29 มีนาคม 2567 20:20:05
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
.:::
พุทธภูมิศึกษา 'นครกบิลพัสดุ์'
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: พุทธภูมิศึกษา 'นครกบิลพัสดุ์' (อ่าน 2438 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2304
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
พุทธภูมิศึกษา 'นครกบิลพัสดุ์'
«
เมื่อ:
07 มีนาคม 2559 20:09:22 »
Tweet
.
พุทธภูมิศึกษา 'นครกบิลพัสดุ์'
พุทธภูมิศึกษา 'นครกบิลพัสดุ์'
โดย พระครูนิโครธบุญญากร
บันทึกการบรรยายโดย พระเฉลิมชาติ ชาติวโร
เนื้อหาสาระโดยสรุป
เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงประเด็นปัญหาว่า
เพราะอะไรพระพุทธเจ้าจึงประสูติที่ลุมพินี? และพระพุทธเจ้าสามารถเดินได้ ๗ ก้าวเมื่อครั้งมีประสูติกาลจริงหรือไม่?
ซึ่งท่านอาจารย์พระครูฯ ก็ได้ไขปัญหาทีละประเด็น โดย
ประเด็นแรก
คือ “เพราะอะไรพระพุทธเจ้าจึงประสูติที่ลุมพินี” ท่านให้เหตุผลว่า เพราะ
๑.เป็นพุทธพยากรณ์ ที่พระพุทธเจ้าทั้ง ๒๔ พระองค์ที่ผ่านมาได้พยากรณ์เอาไว้ ว่าพระพุทธเจ้าจะต้องมาประสูติที่ลุมพินีวัน และ
๒.เป็นมติของเทวสโมสร ที่มีมติร่วมกันว่าจะมาต้องรับพระโพธิสัตว์เมื่อแรกประสูติที่ลุมพินีวัน
ประเด็นที่ ๒
พระพุทธเจ้าเดินได้ ๗ ก้าวเมื่อประสูติจริงหรือ? ท่านอาจารย์พระครูฯ ตอบว่า เป็นเรื่องจริง โดยอ้างถึงพระพุทธวัจนะที่ได้ตรงตรัสไว้เองถึงการเดินได้ ๗ ก้าวเมื่อครั้งทรงมีพระประสูติกาล ซึ่งมีทั้งหมด ๕ แห่งในพระไตรปิฎก เช่น ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาส ในอัจฉริยอัพภูตธัมมสูตร, พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค ใน มหาปทานสูตร, ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ อรรถกถา เล่มที่ ๗๓ หรือขุททกนิกาย อปทาน เล่มที่ ๒๕ เป็นต้น... ซึ่งเป็นปกติของพระโพธิสัตว์ในพระชาติที่จะตรัสรู้ ทุกพระองค์จะเดินได้ ๗ ก้าว
จากนั้นได้อธิบายถึงการเปล่งอสภิวาจาของพระมหาบุรุษ ซึ่งไม่ใช่แต่เพียงพระชาติสุดท้ายเท่านั้น ที่พระองค์ทรงตรัสเมื่อแรกประสูติ ในคราวที่ทรงเสวยพระชาติเป็นพระมโหสถและพระเวสสันดรก็ได้เปล่งวาจาเมื่อแรกเกิดเช่นกัน
จากนั้นท่านได้เล่าเรื่องของเทพตาเลจู อันเป็นเทพธิดาผู้พิทักษ์ของประเทศเนปาลมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันเทพธิดาตาเลจูได้มาในรูปแบบของราชกุมารี เด็กน้อยที่ได้รับคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันจากตระกูลศายกวงศ์ ซึ่งคงเป็นที่นับถือของชาวเนปาลมาโดยตลอด แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปแล้ว แต่รัฐบาลที่ปกครองตลอดจนประชาชนทั้งหลายก็ยังคงให้ความนับถือราชกุมารีอยู่
จากนั้นท่านอาจารย์พระครูฯ ได้เล่าถึงประวัติของ
การเกิดขึ้นของเมืองกบิลพัสดุ์
อย่างละเอียด... โดยนครกบิลพัสดุ์ ตั้งอยู่ในดงไม้สัก ที่เดิมเป็นอาณาบริเวณอาศรมของกบิลฤาษี กษัตริย์ผู้สละบัลลังก์ออกบวชมุ่งแสวงหาความสงบ จึงได้นามตามชื่อของฤาษีกบิลว่า “นครกบิลพัสดุ์” อาศัยเหตุที่อยูในเขตดงไม้สัก จึงตั้งชื่อแคว้นว่า “สักกชนบท”
พระโอรสและพระธิดาของพระเจ้าโอกกากราช บรมกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ ๔ คู่ เว้นพระเชษฐภคินีได้เป็นผู้มาสร้างเมืองกบิลพัสดุ์ และได้อภิเษกจับคู่สืบสายโลหิต เพื่อไม่ให้แปดเปื้อนด้วยสายโลหิตอื่นใด เป็นสาเหตุให้เกิดสายพระวงศ์ว่า “ศากยวงศ์” วงศ์ที่เกิดจากสายเลือดตนเอง... ศากยวงศ์แห่งนครกบิลพัสดุ์สืบรัชทายาทติดต่อกันเรื่อยมา จนถึงสมัยแห่งเจ้าผู้ครองนครนามว่า “สุทโธทนราชา” อันมีองค์อัครชายาพระนามว่า “สิริมหามายา” ราชเทวี พระบรมโพธิ์สัตว์จึงอุบัติถือปฏิสนธิในศากยวงศ์นี้ นครแห่งนี้จึงมีนามอีกอย่างหนึ่งว่า “เมืองพุทธบิดา”
ท่านได้อธิบายตำนานการสร้างเมืองกบิลพัสดุ์จนถึงเรื่องราวการประสูติของพระโพธิสัตว์จนกระทั่งถึงเวลา ๑๐.๕๐ น. แล้วจึงยุติการบรรยายในภาคเช้าลง
“พุทธภูมิศึกษาเทวทหนคร”
โดย พระมหาสุพจน์ กิตฺติวณฺโณ - บรรยายแทนโดย พระครูนิโครธบุญญากร
เนื้อหาสาระโดยสรุป
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาเรื่องเมืองเทวทหะ ท่านพระครูฯ ได้กล่าวถึงรายละเอียดของกุมารี เทพธิดาตาเลจู อีกครั้ง โดยเล่าว่า
คนที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นราชกุมารีนั้นไม่ใช่ง่าย เพราะนอกจากจะต้องเป็นสายเลือดของศากยวงศ์แล้ว ยังต้องผ่านการคัดเลือกอีก ๓ ลักษณะด้วยกัน คือ
๑.การตรวจลักษณะทางกายภาค ที่ต้องมีพร้อมทั้ง ๙ ลักษณะ คือ มีรูปร่างกลมเหมือนต้นกล้วย, มีขาเหมือนกวาง, มีอกเหมือนสิงโต, มีลำคอเหมือนหอย คือ เป็นปล้องๆ, มีเสียงใสเหมือนนกการะเวก, มีผมดำสนิท, ลิ้นไม่ยาวและสั้นเกินไป, ไม่มีโรค และต้องไม่มีกลิ่นตัว
๒.การตรวจลักษณะทางด้านจิตใจ ที่ต้องไม่ตกใจง่าย ต้องมีจิตใจเข้มแข็ง และต้องมีเมตตา
๓.การตรวจโดยนำเครื่องทรงของราชกุมารีพระองค์ก่อนๆ มาให้เลือก ว่าชุดไหนเป็นของกุมารีพระองค์ใด
พระราชกุมารีจะต้องผ่านการคัดเลือกตามขั้นตอนดังที่กล่าวมานี้แล้วเท่านั้น จึงจะสามารถขึ้นรับตำแหน่งเป็นที่กราบไหว้เคารพบูชาของประชาชนทั้งประเทศได้ แต่กุมารีจะหมดวาระเมื่อมีเลือดออกจากร่างกาย คือ ส่วนใหญ่หมดวาระตอนมีระดู อายุประมาณ ๑๓-๑๔ แล้วจึงมีการคัดเลือกกุมารีพระองค์ใหม่ โดยเลือกกันตั้งแต่อายุประมาณ ๒ ขวบครึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีกุมารีทั้งหมด ๓ พระองค์ คือ
๑.ในเมืองกาฐมาณฑุ
๒.ในเมืองภัตตาปูร์ และ
๓. นเมืองปาตัน
ในเมืองกาฐมาณฑุนั้น มีสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ ซึ่งยังอยู่มาจนถึงปัจจุบัน... เมืองโปกขรา ในอดีตมีความเชื่อว่า คือ สระอโนดาษ
จากนั้นท่านอาจารย์พระครูฯ ได้กล่าวถึงประวัติของเมืองกบิลพัสดุ์อีกเล็กน้อย ต่อเนื่องจากภาคเช้า โดยกล่าวถึงประวัติของเมืองโดยเชื่อมโยงกับพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ซึ่งเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่องสมัยแรก ทรงมีอีกพระนามหนึ่งว่า เจ้าชายอังคีรส อันเป็นพระนามที่พระเจ้าสุทโธทนะชอบเรียก จากนั้นได้เล่าถึงชีวิตในสมัยเมื่อยังทรงประทับอยู่ในพระราชวัง ว่ามีความสุขสบายมากขนาดที่วันหนึ่งได้เสวยอาหารวันละ ๑๘๐ ชนิด ไม่ซ้ำกัน มีปราสาท ๓ ฤดู และมีนางสนมกำนัล ๔ หมื่นนางคอยห้อมล้อมอยู่ตลอด ที่ถึงที่สุดเจ้าชายสิทธัตถะก็ทิ้งความสุขสบายเป็นเป็นโลกียสุขเหล่านั้น เพื่อออกแสวงหาความหลุดพ้นและช่วยเหลือเหล่าสัตว์ให้พ้นวัฏฏทุกข์
จากนั้นได้เข้าสู่เนื้อหาของเมืองเทวทหะ โดยเล่าถึงตำนานการกำเนิดขึ้นของเมืองเทวทหะ แล้วกล่าวถึงสภาพทางภูมิประเทศว่า เมื่อง ๑๔๐ ล้านปีก่อน ภูเขาเขตหิมวันตประเทศ เคยเป็นทะเลมาก่อน เพราะมีการค้นพบซากฟอสซิลเป็นจำนวนมาก แล้วท่านอาจารย์พระครูฯ ได้กล่าวถึงพระนางสิริมหามายา ว่ามีความงามเป็นเลิศหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ ด้วยอิตถีลักษณะ ๖๔ ประการ และลักษณะความสมบูรณ์แบบของผู้ที่จะอุ้มท้องพระโพธิสัตว์อีก ๓๒ ประการ โดยการจะเป็นพุทธมารดาได้ จะต้องอธิษฐานตั้งความปรารถนามาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งพระนางสิริมหามายาและพระนางปชาบดีโคตมี ได้อธิษฐานมาร่วมกันว่า คนหนึ่งจะเป็นผู้ให้กำเนิด และอีกคนหนึ่งจะเป็นผู้เลี้ยงดู
หลังการปรินิพพาน ๗ ปี พระมหากัสสปะ ได้บอกพระเจ้าอชาตศัตรูว่า ต้องการจะรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุไว้เพื่อป้องกันรักษาพระบรมสารีริกธาตุให้อยู่ในที่เดียวกัน จะทำให้ดูแลรักษาได้ง่ายกว่า ท่านสามารถรวบรวมจากพระสถูปได้ทั้งหมด ๗ แห่ง มี ๑ แห่งที่ไม่สามารถนำพระบรมสารีริกธาตุออกมาได้ คือ ที่ “รามคามสถูป” เมืองเทวทหะ ซึงสถูปนี้ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน โดยไม่มีประวัติว่ามีผู้ใดเคยขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมา นอกจากนี้ชาวบ้านยังเล่าขานกันมาว่า ในทุกวันพุธ จะมีเสียงฆ้องเสียงประโคมดนตรีดังขึ้นเอง โดยชาวบ้านเชื่อว่าเป็น “กรกชนาคราช” ที่มีเกล็ดสีขาว คอยปกป้องดูแลพุทธสถานแห่งนี้อยู่จนถึงปัจจุบัน
“รามคามสถูป” ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่พระสงฆ์ในโครงการฯ จะได้ไปศึกษาและปฏิบัติธรรมกันในครั้งที่เข้าศึกษาเชิงปฏิบัติการที่ประเทศเนปาล
จากนั้นพระครูนิโครธบุญญากรได้เปิดโอกาสให้มีการถามคำถาม
พระครูสุตตธรรมประภาส ถามว่า จะยืนยันได้อย่างไรว่าจุดใดเป็นสถานที่ประทับจริงๆ ของเจ้าชายสิทธัตถะ ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์ฝั่งอินเดีย กับฝั่งประเทศเนปาล? ...ตอบ เมืองกบิลพัสดุ์ในประเทศเนปาล มีหลักฐานและการยืนยันจากนักโบราณคดีอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องประตูเมืองที่เจ้าชายทรงออกมหาภิเนษกรม หรือซากปราสาท ๓ ฤดู ส่วนฝั่งอินเดียจะเห็นเฉพาะสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและซากสังฆราม
พระครูสังฆรักษ์ไพบูลย์ ถามว่า กบิลพัสดุ์ฝั่งเนปาล เคยมีประวัติการขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุบ้างหรือไม่ ...ตอบ ทางเนปาลไม่นิยมขุดพระบรมสารีริกธาตุจากพุทธสถาน อย่างในสวนลุมพินีก็มีสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างไว้ ซึ่งทางเนปาลก็ไม่ได้ขุด หรือที่รามคาม หรือภายในนครกาฐมาณฑุ ก็ไม่ได้มีการขุดพระบรมสารีริกธาตุขึนมา เพราะชาวเนปาลเชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุได้อยู่ในที่อันสมควรแล้ว
พระสุโกศล (จากกัมพูชา) ถามว่า พระนางสิริมหามายา มีชื่อพระบิดาและพระมารดา ปรากฎในคัมภีร์หรือไม่? ...ตอบ มีพระราชบิดา คือ พระเจ้าสีหนุ พระมารดา คือ พระนางกัญจนา
พระสมุห์จิรวัฒน์ อาจารสุโก ถามว่า ราชกุมารีตาเลจู เมื่อได้รับการสถาปณาแล้ว ทางครอบครัวจะอยู่ในฐานะได้ และจะได้รับสวัสดิการใดบ้างหรือไม่ ...ตอบ ทางการจะดูแลให้เบี้ยหวัดตลอดเวลาที่ลูกสาวยังเป็นกุมารีอยู่ แต่จะไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ รองรับ
พระครินทร์ ผลญาโณ (หัวหน้ากลุ่มปรินิพพาน) ถามว่า ตอนเจ้าชายสิทธัตถะออกผนวช บางท่านก็กล่าวว่า หนีออกผนวชบ้าง บ้างท่านก็บอกว่าทรงลาพระบิดา พระมารดา พระนางพิมพา แล้วจึงออกบวชบ้าง ตกลงว่าอย่างใดจึงจะเป็นเรื่องจริง ...ตอบ ในคัมภีร์ก็มีบอกไว้ชัดเจนว่า พระองค์ทรงหนีออกผนวช อย่างครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงนิวัติกลับนคร ที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปโปรดพระนางพิมพา แล้วพระนางกราบทูลว่า “หม่อมฉันทำผิดอะไร ทำไมพระองค์จึงไปไม่บอกลา...” อันนี้ก็ชัดเจน ซึ่งเหตุที่พระองค์ไม่บอกใครก็เพราะกลัวว่าจะถูกทัดทาน
พระเงิน (จากประเทศเวียดนาม) ถามว่า เจ้าชายสัทธัตถะออกผนวชที่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา ห่างจากเมืองกบิลพัสดุ์ไกลหรือไม่? ...ตอบ จุดที่เจ้าชายทรงปลงพระเกศา ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา อยู่ห่างจากเมืองกบิลพัสดุ์ประมาณ ๓๐ กม.
จากนั้นพระครูนิโครธบุญญากรจึงได้ปิดการเรียนการสอนในภาคบ่ายลงที่เวลา ๑๕.๒๐ น.
bodhigaya980.org
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...