[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 03:14:45 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อคนป่าสอนลูกคนป่า  (อ่าน 1684 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 992


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 51.0.2704.103 Chrome 51.0.2704.103


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2559 11:39:55 »



พ่อคนป่าสอนลูกคนป่า

ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาอันสูงตระหง่าน ทางภาคเหนือสุดของประเทศไทย บริเวณรอบๆ ของสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธ์ ซึ่งเขียวขจีสดใสอยู่ตลอดปี จึงทำให้บริเวณรอบๆ สถานที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ความชุ่มชื้นและความสงบสุขจากธรรมชาติโดยแท้จริง จึงทำให้มีทั้งสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ทั้งหลายได้พากันมาพักอาศัยอยู่ ณ ที่นี้เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาธรรม ระหว่างผู้ที่อาศัยอยู่กับสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างลงตัวทีเดียว

และ ณ ตรงสถานที่แห่งนี้เองได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอย่างหนึ่ง ที่พวกท่านทั้งหลายควรจะศึกษาไว้เป็นความรู้หรือเป็นแนวทางที่จะนำไปคิด พิจารณาต่อไปดังนี้แล

ลูกของคนป่าผู้หนึ่ง ซึ่งขณะนี้เธอมีอาการนั่งซึมเศร้าเสียใจ น้ำตาไหลอยู่เนืองๆ และมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของเธอ ซึ่งเธอยังไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ สาเหตุที่เธอต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เธอได้ถูกพิษภัยของความรักทำร้ายเอาอย่างสาหัส ท่านพ่อของเธอได้ปล่อยให้เธออยู่เงียบๆ ตามลำพังเป็นเวลา ๓ วัน เพื่อต้องการให้เธอได้ใคร่ครวญ พินิจพิจารณาในความทุกข์ที่เธอได้รับอยู่ขณะนี้ สำหรับสาเหตุที่เธอต้องได้รับพิษภัยของความรักนั้นก็เนื่องจากว่า มีคราวหนึ่งเธอได้ออกจากป่าไปสู่เมืองเพื่อกิจธุระบางอย่างของเธอ ในการไปสู่เมืองนี้เอง ทำให้เธอได้ไปพบกับความรักเข้า และต่อมาไม่นานก็ได้พบกับพิษของความรักเช่นกัน

หลังจากที่เธอได้ใคร่ครวญพิจารณาอยู่นั้น เธอก็ได้พบกับสัจจะธรรมความเป็นจริงของคำว่า "ความรัก" ความรักเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์มากมาย และยังเป็นอันตรายมากมายอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงได้ใคร่ครวญอยู่อย่างนี้จนกระทั่งอารมณ์ใจของเธอดีขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปพอสมควรแล้ว ท่านพ่อของเธอซึ่งเฝ้าดูอาการของลูกมาตลอดและปล่อยให้ลูกได้รักษาแผลใจและกายเองที่บ้านป่าซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ท่านจึงได้เอ่ยคำพูดของท่านออกมาเพื่อรักษาเยียวยาแผลใจให้ลูกของท่านว่า

"ลูกรักของพ่อ เจ้าร้องไห้พอแล้วหรือยัง น้ำตาของเจ้าบ่งบอกถึงความทุกข์ที่เจ้าได้รับ พ่อรู้ พ่อเห็น พ่อเข้าใจ แต่น้ำตาของเจ้าก็ไม่ได้เป็นเครื่องมือดับทุกข์ให้เจ้าหรอกน่ะ สติและปัญญาต่างหากที่จะช่วยปลดปล่อยความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเจ้าตอนนี้ได้

กาลเวลา ๓-๔ วันที่เจ้ากลับเข้าป่ามาหาพ่อ พ่อไม่รบกวนเจ้าหรือให้ความช่วยเหลือใดๆ กับเจ้า เพียงเพราะพ่อต้องการสอนให้เจ้าได้หัดใช้สติปัญญาพิจารณาถึงเหตุของทุกข์และทบทวนถึงความทุกข์หรือปัญหาที่เจ้ากำลังประสบอยู่อย่างแสนสาหัส ณ เวลานี้

เอาละน่ะลูกรักของพ่อเช็ดน้ำตาเสีย หยุดสะอื้นเสีย หยุดสะเทือนใจเสียและรักษาอารมณ์ใจให้สงบ วางอารมณ์ใจให้เบิกบาน แล้วเจ้าจะเห็นปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ ลูกรักของพ่อหากลูกไม่สงบอารมณ์เศร้าลูกก็จะฟังคำสอนของพ่อไม่ได้แตกฉานจนเกิดปัญญา ถึงวิธีดับทุกข์ที่เจ้ากำลังประสบอยู่ขณะนี้ ลูกรักของพ่อ จงฟังให้ดีน่ะ

ความรักประการที่ ๑ ความรักที่ดูว่าสุขและหวานหอม ชื่นใจ น่าเอ็นดู แต่กลับมีพิษภัยและทุกข์ที่สุดหาที่ประมาณไม่ได้ และยังสามารถติดตามผูกพันธ์กันข้ามภพข้ามชาติได้ ไม่ว่า ณ ปัจจุบันชาติจนถึงชาติภพข้างหน้า นั้นก็คือ "ความรักระหว่างเพศหญิงและเพศชาย" หรือความรักแบบที่มีกามฉันทะนี้เอง ความรักระหว่างเพศนี้จะเต็มไปด้วยความทุกข์และอันตราย จะทุกข์ตั้งแต่แรกที่เจ้าอยากให้เขารักเจ้า ทุกข์ท่ามกลางที่ต้องประคับประคองความรัก และความอบอุ่นของครอบครัว และสุดท้าย ทุกข์ที่จะต้องพลัดพรากจากคนรักของเจ้าหรือของครอบครัว ทุกข์ตั้งแต่แรกจนถึงประคับประคองความรักและครอบครัวของเจ้าให้เป็นปกติสุขนั้น ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดกล้าสอนได้อย่างเต็มปาก บางครั้งอาจจะมีผู้กล้าชี้แนะสั่งสอนให้ แต่เจ้าหรือผู้ที่ตกอยู่ในหลุมรักนี้ก็ฟังไม่เข้าใจ หรือฟังไม่รู้เรื่อง จะฟังรู้เรื่องกันก็ตอนเมื่อได้รับพิษภัยจากความรักระหว่างเพศ ไม่มีใครผิด มันเป็นเรื่องของกรรมที่เจ้าได้กระทำมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงปัจจุบัน พ่อจึงสอนเจ้ากับทุกคนว่าให้รักษาศีลข้อที่ ๓ เพื่อจะได้ไม่ได้รับทุกข์จากความรักระหว่างเพศมากนักนั่นเอง

หากเจ้าจะถามพ่อว่า เจ้าไม่เคยนอกใจหรือทำร้ายจิตใจคนรักของเจ้าเลย กลับเฝ้าดูแลถนอมความรักของเจ้า แต่เขากลับทำร้ายจิตใจเจ้าจนได้รับความทุกข์อยู่ขณะนี้ พ่อขอบอกเจ้าว่า แล้วในอดีตชาติล่ะ เจ้าก็เคยทำกับเข้าไว้เหมือนกันนะลูก เจ้าจงอดทน ให้อภัย แล้วเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตใหม่ที่เป็นเอกเป็นหนึ่ง ซึ่งเจ้าจะพ้นแล้วในคำว่า "รักระหว่างเพศ"
 
ความรักประการที่ ๒ ที่พ่อจะสอนลูกทุกคนคือ ความรักนี้เป็นความรักที่ทุกคนปรารถนา แต่มักจะลืมความรักนี้ไปเลยอย่างไม่มีเหตุผล นั่นก็คือความรักในตนเอง หรือความรักในตนของตนนั่นเอง
คนส่วนใหญ่ปรารถนาและเร่งทำทุกอย่างเพื่อจะให้ผู้อื่นเห็นในความดี ความทุ่มเทอย่างที่ลูกทุ่มเทให้กับชีวิตครอบครัว คนรักของลูก ญาติสนิท มิตรสหายของลูก ผู้เป็นบ่าวเป็นนายของลูกหรือจะเป็นการทุ่มเทให้กับบุตรธิดาของลูก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ความยากลำบากทางกายบ้างทางใจบ้าง โดยเฉพาะการกระทำเพื่อเอาอกเอาใจผู้อื่นนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องอดทน อดกลั้น อึดอัด จนลูกสามารถสัมผัสได้กับคำว่า "ทุกข์" ได้อยู่เป็นเนืองๆ และทุกๆ ชีวิตหรือทุกคนก็มักจะเจอทุกข์เช่นเดียวกันกับลูก จนตนเองไม่ได้ดูแลตนเองเลย การดูแลตนเอง ทำความเข้าใจตนเอง รู้จักตนเอง และฝึกฝนตนเอง จะนำพาตนเองให้พ้นทุกข์ พ้นจากวัฏฏะสงสาร พบสุขอย่างนิรันดร ไม่มีเสื่อมคลาย ลูกกลับไม่ได้ทำเพื่อตนเองเลย ลืมความรักตนเองไปเลย เฝ้าแต่ทำให้ผู้อื่นมารักตนเสียจนไม่มีเหตุผล ต่อไปนี้พ่อขอให้เจ้าจงอย่าลืมความรักที่สองนี้ แล้วเจ้าจะพบสุขนิรันดร

ความรักประการที่ ๓ ที่พ่อจะสอนลูกคือ ความรักนี้เป็นความรักที่จอมปลอม หาความมั่นคงเที่ยงแท้ไม่ได้เลย นั่นก็คือ ความรักในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ความรักในทั้งหมดนี้เมื่อลูกได้รักเข้าไปแล้วลูกจะต้องสะเทือนใจอยู่เป็นเนืองนิจ หาความสุขสงบไม่ได้เลย เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เหล่านี้ เมื่อมีขึ้นมาเมื่อไรหากเจ้าไม่ระวังทำใจหรือเข้าใจ ละพร้อมที่จะได้รับความเสื่อมแล้วเจ้าก็จะได้รับความทุกข์ตามมาทันที แล้วเจ้าจะพบว่าความจอมปลอม เปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยงแท้เกิดขึ้นตามมา เพราะเมื่อมีลาภก็ต้องมีเสื่อมลาภ มียศก็ต้องมีเสื่อมยศ มีสรรเสริญก็ต้องมีนินทา มีสุขก็ต้องมีทุกข์ตามมาเช่นกัน
ลูกรัก จงมารู้จักความรักในข้อนี้เถิด แล้วเจ้าจงยกใจ กาย ของเจ้าออกจากความรักชนิดนี้เสีย จงอย่าสนใจในรักนี้เลย เพราะมันคือความรักที่จอมปลอมไม่เที่ยงแท้น่ะลูกรักของพ่อ

ความรักประการที่ ๔ เป็นความรักที่ต้องทุ่มเทและเต็มไปด้วยความผูกพันธ์ห่วงใย เต็มไปด้วยภาระหาที่สุด หาที่ประมาณมิได้ นั่นก็คือ ความรักที่มีต่อบุตรธิดา ลูกหลาน บริวาร เจ้าจงพิจารณาให้เห็นว่าการที่เจ้ามีบุตรมีธิดา มีลูกหลานบริวารขึ้นมาแล้วนั้น ก็หมายถึงว่า ภาระความห่วงใย ความผูกพันธ์อันมากมายได้บังเกิดขึ้นแล้วในชีวิตของเจ้า และจะต่อเนื่องไปอย่างนี้ไม่มีจุดจบได้ง่ายๆ ภาระความห่วงใย ความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นในใจและในกายของเจ้านี้ ทำให้เจ้าเกิดความหนักหน่วงแค่ไหนเจ้าคงได้รับสัมผัสแล้วและรู้แล้วนะ จงทำความเข้าใจและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป อย่าได้ละเลยในพันธะนี้ จนกว่าจะถึงจุดจุดหนึ่งที่เขาเจริญเติบโตด้วยหลักธรรม การดำเนินชีวิต และเข้าในชีวิตของเขา ภาระและความผูกพันธ์นี้ก็จะค่อยๆ คลายตัว ผ่อนหนักเป็นเบาไปเอง

ความรักประการที่ ๕ เป็นความรักสุดท้ายที่พ่อจะสอนให้เจ้า ความรักนี้ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากมายหาที่สุดที่ประมาณไม่ได้ หาได้ง่าย แต่คนส่วนใหญ่หาได้มองเห็นได้ง่ายๆ ไม่ นั่นก็คือ "ความรักที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรักและเมตตาต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้"

พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะนำพาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากภัยของวัฏฏะสงสารนี้ เมื่อพระองค์ทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์จึงได้เที่ยวสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้เข้าถึงซึ่งพระธรรมอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพื่อต้องให้เข้าถึงอริยมรรค อริยผล และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานต่อไป ความรักของพระองค์ที่มีต่อสรรพสัตว์นั้นหาที่สุดหาที่ประมาณมิได้เลย

ลูกรัก เจ้าเข้าใจความรักแล้วหรือยัง จงเห็นปกติธรรมดาของความรักแต่ละชนิดนี้ เจ้าจงเลือกเอาว่า เจ้าจะต้องการความรักแบบไหน ชนิดไหน ที่ทำให้เจ้ามีความสุขที่สุดและเป็นความสุขที่แท้จริงตลอดไปน่ะลูกนะ ความรักที่เจ้าเคยพลาดตกหลุมเข้าไปแล้ว ก็จงใช้สติปัญญาประคับประคองไปจนถึงจุดจุดหนึ่ง แล้วมันจะค่อยๆ คลายตัวไปเองนะจ๊ะ ลูกรักของพ่อ

ลูกจง สงบ สดชื่น เบิกบาน แจ่มใส เหมือนเดิมของลูกน่ะ ชีวิตรักหากไม่ใช้ปัญญาก็มีพิษ รับพิษ พบพิษอย่างหนักหน่วงน่ะ ลูกเอ๋ย........ สาธุ.....สาธุ.....สาธุ

ที่มาของเรื่องนี้
เป็นผลมาจากการปฏิบัติพระกรรมฐานของท่านผู้หนึ่ง (ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่) ซึ่งท่านปฏิบัติพระกรรมฐานตามคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อุทัยธานี เป็นเวลานานมาแล้ว ท่านได้รับสัมผัสทางจิตจากท่านที่ละสังขารไปแล้ว มาสั่งสอนให้ความรู้นี้แก่ท่าน และท่านได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตจากท่าน เพื่อนำเอามาลงเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ท ท่านก็เมตตาอนุญาต โดยเขียนต้นฉบับมาให้ตามที่ท่านได้รับสัมผัสมาโดยตรงทุกประการ มิได้แต่งขึ้นเองเลย นอกจากจะเปลี่ยนใช้คำพูดที่ง่ายต่อการเข้าใจของท่านผู้อ่านเพียงบางคำเท่านั้น

ข้าพเจ้าในฐานะของผู้ที่ยังมีขันธ์ ๕ อยู่ ขอกราบอนุโมทนาต่อท่านผู้มีพระคุณทุกท่านที่ได้เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ด้วยเทอญ......สาธุ......สาธุ......สาธุ


ที่มา : larnbuddhism.com

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 กรกฎาคม 2559 11:41:36 โดย Maintenence » บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.365 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 10 มีนาคม 2567 00:07:18