้อยู่ในปราสาทของตนและตนจะนำความไปทูลพระบิดาภายหลัง เจ้าแสงเมืองก็กล่าวว่าการกระทำเช่นนั้นจะเป็นการลบหลู่ท้าวสิริวังโส จึงปฏิเสธความหวังดีและได้กลับไปสู่ที่พักดังเดิม



พิธีอภิเษกเจ้าแสงเมืองกับนางเกียงฅำ
จิตรกรรมสีฝุ่น : ชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
วัดเวียงต้า อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

รุ่งขึ้น นางเกียงฅำจึงไปทูลเรื่องเจ้าแสงเมืองแก่พระราชบิดา ท้าวสิริวังโสดีพระทัยนัก จึงให้จัดขบวนไปรับเสด็จเข้าเมือง แล้วต่อมาได้จัดพิธีอภิเษกนางเกียงฅำกับเจ้าแสงเมือง นางรัมพรังสีกับเจ้าสุริรา และให้ลูกสาวอำมาตย์ ๔ นางแต่งงานกับบริวารของเจ้าแสงเมือง ในคราวนั้นนายบ้านทั้งสองได้นำธิดาของตนมาร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย ต่อมาท้าวสิริวังโสก็มอบราชสมบัติให้เจ้าแสงเมืองครอบครอง

เมื่ออยู่ในเมืองขอมปีหนึ่งแล้ว เจ้าแสงเมืองจึงพาคณะเดินทางไปเยี่ยมเมืองเชียงทอง ครั้นเดินทางไปได้เพียงสามวัน พญาจัมปาได้ยกพลมาจะเข้าตีเมืองขอมเพื่อชิงตัวนางเกียงฅำ ท้าวสิริวังโสจึงให้คนไปตามเจ้าแสงเมือง เจ้าแสงเมืองเหาะกลับเข้าไปในเมืองก่อนและให้บริวารยกตามไป จากนั้นเจ้าแสงเมืองก็ได้เริ่มรบกับฝ่ายจัมปานครด้วยอาคม ซึ่งการรบก็ทวีความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ในที่สุดพญาจัมปาก็ยอมอ่อนน้อมต่อเจ้าแสงเมือง

เมื่อเสร็จศึกแล้ว เจ้าแสงเมืองจึงได้เดินทางไปเยี่ยมเชียงทองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็มีการฉลองกันอย่างใหญ่โตและอภิเษกเจ้าแสงเมืองขึ้นครองราชย์อีกด้วย จากนั้นเจ้าแสงเมืองจึงพาบริวารไปยังถ้ำที่ตนเคยหลงอยู่นั้น แล้วขนเอาทรัพย์สมบัติในถ้ำใส่เกวียนกลับเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาขนถึง ๗ วันกว่าสมบัติจะหมดสิ้น ส่วนหงส์ทองทั้งคู่ของเจ้าแสงเมืองนั้นเมื่อเห็นว่านายของตนหายไปก็มีแต่ความทุกข์ จึงพยายามไปค้นหานายตามเมืองต่างๆ ในที่สุดก็กลับไปอยู่ที่สระเดิมของตนในในป่าหิมพานต์ และถูกเหยี่ยวลวงให้เสือมาจับกินในที่สุด ครั้นนายพรานที่เคยนำหงส์ไปถวายนั้นพบเศษขนหงส์ก็จำได้ จึงนำขนของหงส์ทองไปถวายเจ้าแสงเมือง เจ้าแสงเมืองจึงโปรดฯ ให้เอาขนหงส์นั้นไปทำพัด หลังจากนั้นทุกฝ่ายก็ดำเนินชีวิตอย่างสงบจนครบวาระอายุขัยแห่งตน

ในตอนท้ายเรื่องมีสโมธานหรือประชุมชาดกว่า พญามันธราชพ่อของเจ้าแสงเมือง คือพระเจ้าสุทโธทนะ นางสุมิรา พระมารดาของเจ้าแสงเมืองคือพระนางสิริมหามายา พญาขอมพระบิดาของนางเกียงฅำคือนางปชาบดีโคตมี ลูกเสฏฐีซึ่งไปยุงยงพญาจัมปาคือเทวทัตตเถร พญาจัมปานครคือพระญาอชาตศัตรู นางสรีปทุมมาคือนางเขมาภิกษุนี พระญาโพธิกาคือกาฬุทายีเถร โกสิยาเสนาคือสิมพลีเถร นางสุรินทะคือนางปฏาจารา ธรินทะคือพระโมคคัลลาน อุปราชาผู้บิดาของเจ้าสุริยาคือพระอานนท์ สุริราวังโสคือพระสารีบุตร นางรัมพรังสีคือนางวิสาขา พรานที่จับหงส์ทองได้คือพระฉันนเถร หงส์ทองตัวผู้คือพระราหุลเถร หงส์ทองตัวเมียคือนางอุบลวัณณาเถรี เหยี่ยวที่ทำร้ายหงส์ทองคือนางจิญจมาณวิกา เสือโคร่งที่กินหงส์คือพญาสุปปพุทธะ สุทธฤๅษีคือมหากัจจายนเถร พระอินทร์คือพระอนุรุทธเถร นางมะลิสังกาคือนางอุบลวัณณาเถรี นางสุวัณณะเกียงฅำคือนางยโสธราพิมพา เจ้าแสงเมืองคือพระพุทธเจ้า และเสนาอำมาตย์และผู้อื่นทั้งหลายคือบริษัททั้งสี่ของพระพุทธองค์


คัดจาก สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ เล่ม ๑๔ หน้า ๗๒๓๘-๗๒๔๒



พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์ นำของวิเศษมามอบให้เจ้าแสงเมือง
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ  
วัดเวียงต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย


พิธีศพพญามันธราช พระบิดาของเจ้าแสงเมือง
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ  
วัดเวียงต้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย


พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์บอกทางแก่เจ้าแสงเมือง
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
เวียงต้าม่อน อ.ลอง จ.แพร่


นางเกียงฅำและบริวารในอุทยาน
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
วัดต้าม่อน อ.ลอง จ.แพร่


นางเกียงฅำพบนกแขกเต้า
จิตรกรรมชาดก เรื่องแสงเมืองหลงถ้ำ
วัดต้าม่อน อ.ลอง จ.แพร่

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 กุมภาพันธ์ 2559 13:30:19 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
น้าโย่ง ร้องลำตัด จาก คุณพระช่วย ช่วง จำอวดหน้าม่าน เรื่อง "กีฬากับผู้หญิง" ตลกมากครับ
เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
หมีงงในพงหญ้า 2 8771 กระทู้ล่าสุด 22 ธันวาคม 2553 13:17:47
โดย Pee
เรื่อง "พลังจิตค้ำจุนโลก" จำนวน 8 ตอน โดย อ.ปริญญา ตันสกุล
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2853 กระทู้ล่าสุด 14 มีนาคม 2555 07:50:40
โดย มดเอ๊ก
เด็ก ป.3 เขียน Mind Map เรื่อง "ทำอย่างไรไม่ให้ภาชนะหล่น"
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
Band-Home-PC 0 6226 กระทู้ล่าสุด 06 กรกฎาคม 2555 18:43:34
โดย Band-Home-PC
พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม กับ "เรื่อง พระปฐมเจดีย" (รวม ๓ ตำนาน)
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 4 20617 กระทู้ล่าสุด 05 ตุลาคม 2557 15:36:21
โดย Kimleng
ประมวญ "ชาดก" ในพระพุทธศาสนา « 1 2 »
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
Maintenence 24 25520 กระทู้ล่าสุด 13 พฤษภาคม 2559 11:41:42
โดย Maintenence
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.518 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 20 เมษายน 2567 18:13:23