[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 16:33:26 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "Prince Among Slaves" จากเจ้าชายในอัฟริกา ต้องกลายเป็นทาสในอเมริกา  (อ่าน 1437 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2559 01:22:09 »


ภาพวาด 'อับดุลราฮ์มาน' เจ้าชายผู้กลายเป็นทาส ภาพนี้มีอายุเกือบ 200 ปีแล้ว

       
                     บทสัมภาษณ์โปรดิวเซอร์สารคดี "เจ้าชายผู้กลายเป็นทาส"
   
   "Price Among Slaves" - Film sheds light on Islam inU.S.   

   
    แปลโดย วาริษาฮ์ อัมรีล
   
   http://www.newmuslimthailand.com/main/index.php
   
   สถานีโทรทัศน์ช่องพีบีเอส (PBS ช่อง 13 เป็นช่องเพื่อการศึกษา) ของอเมริกาเพิ่งฉายสารคดีโทรทัศน์เรื่อง "Prince Among Slaves" (เจ้าชายผู้กลายเป็นทาส) ไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ที่ผ่านมา สารคดีความยาว 1 ชั่วโมงเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของเจ้าชายอาฟริกาผู้ถูกชาวผิวขาวนักล่าทาสจับมาขายในอเมริกาเมื่อปี 1788 และตกเป็นทาสยาวนานถึงกว่า 40 ปี ก่อนจะได้รับอิสรภาพ และกลายเป็นบุคคลที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในยุคสมัยนั้น
   
   สารคดีโทรทัศน์ Prince Among Slaves ได้รับรางวัลสารคดียอดเยี่ยมปี 2007 จากเทศกาล American Black Film Festival (ภาพยนตร์อเมริกันผิวดำ) กำกับการแสดงโดย แอนเดรีย คาอิน และบิล ดุก ผู้กำกับเจ้าของรางวัลเอ็มมี่ (Emmy Award) โดยผ่านงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย จดหมายเหตุ และไดอารี่ รวมทั้งการสัมภาษณ์นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง โดยมี มอส เดฟ (Mos Def), นักร้อง-นักแสดงอเมริกันผิวดำผู้เป็นมุสลิมใหม่, เป็นดารานำแสดง, และ อเล็กซ์ โครนีเมอร์ (Alex Kronemer), เจ้าของบริษัท Unity Productions Foundation (UPF) ผู้เป็นมุสลิมใหม่, เป็นโปรดิวเซอร์ของสารคดีเรื่องนี้
   
   เรื่องราวของ Prince Among Slaves มาจากหนังสือชีวประวัติซึ่งเขียนโดย ดร.เทอรรี่ อัลฟอร์ด
   
   Prince Among Slaves เป็นเรื่องจริงสุดรันทดของ อับดุล-ราฮ์มาน, เจ้าชายอาฟริกันมุสลิม, ซึ่งโดนนักล่าทาสผิวขาวจับได้ในปี 1788 แม้เขาจะบอกว่าเขาเป็นเจ้าชายและพร้อมจะให้บิดานำค่าไถ่ตัวมาให้ ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ ท้ายที่สุดอับดุล-ราฮ์มานถูกนำตัวไปขายเป็นทาสในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา เขาต้องผ่านความทุกข์เวทนาแสนสาหัส จนในที่สุดตกเป็นสมบัติของชาวไร่ยากจนและอ่านหนังสือไม่ออกที่ชื่อ โทมัส ฟอสเตอร์ แห่งนัทเชส รัฐมิสซิสซิปปี
   
   อับดุล-ราฮ์มานตกเป็นทาสถึง 40 ปีเต็มก่อนจะได้รับอิสรภาพอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเขียนจดหมายร้องเรียนผ่านรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นเวลานาน (อับดุล-ราฮ์มานอ่านออกเขียนได้ แต่นายทาสเจ้าของไร่ของเขากลับไม่รู้หนังสือ) จากนั้นเขาได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคสมัย และเดินทางกลับอาฟริกาในสถานภาพของเจ้าชาย
   
   สารคดีเรื่องนี้จบลงด้วยงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ของลูกหลานอับดุล-ราฮ์มานทั้งที่อาศัยในอาฟริกาและในอเมริกา ที่เมืองนัทเชส รัฐมิสซิสซิปปี



อเล็กซ์ โครนีเมอร์ (Alex Kronemer), เจ้าของบริษัท Unity Productions Foundation (UPF) ผู้เป็นมุสลิมใหม่, และเป็นโปรดิวเซอร์ของสารคดีเรื่องนี้
   
   อเล็กซ์ โครนีเมอร์ เจ้าของสารคดีโทรทัศน์เรื่องนี้หวังว่าตัวเองจะมีส่วนช่วยในการยุติการปะทะระหว่างอารยธรรม ซึ่งเขาบอกว่าเป็นสงครามที่เขาได้เผชิญในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมาตั้งแต่วัยเด็ก
   
   พ่อของอเล็กซ์เป็นชาวยิว ส่วนแม่เป็นคริสเตียน อเล็กซ์ก็เลยเติบโตมาท่ามกลางความสับสนด้านศรัทธา การที่แม่ของเขาเป็นมิชชันนารีโปรแตสแตนท์บอกว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะตกนรกยิ่งทำให้ทัศนะด้านศาสนาของอเล็กซ์ยิ่งแย่ไปใหญ่
   
   แต่เมื่อเขาได้แสวงหาความจริง อเล็กซ์กลับได้พบสิ่งนั้นในอิสลาม
   
   แม้อเลกซ์ซึ่งตอนนี้อายุได้ 57 ปีบอกว่าศาสนาเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ชะตากรรมของชาวมุสลิมในสหรัฐฯ หลังเหตุการณ์ 9/11 ได้บังคับให้เขาต้องใช้ความเชี่ยวชาญที่มีอยู่เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่จะทำให้ชาวอเมริกันได้รู้จักอิสลามเพิ่มขึ้น เขาร่วมก่อตั้งมูลนิธิ Unity Productions Foundation(UPF) ซึ่งได้ผลิตสารคดีโทรทัศน์ที่ได้รับรางวัลหลายเรื่อง ซึ่งรวมทั้ง Muhammad: Legacy of a Prophet (มุฮัมมัด: มรดกแห่งศาสนฑูต) และCity of Light: The Rise and Fall of Islamic Spain (อาณาจักรแห่งแสงสว่าง: ความรุ่งโรจน์และความเสื่อมถอยของอิสลามในสเปน)
   
   และในสารคดีเรื่องใหม่ของเขา Prince Among Slaves อเลกซ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแรงบันดาลใจของเขาและสารคดีเรื่องนี้
   
   คำถาม: คุณหันมาให้ความสนใจในสารคดีเกี่ยวกับอิสลามได้อย่างไร
   
   คำตอบ: มันเกิดขึ้นเมื่อปี 1998 ตอนนั้นผมกำลังถ่ายทำรายการสารคดี Hajj to Mecca (พิธีฮัจย์ที่เมกกะ) ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN)ซึ่งซีเอ็นเอ็นก็ได้แพร่ภาพสารคดีชุดนี้ออกไปทั่วโลก มีผู้ชมถึงกว่า 500 ล้านคน นั่นแหละที่ทำให้ผมได้ตระหนักถึงอิทธิพลของสื่อโทรทัศน์ในการถ่ายทอดเรื่องราวสู่ผู้ชมจำนวนมากมายมหาศาลทั่วทุกมุมโลก
   
   ก่อนเกิดเหตุการณ์ 9/11 ชาวอเมริกันส่วนใหญ่แทบไม่รู้เรื่องของโลกภายนอก อย่าว่าแต่เรื่องอิสลามหรือมุสลิมเลย ชาวอเมริกันไม่รู้เรื่องศาสนาของโลกตะวันออกแม้แต่น้อย เราก็เลยพยายามเติมช่องว่างตรงนี้ ถ่ายทอดเนื้อหาที่ช่วยให้ผู้คนได้เข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์และทีวีทั้งหลาย เป้าหมายของเราคือสันติภาพผ่านสื่อมวลชน
   
   คำถาม: การที่ในวัยเด็กคุณมาจากครอบครัวที่มีศาสนาหลากหลายช่วยในงานนี้ได้อย่างไร
   
   คำตอบ: ช่วยได้มากเลยละ ผมเข้าใจว่าไม่จำเป็นที่ศาสนาใดศาสนาหนึ่งจะทำให้คนแต่ละคนเป็นคนดีหรือเลว แต่เป็นที่ตัวคนๆ นั้น ความพยายามของเขาและข้อจำกัดของเขาที่นำเขาไปสู่ความเป็นคนดี ผมว่ามนุษย์ทุกคนมีข้อบกพร่อง แต่ศาสนานี่ละที่จะนำพาผู้คนไปสู่หนทางที่ดี ทางนำที่ถูกต้อง
   
   แต่กระนั้นก็ตาม คุณจะเห็นว่ามีตัวอย่างมากมายที่คนทำผิดในนามศาสนา
   
   คำถาม: ชาวอเมริกันก่อนสงครามรู้เรื่องอิสลามและมุสลิมอย่างไรบ้าง
   
   คำตอบ: ก็รู้ละ และรู้มากกว่าชาวอเมริกันในยุคปัจจุบันตั้งเยอะ มีความสัมพันธ์มากมายของบรรดาบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและอเมริกายุคบุกเบิกกับอิสลามและโลกอาหรับ โมร็อคโคเป็นประเทศแรกที่ประกาศรับรองประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากอเมริกาประกาศตนเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับอังกฤษ โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson ค.ศ.1743-1826) ประธานาธิบดีคนที่สามของสหรัฐฯ มีคัมภีร์อัล-กุรอานไว้ในห้องสมุดส่วนตัว ดูสิ...ชายผู้ชาญฉลาดเหล่านี้ซึ่งได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้นมา เป็นนักอ่านหนังสือตัวยง และพวกเขาอ่านตำราที่มาจากโลกอิสลามด้วย
   
   คำถาม: สิ่งนี้ส่งผลต่อความคิดที่ว่าอเมริกาคือชาติยิว-คริสต์อย่างไร
   
   คำตอบ: ผมว่าต้องดูด้วยว่าอิสลามได้มีบทบาทต่อการก่อตั้งประเทศอเมริกาอย่างไร ซึ่งผสมปนเปกันไป ความเชื่อมโยงของชาวมุสลิมในประวัติศาสตร์ยุคเริ่มต้นของอเมริกาเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง อย่างเช่นทาสจากอาฟริกานั้นคาดว่ามีร้อยละ 25 ที่เป็นชาวมุสลิม พวกเขานำวิทยาการที่เหนือกว่ามาเผยแพร่ให้กับนายทาสที่ซื้อตัวพวกเขา นำความรู้ที่เป็นประโยชน์มาช่วยสร้างประเทศอเมริกา
   
   อเมริกาเป็นหนี้บุญคุณทาสชาวมุสลิมแน่นอน
   
   คำถาม: สารคดีเรื่องนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ชมอย่างไรบ้าง
   
   คำตอบ: จำนวนมากบอกว่าพวกเขาไม่เคยตระหนักเลยว่าอเมริกาในยุคก่อตั้งนั้นมีมุสลิมจำนวนมากทีเดียวและก็เรื่องราวของเจ้าชายอับดุล-ราฮ์มานผู้กลายเป็นทาสก็บอกไว้แล้ว เรื่องราวของเขาก็คือ เขาอาศัยในโลกที่เป็นสากล เรื่องราวยุคเริ่มต้น เจ้าชายผู้กลายเป็นทาส และเรื่องราวของคนที่ตกจากที่สูงสุดลงสู่ที่ต่ำสุดเป็นเรื่องราวที่รันทดเสมอ.


มอส เดฟ (Mos Def), นักร้อง-นักแสดงอเมริกันผิวดำผู้เป็นมุสลิมใหม่, เป็นดารานำแสดงใน "Prince Among Slaves"

ชมคลิปวีดิโอบางส่วนจาก Youtube ของสารคดี "Prince Among Slaves"
   
<a href="https://www.youtube.com/v/pfjqi4-icjU" target="_blank">https://www.youtube.com/v/pfjqi4-icjU</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/-ukNZizqrrg" target="_blank">https://www.youtube.com/v/-ukNZizqrrg</a>

จาก http://muslimchiangmai.net/index.php?topic=3997.0
   
     
      คัดลอกบทความจาก
      http://www.oknation.net/blog/musachiza/2011/08/09/entry-1

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.353 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 18 มีนาคม 2567 11:48:30