[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
30 เมษายน 2567 08:03:05 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมชาวภูฏานนับถือท่านกูรูรินโปเช ท่านคุรุปัทมะสัมภวะ ดั่งพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2  (อ่าน 1163 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5075


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2559 00:15:37 »




วันนี้แอดมินขอมาเล่าเรื่องของบุคคลสำคัญที่สุดของประเทศภูฏาน ท่านก็คือ ท่านกูรูรินโปเช (Guru Rinpoche) หรือท่านคุรุปัทมะสัมภวะ (Guru Padmasambhava) คนภูฏานจะเรียกว่า กูรูรินโปเช

ความหมายของคำว่า กูรู + รินโปเช

ก่อนอื่นขอขยายความคำว่า กูรู + รินโปเช ก่อนนะคะ

คุรุ (สันสกฤต: गुरु) หรือ กูรู (อังกฤษ: guru) หมายถึง ครู หรือ อาจารย์

ถ้าแยกศัพท์ออกมาแล้ว จะมีสองคำ คือ คำว่า คุ ซึ่งแปลว่า แสงสว่าง (เป็นผู้ชี้ทางแสงสว่าง) และคำว่า รุ แปลว่า ความมืดมน (เป็นผู้ขจัดความเขลาที่มืดมน) ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู และพุทธ นั้นมีที่มาจากปรัชญาความเชื่อในความสำคัญของการเข้าถึงความรู้ โดยมี คุรุ หรือ อาจารย์เป็นผู้ชักนำไปสู่จุดสูงสุด

คำว่า รินโปเช(Rinpoche)  แปลว่า “น่าเคารพยกย่องอย่างยิ่ง” (High in value , esteem)

คำว่าริมโปเชหมายถึงครูผู้ประเสริฐ สำหรับที่ภูฏาน รินโปเชทุกองค์ คือพระเถระผู้ใหญ่ผู้กลับชาติมาเกิดแล้วจะต้องมีศีลาจารวัตร และภูมิธรรมภูมิปัญญาสูง เป็นที่ยกย่องด้วย
โดยทั่วไปพระลามะที่กลับชาติมาเกิด มักจะได้การรับรองตั้งแต่เด็กๆและเรียนหนังสือ อบรมอย่างเข้มงวด เพื่อปูพื้นฐานให้เป็นครูผู้ประเสริฐช่วยเหลือสรรพชีวิตให้บรรลุธรรม
คำว่ารินโปเช มักจะใช้ในพุทธศานามหายานแบบทิเบต หรือเรียกอีกชื่อว่า วัชรยาน หรือ ตันตระยาน
ท่านรินโปเชที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน เช่น ท่านพักชกรินโปเช ท่านดุงเซ่ การับ รินโปเช เป็นต้น
แต่คำว่า กูรูรินโปเช หรือ คุรุปัทมะสัมภวะ หรือ คุรุปัทมสมภพ มีองค์เดียวเท่านั้น

ประวัติของท่านกูรูรินโปเช

   กูรูรินโปเช ชาวพุทธทิเบตถือว่าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 พระองค์ทรงเป็นวัชรนิรมาณกายของพระอมิตาภะพุทธเจ้า วัชรธรรมกายของพระองค์คือวัชรธรรมกายของพระพุทธเจ้าทั้งปวง พระองค์เป็นผู้นำพุทธศาสนาเข้าสู่ทิเบตและดินแดนในแถบหิมาลัย

___________________________________________________________

หมายเหตุ

ฝ่ายพระพุทธศาสนานิกายมหายาน มีแนวความคิดในเรื่องกายของพระพุทธเจ้าว่ากายของพระพุทธเจ้านั้น แบ่งออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ

           ๑. นิรมาณกาย หมายถึงกายของพระพุทธเจ้า ที่ยังตกอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ ยังมีการเกิด แก่ เจ็บและตายเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป นิรมาณกายนี้มหายานเชื่อว่า เป็นการเนรมิตขึ้นมาจากสัมโภคกาย เพื่อเป็นอุบายในการสั่งสอนสัตว์โลก
           ๒. สัมโภคกาย หมายถึง กายที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า กายนี้จะไม่มีการแตกดับ อยู่ในสภาวะที่เป็นทิพย์ชั่วนิรันดร์สามารถแสดงตนให้ปรากฏแพระโพธิสัตว์ได้ และสามารถรับรู้คำอ้อนวอนสรรเสริญจากผู้ทีเลื่อมใสได้ สัมโภคกายนี้เองที่เนรมิตตนลงมาเป็นนิรมาณกายในโลกมนุษย์เพื่อการสั่งสอน ดังนั้น แม้ในปัจจุบันนี้ พระพุทธเจ้าที่เคยอุบัติขึ้นในโลกมนุษย์ทุก ๆ พระองค์ ก็ยังดำรงอยู่ในสภาวะแห่งสัมโภคกายนี้มิได้สูญหายไปไหน
           ๓. ธรรมกาย อันหมายถึง สภาวะอันเป็นอมตะเป็นสิ่งไร้รูป ไม่อาจรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส

           ไม่มีเบื้องต้นและที่สุด ทั้งไม่มีจุดกำเนิดและผู้สร้าง ดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง แม้จักรวาลจะว่างเปล่าปราศจากทุกสิ่ง แต่ธรรมกายจะยังดำรงอยู่ไม่มีที่สิ้นสุด มหายานชื่อว่า ธรรมกายนี้เองที่แสดงตนออกมาในรูปของสัมโภคกายบนภาคพื้นสวรรค์ และสัมโภคกายก็จะแสดงตนออกมาในรูปของนิรมาณกายทำหน้าที่สั่งสอนสรรสัตว์ในโลมนุษย์
___________________________________________________________

ในพระสูตรวัชรยาน ได้บันทึกไว้ ว่าพระพุทธศากยะมุนีพุทธเจ้าได้สั่งพระอานนท์เถระเจ้าไว้ว่าหลังพระองค์ปรินิพาน 8 ปี ให้พระอานนท์รับบุรุษผู้หนึ่งจากแคว้นอุทยานเป็นศิษย์ให้ถ่ายทอดธรรมทั้งสิ้นให้ ด้วยว่าท่านผู้นั้นจะเป็นผู้จรรโลงพุทธศาสนาต่อไปจนถึงยุดสุดท้าย ท่านก็คือ “องค์คุรุปัทมสมภพ”หรือกูรูรินโปเช่นั่นเอง

   ในช่วงเวลา 800ปี ในอินเดียบางช่วงท่านก็ปรากฏขึ้น บางช่วงท่านก็หายไป จนกระทั่งก่อนจะเข้าทิเบตจากการเชื้อเชิญจากกษัตริย์ไตรซองเดสเซน ตามคำแนะนำพระศานตรักษิตะ ท่านบรรลุมรรคผลอย่างสมบุรณ์ทรงความรู้ความสามารถ อิทธิปาฏิหาริย์ในพุทธตันตระยานอย่างถ่องแท้ หลังจากที่ท่านได้เข้าทิเบตแล้ว ทำให้ประชาชนในทิเบตและในแถบเทือกเขาหิมาลัยหันมาเป็นชาวพุทธ

   คุรุปัทมสมภพหรือกูรูริมโปเช พระผู้เป็นศูนย์รวมแห่งกาย วาจา ใจ ลับของพระอมิตาภะพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวรและพระศากยมุนีพุทธเจ้า หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวบังเกิดเป็นมหาศักดา วัชรนิรมานกาย ท่านทรงเป็นพระผู้สยบเหล่ามารให้รู้แจ้งในสันดานชั่วแห่งตน ทำให้บังเกิดศรัทธาธรรม ทรงปรากฏเป็นวัชรกายหกภูมิเพื่อโปรดสรรพชีวิตในแต่ละภูมิให้ได้บรรลุวิมุตติถึงการหลุดพ้นเด็ดขาด

   เมื่อพระศากยมุนีพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานผ่านไป 8ปี ในวันที่ 10 เดือน 7 ตามจันทรคติทิเบต คุรุปัทมสมภพท่านได้ถือกำเนิดเองบนดอกบัว 5 สี กลางทะเลสาบธนโกษะ แคว้นอุฑิยาน ในอินเดียตะวันตก ท่านกำเนิดจากการแบ่งภาคของพระอมิตาภพุทธเจ้า มิได้กำเนิดจากครรภ์ของสตรีใด

   พระราชาอินทรโพธิผู้ครองแคว้นอุฑิยาน ได้สถาปนาให้เป็นพระโอรส สืบทอดพระราชบังลังก์ เมื่อเติบโตขึ้นได้รับการเตือนจากพระวัชรสัตต์โพธิสัตว์ จึงสละราชสมบัติ ออกบรรพชา มอบตนเป็นศิษย์ในพระอานนท์เถระ ได้รับการถ่ายทอดธรรมตามคำบัญชาของพระพุทธเจ้าที่เคยสั่งพระอานนท์เถระไว้ล่วงหน้า

   ในขณะรับสิกขาบทจากพระอานนท์นั้น พระบริรักษ์ธรณีพุทธมารดาได้เสด็จมาถวายไตรจีวร สรรพพุทธทั่วทศทิศสำแดงกายปกปักษ์คุ้มครอง ร่วมอนุโมทนาสาธุการ ได้เข้าปฏิบัติสมาธิ ณ วนาโกษะ เพื่อศึกษาพุทธสูตรธรรมแล้วจึงเหาะเหินเข้าสู่พุทธเกษตรแห่งพระสมัตรภัทรพุทธเจ้า เพื่อรับการถ่ายทอดอทิพุทธตันตระธรรม พระวัชรสัตต์โพธิสัตว์ทรงเสด็จมาถ่ายทอดมหาโยคะตันตระธรรม

   องค์กูรูรินโปเช สามารถบรรลุสูตรธรรมและตันตรธรรม กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวจนรู้แจ้งสำเร็จซึ่งพระอมิตายุสตถาคต อนุตตรสัมโพธิญาน กูรูรินโปเช ด้วยประสงค์ที่จะปราบปรามสรรพชีวิตที่มีทิฐิอันแข็งแกร่งยากที่จะโปรดให้บรรลุธรรมได้ ทำให้ต้องสำแดงกายดุร้ายที่มีเดชะบารมีแกร่งกล้า เหล่ามารร้ายนอกศาสนาต่างสยบยอมสาวามิภักดิทั้งสิ้น

   ท่านถ่ายทอดพระธรรมโปรดสรรพชีวิตทั้งหลายในอินเดีย เนปาล เป็นเวลาถึงแปดร้อยกว่าปี ด้วยพระปัญญาและพระเมตตาควบคู่กัน ต่อมาภายหลังได้รับการอัญเชิญจากกษัตริย์ ฑิโซงเดเชนให้เสด็จไปประดิษฐานพระพุทธศาสนาในทิเบตในราว พ.ศ.1300

   กูรูรินโปเชทรงมีบทบาทสำคัญในการสยบมารร้ายที่คอยขัดขวางการเผยแพร่พระธรรม ทรงให้พรและปลุกเสกสถานที่ต่างๆในทิเบต จนพระพุทธศาสนาสามารถประดิษฐานและรุ่งเรืองสุดขีดถึงปัจจุบัน ชาวทิเบตต่างสักการะท่านเสมือนหนึ่งพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง

   องค์กูรูรินโปเชได้กล่าวไว้ว่า “อาตมามิได้ไปหรือมา ผู้ที่มีศรัทธาอาตมาจะสำแดงให้เห็นตรงเบื้องหน้าและถ่ายทอดพระธรรมให้ ทุกเดือนวันที่ 10 อาตมาจะมาสอดส่องดูแลเหล่าสาวกทั้งหลาย” (ซึงก็คือช่วงที่มีการจัดงานเซชู หรือ ระบำธรรมะ หรือ ระบำหน้ากาก ในภูฏานนั่นเอง) เนื่องจากพระองค์ ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระอมิตาภพุทธเจ้าและพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ การปฏิบัติบูชาพระองค์จะทำให้ผู้นั้นพัฒนาจิตสู่การหลุดพ้นได้อย่างรวดเร็ว

การเข้ามาในภูฏานของท่านกูรูรินโปเช

       ไปที่ไหนๆ ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประเภทอาราม สถูป หรือสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะพิเศษในภูฏานที่เรียกว่าซอง หรือซองก์ (dzong) ต่างๆ ก็จะมีรูปเคารพของท่านประดิษฐานอยู่เคียงข้างพระพุทธรูปแบบพุทธวัชรยาน

       กูรูรินโปเชนั้นเปรียบเสมือนเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 2 ท่านเป็นพระอริยสงฆ์จากทิเบตที่เดินทางมาภูฏานในปี ค.ศ. 747 ตามตำนานมีปาฏิหาริย์มากมาย โดยเฉพาะสถานที่ที่ท่านขี่เสือบินมานั่งสมาธิในถ้ำบนหุบเขาสูงชานเมืองพาโรที่เดียวนี้กลายเป็นมหาวิหารทักซัง (Taktsang) หรือรู้จักกันในนาม Tiger Nest ภาพสัญลักษณ์ของประเทศภูฏานที่เราพบเห็นได้ทั่วไป

   ประวัติในภูฏานจะออกแนวตำนานอภินิหาร แต่หากได้ศึกษาลงไปอย่างลึกๆแล้ว จริงๆอภินิหารเหล่านั้นล้วนแฝงไว้ซึ่งคำสอนและหลักปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา เพียงแต่เดิมนั้นภูฏานเป็นดินแดนในป่าอันห่างไกล นับถือภูตผีปีศาจ จึงมีการเล่าขานประวัติทางพุทธศาสนาในรูปแบบของอำนาจเหนือธรรมชาติ แต่ก็เป็นอุบายที่ทำให้ชาวภูฏานในขณะนั้นหันมาเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา

   เวลาที่ไปเที่ยวภูฏาน ท่านจึงได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ภูฏาน ซึ่งสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประวัติทางศาสนา ในรูปแบบของตำนานเชิงอภินิหารนั่นเอง

   ช่วง พ.ศ. 1200 พระเจ้าจักกยาลโป สู้รบกับพระเจ้านวเช ทางตอนใต้ของภูฏาน ทำให้พระโอรสของพระเจ้าจักกยาลโปสิ้นพระชนม์ในสนามรบ พระองค์จึงเลิกบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่ช่วยชีวิตพระโอรสของพระองค์ไว้ จากนั้นพระองค์ก็ประชวร เนื่องจากหัวหน้าภูติผีปีศาจจับวิญญาณของพระองค์ไว้ ท่านกูรูรินโปเช ได้เดินทางมาจากเนปาลเพื่อช่วยปราบผีให้ โดยท่านขอ “ซุงมา” หรือตันตระเทวี ช่วยเหลือท่านในการปราบผี พระเจ้าจักกยาลโปจึงได้พระราชทานพระธิดาผู้มีลักษณะแห่ง “ฑากิณี” 21 ประการ จากนั้นท่านกูรูรินโปเชจึงนำนางไปยังวัชรคูหา เพื่อทำพิธี 21 วัน ต่อมานางก็ได้ชื่อว่า “มาซิกพุมเดน” คือพระแม่องค์เดียวที่สามารถจะช่วยท่านบำเพ็ญศาสนกิจได้เป็นอย่างดี ดังนั้นพุทธศาสนาในภูฏาน จึงเป็นวัชรยาน เนื่องจากได้รับจากทิเบตโดยตรง

   เมื่อเสร็จพิธีแล้ว พระเจ้าจักกยาลโปก็หายจากอาการพระประชวร จึงนิมนต์ให้ท่านกูรูรินโปเชพำนักที่เมืองบุมธัง และปวารณาทุกอย่างที่ท่านต้องการ แต่ท่านปฏิเสธ ด้วยเหตุผลว่าอยู่ประจำไม่ได้ เพราะโลกทั้งโลกเป็นที่อยู่ของท่าน ก่อนจากก็ให้กษัตริย์ทั้งสองฝ่ายประนีประนอมกันด้วยอำนาจตันตระ แล้วให้รับพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จากนั้นท่านก็ได้จาริกในภูฏาน 20 แห่ง ประทับรอยบาทไว้เป็นปูชนียสถานของประเทศ  ท่านกูรูรินโปเชเผยแผ่ด้วยการต่อสู้กับปีศาจร้ายจนตายหมด ที่เหลือก็เป็น “ธรรมบาล 8 ตน” ซึ่งนับถือพระพุทธศาสนาแล้วปกป้องคุ้มครองศาสนาด้วย

   สถานที่ที่ท่านกูรูรินโปเชได้เสด็จไปบำเพ็ญเพียรวิปัสสนานั้น ต่างก็กลายมาเป็นสถานที่สำคัญขชาวภูฏานในการออกจาริกแสวงบุญตามรอยท่านกูรูรินโปเช เช่น จุดที่ศักดิ์สิทธิ์และโด่งดังที่สุดก็คือวัดทักซัง วัดอันศักดิ์สิทธิ์ในเมืองพาโร

ปางทั้ง 8 ของท่านกูรูรินโปเช



ในงานเซชู หรือ งานระบำธรรมะ หรือ งานระบำหน้ากาก จะเป็นวันที่ท่านกูรูรินโปเชจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ชาวภูฏานจะจัดพิธีและจบลงด้วยพิธีคลี่ผ้าทงเดรลที่มีรูปท่านกูรูรินโปเช



จาก http://www.globaltourplanner.com/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%8F%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-1905/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.378 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 30 มีนาคม 2567 09:12:31