[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 18:56:05 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อัศจรรย์ 'ไม้ล้มแบ่ง' ... มันแบ่งอะไรกันล่ะ?...เอ้า ตีวงกันเข้ามา  (อ่าน 3200 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2559 15:13:16 »


สภาพของไม้ล้มแบ่ง สเก็ตจากของจริง จะเห็นได้จากการขึ้นเป็นแถวแนว ผ่านไปบนสันเขาถึงเจ็ดลูก
มันเป็นอาณาเขตแบ่งแผ่นดิน
ระหว่างต้นพระวงศ์ ราชวงศ์จักรี กับ 'องค์เชียงสือ' ต้นตระกูลเผ่านักรบญวน...ในกาลกระโน้น...

'ไม้ล้มแบ่ง'

ชีวิตคนเราบางทีมันก็ประสบกับสิ่งมหัศจรรย์เหลือเชื่อต่างๆ นานาจนบางครั้งเอามาเล่าให้ใครฟังก็ถูกกล่าวหาว่านำเรื่องไร้สาระโกหกพกลมมาพ่น ทั้งๆ ที่ความจริงทั้งสายตาและประสาทสัมผัสได้ลูบคลำสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว

ผู้เขียน มีอดีตและประสบการณ์เหมือนฉากเขียนของจิตรกร มานั่งนึกภาพเหล่านั้นยังอดมหัศจรรย์ในชีวิตของตนเองไม่หาย พาชีวิตรอดตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้อย่างไรกันหนอ  อย่างเช่นในช่วงหนึ่งของชีวิตได้ตระเวนท่องเที่ยวไปจนสุดเขตแดนลาวด้านใต้   สุดอาณาเขตลาวภาคใต้ มีสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่างแอบเร้นแฝงฝังในภูมิประเทศแถบนั้น อย่างเช่น “หลี่ผี” น้ำตกกั้นแม่น้ำโขงทั้งแม่น้ำ,  “ไม้ล้มแบ่ง” ต้นไม้ที่เกิดมาเรียงเป็นแถวแนวต้นหนึ่งเอนไปข้างทิศตะวันออก อีกต้นหนึ่งเอนไปทางทิศตะวันตก มีระยะยาวร่วมสามสิบกิโลเมตร ผ่านไปบนสันเขาติดต่อกันถึงเจ็ดลูก

ชาวบ้านแถบนั้นเล่าสืบเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคน แม้ว่าจะมีสิ่งเหลือเชื่อฝอยมากับคำบอกเล่าเหล่านั้น แต่เมื่อเทียบดูกับพงศาวดารแล้ว มันก็ทำให้อดทึ่งและอดคล้อยตามไปในทางที่ค่อนข้างจะเชื่อเอามากๆ ไม่ได้   อย่างเช่น “หลี่ผี” น้ำตกกั้นแม่น้ำโขง เกิดขึ้นเพราะทหารเอกของพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพข้ามแม่น้ำโขงช่วงนั้นไปรบกับองเชียงสือ  นักรบคู่แผ่นดินญวนผู้มีฝีมือเกรียงไกรถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน  ทหารเอกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชย์คือ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกต้นปฐมวงศ์แห่งราชวงศ์จักรีนั่นเอง หรือ ที่เรียกกันในขณะที่ออกแผ่เดชานุภาพว่า เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ทรงกรีฑาทัพไปถึงแม่น้ำโขงช่วงนั้น ก็เกณฑ์ไพร่พลรบขนเอาหินลงถมในลำน้ำโขงแล้วก็เดินทัพข้ามไป  ด้วยบุญญาธิการของพระองค์หินเหล่านั้นก็เลยคั่งค้างอยู่แถวนั้นจนกระทั่งกลายเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่เรียกว่า “หลี่ผี” ก็เพราะว่า หินเหล่านั้นเมื่อนานๆ เข้าก็หลุดลอยลงไปเรียงกันอยู่ในช่องหนึ่งที่เป็นช่องทางน้ำที่เชี่ยวจัดกว่าทุกช่อง เรียงสลับฟันปลาเหมือน “หลี” เครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่ง ความแหลมคมของแง่หินที่ถูกน้ำเซาะผ่านอยู่ชั่วนาตาปี เป็นเหตุให้ถูกขนานนามว่า “หลีผี” อันน่าสยดสยอง เพราะว่าซุงทั้งต้นขนาดเจ็ดแปดคนโอบ หากว่าหลุดลอยลงไปยังช่องที่ว่านี้ มันจะแหลกละเอียดเหมือนกับเจ๊กเอามีดสับหมูบะช่อไม่มีผิด  ดังนั้น ไม่ว่าสิงสาราสัตว์หรือวัตถุอื่นใดก็ตามหากพลัดลงไปในช่อง “หลีผี” นี้แล้วเป็นอันไม่ต้องห่วงในการติดตามหาซาก...

จะอย่างไรก็ตาม มันจะเกิดเองโดยธรรมชาติ หรือว่าเกิดเพราะบุญญาธิการ หรืออย่างไรก็แล้วแต่ แต่ว่าที่แน่ๆ ก็คือพงศาวดารระบุว่าพระองค์ท่านข้ามทัพในช่วงนั้นจริงๆ ระบุบ่งวันเดือนปีไว้แน่ชัดจะแจ้ง เมื่อข้ามทัพไปแล้ว อีกสองคืนก็ได้เปิดศึกกับองค์เชียงสืออย่างสมพระทัย

เล่ากันว่า เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับองค์เชียงสือ รบกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ไม่แพ้ไม่ชนะกัน ทั้งสองฝ่ายตั้งทัพเผชิญหน้ากันคนละข้างของเขาลูกหนึ่ง ใช้สันเขาเป็นเวทีรบ รบกันไปรบกันมาจนเขาลูกนั้นราบเรียบเป็นลานกว้างขนาดบรรจุไพร่พลได้ประมาณสองพันคน จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีต้นไม้ต้นไร่อะไรงอกเงยขึ้น จะมีก็แต่ต้นสาบเสือและหญ้าคาเท่านั้นที่ขึ้นปกคลุมเขาลูกนั้นทั้งลูก ชาวบ้านเรียกเขาลูกนั้นว่า “ภูเสิก” (เสิก เป็นภาษาพื้นเมือง แปลตรงตัวว่า “ศึก” แปลโดยรวมแล้วก็หมายความว่าภูเขาที่เกิดการรบกันขึ้นนั่นเอง)

ต่อจากเขาที่เป็นเวทีรบระหว่างองค์เชียงสือกับเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ไปอีกเพียงชั่วเขาอีกลูกหนึ่ง ก็เป็นที่ตั้งต้นของ “ไม้ล้มแบ่ง” ซึ่งมันได้เกิดและได้แบ่งกันเอนไปคนละด้านดังได้กล่าวยาวเหยียดพาดผ่านไปบนสันเขาติดต่อกันถึงเจ็ดลูก เขาจึงเรียกว่า “ไม้ล้มแบ่ง” แต่ว่ามันแบ่งอะไรกันล่ะ?...

สมัยนั้น ลาว เขมร มลายูเป็นขอบเขตขันฑสีมาของไทยเกือบหมดสิ้นทั้งแหลมทอง ด้วยเดชานุภาพอันอาจหาญเกรียงไกรของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งต่อมาได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นนักรบทหารเอกที่แกร่งกร้าวที่สุดของกรุงสยาม ซึ่งลาว เขมร และพม่ายังต้องยอมสยบ ทรงออกเผยแผ่เดชานุภาพไปแทบทุกสารทิศ แทบจะเรียกได้ว่าแว่นแคว้นแดนดินที่อยู่ใต้เบื้องบาทบารมีพระองค์ท่าน จักต้องย่ำทัพกรีฑาพลไปปกป้องผองภัยให้เขาเหล่านั้นอยู่ทุกกาลเวลา

มันเป็นสมัยเดียวกับ “องค์เชียงสือ” ทหารเอกคู่บารมีของพระเจ้าแผ่นดินญวน ได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในแว่นแคว้นแดนลาว รุกล้ำและถอยออกเป็นเชิงล่อเหมือนหมาหยอกไก่ จนกระทั่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทนไม่ไหวเมื่อได้รับใบบอก จึงขอพระบรมราชานุญาตออกไปเผชิญหน้ากับสิงห์ผยองแห่งแคว้นญวน และก็เป็นเวลาเดียวกันกับเขมรชักทำท่ากระด้างกระเดื่องยโสขึ้นมาอีกทางหนึ่ง พระองค์ท่านเลยยกทัพไปเหยียบเสียราบเป็นการกำราบเอาฤกษ์ ต่อจากนั้นก็ยกทัพมุ่งหน้าเข้าไปพบกับองค์เชียงสือผู้ซึ่งร่ายเพลงดาบญวนท้าทายอยู่แถบริมรั้วบ้าน

อย่างว่า สมัยนั้นเป็นยุคที่องค์เชียงสือกำลังผยองเพราะฝีมือเป็นเลิศในแคว้นนั้น องค์เชียงสือได้แผ่เดชานุภาพเข้าไปในจีนจนกระทั่งได้ตังเกี๋ยเข้ามาอยู่ในบารมี แล้วก็เลยหันมาแหย่ทางลาวเพื่อจะอวดศักดาหาบริวารไปประดับบารมีเจ้านายแห่งตน

รายการเสือพบสิงห์จึงได้เปิดฉากขึ้นที่ “ภูเสิก” ดังได้กล่าวข้างต้น  สามวันแรกเป็นการยกพลเข้ารบตามแบบฉบับพิชัยสงครามของแต่ละฝ่าย ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ เสมอกันไปทั้งสองฝ่าย สามวันหลังเป็นการประลองฝีมือของแม่ทัพ ซึ่งเป็นทหารเอกของกรุงสยามและกรุงญวนเรียกว่า เดี่ยวกันตัวต่อตัว  ไพร่ราบพลเลวก็พากันนั่งดูเจ้านายฝ่ายใครฝ่ายมัน ทั้งสามวันสามคืน รับกันแต่เช้ายันเย็นอยู่อย่างนั้นไม่มีใครเหนือกว่าใคร เรียกว่ากินกันไม่ลง

พอตกเย็นของวันที่สาม ฝ่ายองค์เชียงสือก็ให้สัญญาณเลิกรบ ขอเป็นพันธมิตรและผูกน้ำมิตรกับทหารเอกกรุงสยาม  สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกก็ไม่ทรงขัดข้อง วันรุ่งขึ้นพิธีกรรมให้สัตยปฏิญาณต่อกันก็เริ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนเครื่องบรรณาการ หลั่งอุทกให้สัตยปฏิญาณโอมอ่านพระเวทย์อัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน ภูตผีปีศาจ เจ้าป่าเจ้าเขา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบริเวณนั้นจงมาร่วมเป็นสักขีพยาน ว่าญวนและไทยจะไม่รุกรานซึ่งกันและกันสืบแต่มื้อนี้ตลอดไปจนมือหน้าชั่วกัลป์

แล้วทั้งสองฝ่ายก็ตั้งสัตย์อธิษฐาน ปลูกต้นไม้ลงบนผืนธรณี ชี้นิ้วไปเบื้องหน้าประกาศเป็นโองการว่า เราทั้งสองจะขอแบ่งแผ่นดินกัน ณ ที่ตรงนี้  ไม้ต้นใดที่โน้มยอดไปเบื้องบูรพาทิศให้ถือเป็นอาณาเขตของญวน  ต้นใดที่โน้มมาเบื้องอาคเนย์ให้ถือว่าเป็นอาณาเขตของสยามเทวาธิราช แม้นฝ่ายใดไม่ตั้งอยู่ในสัตย์อธิษฐาน ละเมิดล้ำล่วงทะลวงแดนซึ่งกันและกัน จบประสบแต่ความวิบัตินานัปการเทอญ....

“ไม้ล้มแบ่ง” เกิดขึ้นที่ตรงนี้ ด้วยเหตุนี้   ท่านอาจพึมพำหัวเราะว่า ฮีโธ่...เท่านี้ก็เห็นเป็นของอัศจรรย์ไปได้ ก็เมื่อทั้งสองฝ่ายได้เกณฑ์ไพร่พลปลูกมันลงไปเป็นแถวเป็นแนวทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ  แต่ถ้าท่านรู้ว่าโดยหลักของพฤกษศาสตร์นั้น  ไฉน “ไม้ล้มแบ่ง” จึงโน้มยอดของมันโดยผิดธรรมชาติเป็นแถวเป็นแนวยาวไกลถึงร่วมๆ สามสิบกิโลเมตรอย่างนั้นล่ะ หากว่า...ไม่เป็นเพราะบุญญาธิการ...

ชะรอยกาลเวลาอันเนิ่นนาน แรงสาปที่สยามเทวาธิราชได้อ่านโองการประกาศเหนือ “ไม้ล้มแบ่ง” แต่ครั้งกระโน้นจะสร่างคลายหายจางไปตามสายเลือดขององค์เชียงสือกระมัง ญวนเหนือจึงได้ล้ำล่วงทะลวงแดนเข้ามาในราชอาณาจักรลาว เลยเส้นประกาศโองการ “ไม้ล้มแบ่ง” เข้ามา เขาเหล่านั้นจึงได้รับภัยพิบัติอยู่ในขณะนี้

ที่อัศจรรย์เหนือไปยิ่งกว่านั้นก็คือ “ไม้ล้มแบ่ง” ทุกต้นที่เกิดบนสันเขาเจ็ดลูกดังกล่าวนั้นทุกต้นเป็นสมุนไพร หรือเป็นยาที่วิเศษที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เกี่ยวกับโรคท้องร่วง เป็นบิด ถ่ายเป็นมูกเลือด และเป็นโรคผิวหนังทุกชนิด โดยที่ชาวบ้านไปถากเอาเปลือกมันมาต้มกินและอาบ  แต่ทว่า...มันมีเคล็ดนิดเดียวในขณะไปเอา ราวกับว่ามันได้เป็นเครื่องเตือนสติของมนุษยชาติเผ่าพันธุ์ให้รักใคร่ผูกพันซึ่งกันและกันสืบไป ตามเจตนารมณ์ของผู้อ่านโองการแผ่บารมีฝากไว้

นั่นคือ หากเป็นชาวบ้านที่อยู่ในอาณาเขตแห่งสยามเทวาธิราช จะต้องไปถากเปลือกต้นที่โน้มกิ่งไปทางทิศตะวันออกมาต้มกิน ต้มอาบ  โรคจะหายดังปลิดทิ้งภายในสองวัน  และทำนองเดียวกัน ชาวบ้านที่อยู่ในดินแดนญวนจะต้องมาถากเอาเปลือกต้นที่โน้มกิ่งมาทางทิศตะวันตก ซึ่งอยู่ในอาณาเขตสยามเทวาธิราช ความเจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษยชาติเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าชาติใดเผ่าใดย่อมเป็นทุกข์อันมหัศจรรย์ของชีวิตด้วยกันทั้งนั้น  ดังนั้น “ไม้ล้มแบ่ง” จึงเหมือนกับสิ่งเตือนอนุสติทุกชีวิตให้อยู่ใกล้เคียงกันให้โอบอ้อมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดีกว่าที่จะมุ่งหน้าเป็นศัตรูกันไม่รู้สร่างซา มันจึงเป็นต้นไม้อัศจรรย์ด้วยประการฉะนี้

ไม้ล้มแบ่งอยู่ห่างนครจำปาศักดิ์ออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ ๘๐ กิโลเมตร แต่มันห่างจากนครหลวงกรุงเทพ ประเทศไทยออกไปนับเป็นพันๆ ไมล์ขึ้นไป แม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีการคมนาคมย่นแผ่นดินดีสักปานใดก็ตาม เส้นทางที่จะไปดู “ไม้ล้มแบ่ง” นั้นยังมองไม่เห็นทางที่จะไปได้เลย

“สิงห์โห”





น้ำตก "หลี่ผี"
ภาพจาก tourlaotai.com

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 กรกฎาคม 2559 15:19:04 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เอ้า ซูมกันเข้าไป พวกหื่นทั้งหลาย
สุขใจ ไปรษณีย์
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 5 5192 กระทู้ล่าสุด 13 กันยายน 2554 10:33:00
โดย 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ชีวิต ประวัติ อัศจรรย์ หลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ แห่ง อาศรมแก้วกู่
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 0 6518 กระทู้ล่าสุด 21 กรกฎาคม 2559 10:35:24
โดย มดเอ๊ก
อัศจรรย์ “ควายไทย” กราบพระ นั่งสมาธิ
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
มดเอ๊ก 0 1629 กระทู้ล่าสุด 22 สิงหาคม 2559 22:47:49
โดย มดเอ๊ก
อัศจรรย์! วิชาย่นระยะทางของหลวงปู่สรวง พาหลวงปู่สร้อยเดินเท้าข้ามจังหวัด
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
มดเอ๊ก 0 2226 กระทู้ล่าสุด 04 ตุลาคม 2559 10:59:06
โดย มดเอ๊ก
อัศจรรย์!! พบฤาษีดาบส 3000 ปี ในถ้ำลึกลับเมืองลับแล!! หลวงปู่คำคะนิง
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
มดเอ๊ก 0 70 กระทู้ล่าสุด 06 กุมภาพันธ์ 2567 05:58:09
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.364 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 24 เมษายน 2567 03:19:43