[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 06:07:40 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ศึกอสูร ณ เทือกเขาหิมาลัย  (อ่าน 923 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5069


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2559 12:20:12 »



ท่านกูรู ริมโปเช ลามะศักดิ์สิทธิ์ กำลังบำเพ็ญตบะบนยอดเขาแห่งหนึ่งในธิเบต พลังอันแกร่งกล้าของท่านทำให้ท่านกูรูเล็งเห็นว่า ในดินแดนอันห่างไกล มีปีศาจตนหนึ่งกำลังทำร้ายมนุษย์ หมอผีของชนเผ่าแถบนั้นไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ท่านกูรูจึงไม่สามารถจะปล่อยให้ชาวบ้านทนทุกข์อีกต่อไป ท่านจึงได้เปล่งวาจาบัญชา

“ลูกศิษย์ข้า จงเชิญสักติแม่นางผู้เป็นภรรยาของข้าให้เข้ามา ณ บัดนี้”

เมื่อนางเดินเข้ามา ท่านกูรูได้เอ่ยต่อไปว่า

“เราจำเป็นต้องลงไปทางใต้ ข้ามหิมาลัยสูงเสียดฟ้าภารกิจครั้งนี้ใหญ่หลวง เราจำเป็นต้องสงวนแรงสร้างตบะ ท่านจงแปลงร่างเป็นพาหนะพาข้าไป “

ทันทีที่แม่นางผู้เป็นภรรยาฟังจบ พื้นถ้ำในตำแหน่งที่สตรีผู้นั้นเคยยืนอยู่ตอนนี้กลับมีร่างเสือตัวมหึมา พญาเสือค่อยๆเดินมาสยบแทบเท้าทรุดกายให้ท่านกูรูขึ้นยืนบนหลังและเหาะเหินผ่านฟ้ามุ่งหน้าลงใต้

ริมแม่น้ำพาโรในเวลาต่อมา

เกียริง เด็กสาวผู้เติมโตมาในหุบเขาแคบๆติดแม่น้ำสีฟ้ากำลังเกี่ยวข้าวแปลงสุดท้าย เธอเหลือบเห็นดูดวงตะวันที่ใกล้จะลับขอบฟ้าซึ่งเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาของอสูร ไม่มีใครบอกได้ว่าอสูรหน้าตาเช่นใด เพราะไม่มีใครรอดมาบอก พ่อมดทุกหมู่บ้านเคยรวมตัวกันไปปราบอสูรแต่ก็กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เช่นเดียวกับพี่สาวและอาของเธอที่สาบสูญไปในค่ำคืนหนึ่ง ส่วนหมอผีที่ไม่ได้ไปปราบได้กล่าวไว้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเจ้าอสูรจะย้ายไปอยู่ถิ่นอื่นเอง ต่อมาเธอได้ยินคำบอกเล่าของชาวนาผู้อยู่ถัดไปจากเขตต้นน้ำเล่าว่าวันหนึ่งเขาได้ออกไปตรวจตราฝูงสัตว์ของตนว่ายังอยู่ครบหรือไม่ เขาบังเอิญเงยหน้าขึ้นมองฟ้า มีแสงสีทองเหลืองเรืองรอง เขาเห็นร่างมนุษย์ยืนหยัดอยู่บนร่างเสือตัวใหญ่ ในเวลาเดียวกันนั้น ภรรยาของชาวนาก็ได้ฝันถึงท่านกูรูผู้วิเศษบนหลังเสือได้กล่าวบอกเธอว่า ภายในสามเดือนข้าจะจัดการกับอสูร วันเวลากำลังจะผ่านพ้นไปสามเดือนในวันนี้แต่ก็ยังไม่เห็นมีผู้วิเศษปรากฏกายเลยสักรายชาวนาทั้งสามีภรรยาผู้นั้นก็ถูกเสือร้ายทำร้ายจนสิ้น หลายครอบครัวเริ่มย้ายถิ่นฐานอพยพไปอยู่บนแผ่นดินใหม่ แต่ครอบครัวของสาวน้อยไม่ทำเช่นนั้นเพราะพ่อของเธอได้กล่าวว่า
“เราจะไม่ละทิ้งแผ่นดินบรรพชนให้เสื่อมเสียไปถึงวันหน้า”

ตอนนี้เธออยู่ปลายนาก้มตัวต่ำจนเพื่อนบ้านไม่ทันสังเกตและต่างพากันคิดไปว่าเธอกลับบ้านไปแล้ว จึงพากันรีบกลับบ้านก่อนแสงตะวันจะลับขอบฟ้า ปล่อยสาวน้อยไว้เพียงคนเดียวกลางไพรพนากว้างใหญ่



สาวน้อยเพิ่งจะรู้ตัวว่าทั้งท้องทุ่งเหลือเพียงตัวเธอ จากตรงนี้ไปถึงบ้านเธอใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบนาที ทางที่เธอจะต้องผ่านก็ล้วนเป็นป่าเขาที่มืดมิด เด็กสาวเริ่มรีบเร่งฝีเท้าเดินกลับบ้าน อากาศรอบตัวเธอเริ่มเย็นลง เสียงลมและสนภูเขาที่เอนเอียง ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวในยามค่ำคืน เกียริงเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความสะพรึงกลัว เมฆสีดำทะมึนปกคลุมทั่ว ระหว่างรอยแยกของก้อนเมฆมีร่างเงาใหญ่ลอยเคว้งลงมาก่อนแผ่นดินจะสะเทือน สาวน้อยตัวสั่นด้วยความกลัวน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มเพราะตอนนี้ตรงหน้าของสาวน้อยนั้นเป็นร่างของอสูร แต่ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากตัวอสูร มีเพียงร่างดำทมิฬ ผิวหนังหยาบกร้าน สูงกว่าคนปรกติสี่ห้าเท่า พุงหลามพลุ้ยเต็มไปด้วยขนรุงรัง สวมสร้อยคอเป็นกะโหลกมนุษย์ แต่ภาพที่น่ากลัวที่เธอเห็นยิ่งกว่านั้นคือใบหน้าของมันที่ผีนรกยังต้องแสยะ เขี้ยวงุ้มโง้งออกมาจากปาก ฟันสีเหลืองเหยเก เมื่อเธอเพ่งในปากดีดีสาวน้อยก็ต้องตกตะลึงร้องกรี๊ดจนลมหายใจขาดช่วง หัวใจเต้นแรง เพราะสิ่งที่อยู่ในปากของอสูรคือ ใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของพ่อของเธอ อีกไม่กี่วินาทีพ่อลูกได้พบกันครั้งสุดท้ายในปากของอสูรแต่ก่อนทุกอย่างจะจบ ฟ้ากลับส่งเสียงสนั่น ดุจมังกรกู่ก้องคำราม เกิดแสงแปลบปลาบเป็นฉากหลังของหมู่เมฆ คล้ายนภาจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างใหญ่ของคนที่ยืนอยู่บนหลังเสือเหาะเหินลงมาคล้ายเทวาจุติ ชายในชุดลามะนั้นก้าวลงจากหลังสัตว์พาหนะ ก่อนเสือจะเผ่นโผนโจรเข้าใส่อสูร เสียงคำรามดังกึกก้อง ฝุ่นตลกอบอวน เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหนือเหตุการณ์ใดๆที่สาวน้อยเกียริงได้พบพาน สาวน้อยยิ้มทั้งน้ำตา และคอยเอาใจเจ้าเสืออย่าใจจดใจจ่อ“เสือจ๋าอย่ายอมแพ้นะ” แต่แล้วสวรรค์กลับเล่นตลก อสูรที่เคยมีเพียงตัวเดียวตอนนี้กลับกลายเป็นสองตัวแต่แปลกไปกว่านั้น บนร่างอสูรตนใหม่ กลับมีนวลนางเกาะห้อยคอ หันร่างเข้าหาในท่วงท่าเสพสังวาส ก่อนที่ฝุ่นจะตลบ ทั้งร่างของอสูรถูกตรึงไว้ด้วยมือทั้งสิบ เสียงร้องโหยหวนดังออกจากปากของมันเป็นครั้งแรก ยามร่างถูกฉีกกระชากแยกจากกันเป็นห้าส่วน หัวไปทาง แขนขาไปอีกทาง เกียริงที่หลุดออกมาจากปากอสูรนั้นตอนที่มันกำลังต่อสู้กับเสือที่แปลงร่างคล้ายเป็นอสูรอีกตัว ทันใดนั้นเองมีมือมาแตะไหล่เธอ เธอหลับตาปี๋เตรียมพร้อมจะตายแต่เสียงที่ที่ทำให้เธอลืมตามานั้นแว่วดุจเสียงระฆังทิพย์ กล่าวปลอบประโลมเธอด้วยภาษาที่เธอไม่เคยได้ยินแต่กลับเข้าใจได้อย่างน่าประหลาด

“แม่นาง เจ้าจงสบายใจเถิด อสูรถูกข้ากำจัดสิ้นแล้ว แม้มันจะมีอิทธิฤทธิ์มากมายเหนือกว่าอสูรใดๆที่ข้าเคยเจอะเจอมาแต่ผลแห่งการบำเพ็ญตบะ และมนตราสักติสตรีผู้เป็นภรรยาของข้า ทำให้วิญญาณร้ายต้องแพ้พ่าย แม่นางปลอดภัยแล้ว”

เกียริงเหลือบเห็นสาวงามเคียงข้างลามะก่อนเอะใจหันไปมองหาเสือตัวนั้น ร่างของเสือได้อันตธารหายไปแล้ว เธอจึงเริ่มเข้าใจ เมื่อนำคำบอกเล่าของชาวนามาปะติดปะต่อ ลามะผู้นี้คือผู้บำเพ็ญบุญเหนือขุนเขา 3 เดือน เพื่อลงมาปราบอสูร เสือศักดิ์สิทธิ์นั้นคือภรรยาของท่าน อสูรตนใหม่ที่เธอเห็นนั้นก็ร่างแปลงของท่านลามะ เกียริงเมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้วเธอก็พูดไม่ออก ท่านลามะเห็นเช่นนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า

“เราคือ กูรู ริมโปเช คุรุปัทมสัมภวะ ผู้ถือกำเนิดจากดอกบัวมีหน้าที่เผยแผ่พระธรรมคำสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เรามีอิทธิฤทธิ์แต่เราไม่อาจฝืนกฏแห่งกรรม พ่อของเจ้าเสียชีวิตไปเพราะอสูร ไม่อาจจจะฟื้นคืน ด้วยเป็นกรรมแต่ปางก่อน แต่เจ้าอย่าเศร้าโศกจนเกินเหตุ ขอเพียงเจ้าประกอบกรรมดีผลบุญจะช่วยให้พ่อของเจ้าไปสู่สุขคติ ขีวิตในโลกหน้าของเขาจะดียิ่งๆขึ้นไป”

“บำเพ็ญอย่างไรคะ ?” สาวน้อยถามทั้งน้ำตา

เธอพร้อมจะอุทิศชีวิตที่เหลือให้กับความเชื่อใหม่ของท่านลามะ ผู้วิเศษชี้นิ้วไปทางที่ดงดอยเหนือหุบเขา ดวงไฟส่องประกายสีทองปรากฏอยู่บนหน้าผา



“นั่นคือถ้ำที่ข้าเข้าไปบำเพ็ญตบะจากนี้อีกไม่นานจะมีลูกศิษย์ข้ามาบำเพ็ญบุญอยู่ที่นั่น เจ้าจงนำเรื่องของข้าไปบอกชาวบ้าน ขึ้นไปเตรียมการแต่งเติมถ้ำเมื่อลูกศิษย์ของข้ามาถึงให้เจ้าปวารณาตัวเป็นข้ารับใช้ จะอยู่นานแค่ไหนสุดแต่ใจเจ้าเป็นที่ตั้ง”

เมื่อจบคำ ท่านกูรูยิ้มให้เกียริงก่อนท่านจะก้าวขึ้นหลังเสือ เผ่นโผนไปในนภากาศ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เกียริงได้มีโอกาสพบท่านกูรูผู้ให้กำเนิดนิกาย หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน ท่านเปคยิ ซิงเย 1 ในศิษย์ 25 รูปของท่านกูรู เดินธุดงผ่านหิมาลัยมาจนถึงถ้ำในภูผา เกียริงสาวน้อยได้ทุ่มเททั้งใจกายปรนนิบัติท่านจวบจนสิ้นชีวิต แต่ถ้ำกลับไม่เคยร้าง ลามะและผู้แสวงบุญจากทั่วทิศ ล้วนหมายมั่นเดินทางมาให้ถึงถ้ำ เพื่อน้อมรำลึกถึงบุญคุณยิ่งใหญ่ของท่านคุรุปัทมสัมภวะจวบจนเกือนหนึ่งพันปีให้หลัง งาวังนัมเกล หรือท่านซับดรุง ได้รวบรวมอาณาจักรภูฎาน ท่านประสงค์จะสร้างวิหารไว้บนเหลี่ยมผาหน้าถ้ำ น่าเสียดายที่ท่านได้จากโลกนี้ไปเสียก่อน แต่เจ้าผู้ครองภูฎานพระองค์ต่อๆมาได้รวบรวมผู้มีจิตศรัทธา สร้างมหาวิหารไว้บนนั้นจนกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในภูฎาน เป็นมหาวิหารแห่งหิมาลัย ในชื่อ ตั๊กซัง รังของเสือ



จาก http://bhutanthaifc.tumblr.com/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ภูฏาน ดินแดนมหัศจรรย์ เทือกเขาหิมาลัย จาก ช่อง DB ซัวเถา
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 0 347 กระทู้ล่าสุด 27 พฤศจิกายน 2565 16:44:25
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.288 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 27 เมษายน 2567 02:11:36