[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 17:00:51 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว แฝดสยามอิน-จัน แฝดสยาม ก้องโลก  (อ่าน 1914 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 30 กรกฎาคม 2559 19:53:43 »

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว...แฝดสยามอิน-จัน (1)
แฝดสยามก้องโลกคู่นี้เกิดที่สมุทรสงคราม

โดย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก
มติชนรายวัน 21 ตุลาคม 2558



เดิมทีเดียว ผู้เขียนตั้งใจจะสืบค้นว่า ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของชนชาติสยาม ใครหนอคือคนไทยรุ่นแรกๆ ที่เสี่ยงตายลงเรือเดินทางไปเหยียบแผ่นดินอเมริกา ไปเรียนหนังสือ ไปทำมาหากิน ไปเพราะโชคชะตาฟ้าลิขิต หรือไปสำรวจขอบฟ้าใหม่ให้ชีวิต เค้าไปกันยังไง เพราะสองร้อยปีที่ผ่านมา ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ในโลกนี้ สูง ต่ำ ดำ ขาว แม้แต่ชาวจีนยังหลั่งไหลอพยพไปตั้งต้นชีวิตใหม่ในอเมริกา ดินแดนแผ่นดินแห่งโอกาส อาณาจักรแห่งความฝันของมวลมนุษยชาติ

ค้นไปค้นมาจึงไปเจอข้อมูลจริงที่มหัศจรรย์แสนจะเหลือเชื่อ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว คนสยามที่ตัวติดกันเป็นคู่แฝดประหลาดคู่นี้ พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ซักคำ พออายุได้ 18 ปี มีพ่อค้าอังกฤษและกัปตันเรืออเมริกันจ่ายเงินให้พ่อ-แม่ที่ปากคลองแม่กลอง ต.แหลมใหญ่ เมืองสมุทรสงคราม จำนวนมหาศาลถึง 1,600 บาท จับใส่เรือสินค้าจากสยามแล่นผ่านมหาสมุทรค่อนโลกไปจัดการแสดง "มนุษย์ประหลาด" ในอเมริกา ข้ามโลกไปแสดงในอังกฤษ คนในอเมริกาแห่กันซื้อตั๋วเสียตังค์เข้ามาขอดู ขอพิสูจน์การแสดงของคนตัวติดกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน แฝดจากสยามสนุกสนาน เฮฮา ร่าเริง ตระเวนไปแสดงเกือบทั่วแผ่นดินอเมริกา มีผู้จัดการส่วนตัวจัดโปรแกรมการแสดง จนทั้งสองคนมีเงินร่ำรวย

ชายชาวสยามผู้มีลำตัวติดกัน สมัยเด็กอยู่ที่ปากคลองแม่กลอง เลี้ยงเป็ดขายไข่ หาปลาเลี้ยงชีพ บรรพบุรุษสยามคู่นี้ในที่สุดเสน่ห์แรงไปมีเมียเป็นฝรั่งอเมริกัน ทั้งคู่สร้างตัว สร้างบ้าน ซื้อที่ดินในอเมริกาขนาดมหึมา แถมมีลูกดกบานตะไท เหมือนผลไม้ใส่ปุ๋ยออกดอกออกผล แตกหน่อต่อกิ่งเกิดเป็นลูกหลาน เหลน ลื่อ สร้างวงศาคณาญาติในอเมริกา นับถึงปัจจุบันมีโคตรเหง้ารวมราว 1,500 คนในอเมริกา นับเป็นเรื่องราวสุดแสนพิสดารและเป็นหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ที่คนไทยไม่ทราบไม่ได้ครับ

ประการสำคัญคือ มีการบันทึกเป็นวิชาการเกือบครบถ้วน เกร็ดข้อมูล หลักฐานสำคัญจะอยู่ในอเมริกาเกือบทั้งหมด เชื่อถือได้ทั้งด้านการแพทย์ ด้านสังคม มุมมองจากหลายมิติ

เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายหรือตำนาน แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่มีลมหายใจ ไม่มีเรื่องอะไรจะโดนใจผู้เขียนเท่ากับเรื่องราวของแฝดสยามอิน-จัน ที่ต่อมาก่อให้เกิดคำว่า Siamese Twin ใช้กันทั่วไปในโลก




ขอนำเกร็ดสาระมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังแบบสบายๆ ครับ เรื่องนี้เป็นมงคลสำหรับแผ่นดินสยาม โดยเฉพาะพี่น้องบ้านแหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ที่เป็นต้นกำเนิดความแปลกน่าศึกษา ขยายตัวกลายเป็นตำนานเล่าขานกันไปทั่วโลก

ในรัชสมัยในหลวง ร.2 เด็กชายตีอาย ชาวจีนแต้จิ๋ว อพยพโดยเรือสำเภาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจากท้องทะเลพร้อมกับบิดา มารดา มุ่งหน้าเข้ามาอาศัยแผ่นดินสยาม ครอบครัวนี้สู้ชีวิตสุดสุด แบบชาวจีนนับหมื่นนับแสนคนที่หนีความอดอยากแร้นแค้นจากจีนเข้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแผ่นดินสยามที่เขียวขจี ตีอายเติบใหญ่ ทำอาชีพประมงและค้าขายเล็กๆ น้อยๆ แถวปากคลองแม่กลอง เมื่อตีอายอายุอานามพอเหมาะพอควร ได้พบรักกับนางนาก ชาวสยามเชื้อสายจีน-มาเลย์ที่ปักหลักทำมาหากินอยู่ถิ่นละแวกนั้น แต่งงานอยู่กินกันจนให้กำเนิดลูก เป็นครอบครัวใหญ่ ลูกเยอะตามวิถีชีวิตของชาวสยาม แต่สำหรับท้องที่ 5 นางนากเจ็บปวดใจจะขาดแทบสิ้นลม เพราะทารกที่คลอดมานั้นเป็นฝาแฝด แฝดคู่นี้ไม่ธรรมดาเพราะลำตัวมีเนื้อเยื่อเป็นเส้นเชื่อมทารกน้อยทั้งสองทำให้เห็นชัดว่าท้องติดกัน

ตามบันทึกประวัติศาสตร์ วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2354 ในสมัยในหลวง ร.2 คือวันเกิดของทารกแฝดตัวน้อยที่หมอตำแยทำคลอด ที่มีสภาพหน้าท้องติดกันแต่กลับหัวกลับเท้าซึ่งกันและกัน ร่างกายเด็กน้อยดูสมประกอบ ไม่มีอะไรแปลกหูแปลกตา หมอตำแยจับทารกอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ทำกรรมวิธีตามตำราเสร็จสรรพ จึงเห็นชัดว่ามีเพียงหนังเหมือนเชือกที่บิดเป็นเกลียวเชื่อมทารกน้อยตรงบริเวณหน้าอกเข้าด้วยกัน

ท่านผู้อ่านบทความนี้จำนวนหนึ่งคงไม่คุ้นกับคำว่า "หมอตำแย" เป็นแน่แท้


หมอตำแย หมายถึงหญิงที่ทำหน้าที่คลอดลูกตามแผนโบราณครับ ชื่อตำแยที่ฟังดูแล้วรู้สึกว้าเหว่ หนาวกายหนาวใจสำหรับคนในยุคนี้ คาดว่ามาจากชื่อของเถรตำแย เจ้าสำนักวิชาการทำคลอดมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์

โบราณกาลของสยาม หมอตำแยเป็นบุคคลสำคัญในชุมชนที่ต้องรับผิดชอบต่อความเป็นความตายของทารกเริ่มตั้งแต่ตั้งท้อง หมอตำแยมีทักษะสามารถใช้มือคลำไปที่ท้องแล้วบอกข้อมูลของเด็กในท้องได้เลย จะต้องใช้ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ จัดท่าทาง จัดหัว จัดเท้าของทารกในท้องแม่เพื่อให้คลอดออกมาสะดวก ปลอดภัย ทุกสังคมในโลกนี้มีหมอตำแยทั้งสิ้น (หมอตำแย ตรงกับภาษาอังกฤษว่า midwives) ต่อมาเมื่อแพทย์และวิชาการจากโลกตะวันตกเข้ามาในสยาม องค์ความรู้ของหมอตำแยนี้จึงพัฒนามาเป็นวิชาผดุงครรภ์ สูตินารี

ในหลักวิชาชีพหมอตำแยของสยาม มีสิ่งต้องห้ามที่เข้มงวดที่สุดคือ ก่อนเด็กคลอดออกมา ห้ามพูดว่าเด็กในท้องเป็นหญิงหรือชาย

สำหรับสังคมไทย เมื่อวิชาการแพทย์แผนปัจจุบันได้รับการยอมรับมากขึ้น จึงเริ่มมีการ จัดระเบียบหมอตำแย ในปี พ.ศ.2500 ผลลัพธ์คือหมอตำแยค่อยๆ หายหน้าสาบสูญไปจากวงการ เพราะคนไทยหันมาให้ความเชื่อถือสถานผดุงครรภ์และโรงพยาบาลที่ใช้หลักการแพทย์แผนปัจจุบันสำหรับการทำคลอด

ผู้เขียนเชื่อว่า ใน พ.ศ.2558 นี้ยังคงมีคนไทยรุ่นอาวุโสที่เกิดมาด้วยฝีมือหมอตำแยและยังมีชีวิตอยู่ไม่น้อยครับ


กลับมาที่เรื่องแฝดสยาม ข่าวการให้กำเนิดแฝดประหลาดของนางนากอื้ออึงตึงตังไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ชาวบ้านละแวกนั้นต่างตั้งตัวเป็นเกจิ ผู้หยั่งรู้ ส่งข่าวปากต่อปากชี้เปรี้ยงว่า เด็กแฝดประหลาดคู่นี้ชะรอยจะเป็นลางร้ายที่จะนำเสนียดจัญไรหายนะมาสู่บ้านเมืองเป็นแน่แท้

วงซุบซิบนินทาคิดหาหนทางร้อยแปด เจ้ากี้เจ้าการยื่นมือยื่นปากยุแหย่ที่จะต้องผ่าแยกร่างทารกแฝดพิสดาร หรือต้องกำจัดเสียให้จงได้

ในครั้งกระโน้น คงมิพักที่จะพูดถึงการผ่าตัดแยกร่างโดยแพทย์ที่ไหน เจ็บไข้ได้ป่วยต้องใช้การเสกเป่า ท่องคาถา รดน้ำมนต์ ทุกชีวิตที่เกิดมาหรือต้องตายไปเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฟ้าดิน และบุญวาสนา ความรู้เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ อวัยวะภายในร่างกาย ปอด ตับ ไต ไส้ พุง ของเด็กแฝดคู่นี้มีอวัยวะอะไรที่ใช้ร่วมกัน มีอะไรที่แยกจากกันได้-ไม่ได้ ชาวสยามยุคนั้นไม่สามารถรู้ได้เลย แม้แต่มโนก็มโนแบบมืดสนิท เห็นด้วยตาอย่างเดียวคือ มีหนังเชื่อมกันตรงบริเวณหน้าอก

ข้อมูลทางการแพทย์ที่ค้นมาเล่าแถมอธิบายแบบบ้านๆ คือว่า เมื่อผู้ชายหลั่งเชื้อตัวผู้หรืออสุจิ (ภาษาอังกฤษเรียกว่า sperm : สเปิร์ม) เข้าไปในช่องคลอดผู้หญิงเพื่อผสมกับไข่หรือเชื้อตัวเมีย เชื้อตัวผู้ นับร้อยล้านตัว จะมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าไปผสมกับไข่ในมดลูกของผู้หญิง ซึ่งธรรมชาติให้ผู้หญิงมีไข่ตัวเมียคราวละ 1 ฟอง เดือนละครั้งเท่านั้น

แต่ถ้าหากรังไข่ของผู้หญิงเกิดผลิตไข่ตกมาพร้อมกัน 2 หรือ 3 หรือ 4 ฟอง เป็นเวลาเดียวกับที่สเปิร์มแห่กันเข้าไป ก็จะเกิดปฏิสนธิเป็นแฝด 2 หรือ 3 หรือ 4 ได้ครับ เด็กแฝดส่วนใหญ่มีอัตราเสี่ยงเสียชีวิตสูงกว่าเด็กธรรมดาครับ

หมอตำแย พ่อมด หมอผี และผู้คนทั้งหลายต่างคิดว่า แฝดพิสดารของเมืองแม่กลองคู่นี้คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เพราะที่ผ่านมาเด็กแฝดลักษณะนี้อายุสั้นทั้งนั้น

นายตีอายและนางนากตั้งชื่อลูกแฝดคู่นี้ว่า อินและจัน


ชื่อนี้มีความหมายแค่ไหน อิน-จัน เป็นชื่อของผลไม้ไทย 2 แบบที่อยู่ร่วมต้นเดียวกันคือ ผลแบบทรงกลมแป้น เรียกว่าลูกจัน ไม่มีเมล็ด และผลแบบทรงกลม ผลหนา ผิวเรียบ ไม่มีรอยบุ๋ม มีเมล็ด เรียกว่าลูกอิน จำง่ายดีจัง

วันคืนผ่านไปหลายเพลา นายตีอายและนางนากไม่เคยคิดจะผ่าแยกร่างลูกน้อยตามที่ชาวบ้านละแวกนั้นอยากเห็น เรื่องของไสยศาสตร์มนต์ดำมีอิทธิพลทางความคิดอ่านต่อผู้คนเหนือสิ่งอื่นใด แต่นายตีอายและนางนากไม่แยแสขี้ปากคนแถวนั้น ยืนกรานที่จะไม่ขอแยกร่างลูกน้อยเด็ดขาด

เด็กน้อยแสนประหลาดอิน-จันสมบูรณ์แข็งแรงเช่นเด็กปกติทั่วไป พ่อแม่ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ร่าเริงแจ่มใส ไม่เจ็บป่วย กินได้ นอนหลับ ทำเอาเกจิอาจารย์หมอผีทั้งหลายต้องหลบหน้าหายไป ทารกแฝดเริ่มคลานไปไหนก็ไปด้วยกัน น่ารักน่าชัง มีความสอดคล้องราวกับคนเดียวกัน มีบางครั้งก็เงอะงะไปตามประสาเด็ก

พ่อแม่ของแฝดอิน-จันทำให้ลูกน้อยได้อย่างเดียว คือพยายามยืดหนังที่เชื่อมลำตัวอินและจันให้ขยายออกให้มากที่สุด เพื่อให้ลูกน้อยมีระยะห่าง ไม่ดึงตัวกัน แต่ก็ยืดได้ไม่มากนัก พ่อแม่เฝ้าสังเกตว่าลูกน้อยหากมีการเจ็บป่วยก็จะป่วยพร้อมกันและจะหายป่วยพร้อมกัน

ในขณะที่ต้องสาละวนกับแฝดคู่นี้ นางนากยังมีลูกเพิ่มอีก 3 คนที่ถือเป็นน้องของแฝดอิน-จัน รวมลูกของนางนากเบ็ดเสร็จ 9 คน

อิน-จันมีพัฒนาการไปตามธรรมชาติของมนุษย์ จากคลานจนกระทั่งเริ่มยืน (ตั้งไข่) จนถึงขั้นเดินเตาะแตะ แฝดคู่นี้ล้มลุกคลุกคลาน หงายหน้า หงายหลังไปตามเรื่อง เพราะทารก 2 คนตัวติดกันมี 4 แขน 4 ขา 2 หัว ยังไม่ได้เริ่มฝึกหัดที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน

ความท้าทายที่ทุกคนต่างเฝ้ามองคือ แล้วไอ้แฝดอิน-จันคู่นี้มันจะเดินเหินใช้ชีวิตด้วยกันยังไงวะ?


ท่านผู้อ่านคงนึกภาพออกนะครับว่าเอาเชือกมาผูกหน้าอกเชื่อมคน 2 คน (เอาแบบเชือกมีระยะห่างเล็กน้อย) แล้วให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และต้องอยู่ให้ได้ตลอดไป ว่ามันจะเกิดความรุงรังอะไรขึ้นบ้าง

ธรรมชาติไม่ไร้ความปรานี มีการหยิบยื่นน้ำใจและโอกาสต่อแฝดอิน-จันครับ

การเดินไป-มา การหยุด เป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงที่คู่ชีวิตทั้ง 2 จะต้องร่วมกันคิดอ่านแก้ไข หาวิธีการที่เหมาะสมที่จะใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขต่อไปให้ได้ อิน-จันมักจะล้มหัวคะมำ อินจะนั่ง จันจะยืน จันจะวิ่ง อินจะหยุด หกคะเมน คว่ำหงายเป็นที่ขบขัน เรียกเสียงเฮฮาจากผู้คนทั่วไปในหมู่บ้านเสมอ

พ่อแม่ของเด็กน้อยทั้งสองและธรรมชาติล้วนเป็นครูสอนให้ลูกแฝดเรียนรู้ที่จะโอบไหล่ กอดเอวกัน ตอนเดิน ตอนหยุด เดินเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เข้าขากันดี แบบทูอินวัน ความรู้สึกนึกคิดแบบคนคนเดียวเข้ามาหล่อหลอมโอบอุ้ม และในที่สุดแฝดอิน-จันกลายเป็นคน "รู้ใจกัน" ก็วิ่งเล่นได้เหมือนเด็กทั่วไป เป็นที่โจษขานกันไปทั่วทุกสารทิศ แถมยังว่ายน้ำในคลอง หาปลาปูกุ้งหอยมาเลี้ยงพ่อแม่พี่น้องอีกต่างหาก

ประการสำคัญคือ อินและจันไม่เคยโต้เถียงเกี่ยงงอนกัน

แฝดคู่นี้กำลังจะไปบางกอกครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ


มีอีก หาอ่านเอง ใน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445408152&grpid=02&catid=08

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1450762624

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
กาลครั้งหนึ่ง หัวเกรียน เขียนถึงครู
สุขใจ จิบกาแฟ
▄︻┻┳═一 2 1949 กระทู้ล่าสุด 17 มกราคม 2555 12:45:25
โดย ▄︻┻┳═一
แฝดสยามอิน-จัน
สยาม ในอดีต
Kimleng 19 14302 กระทู้ล่าสุด 20 มิถุนายน 2559 11:47:38
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.411 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มีนาคม 2567 00:44:57