[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 07:40:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “ประตู ๓ บาน เพื่อการหลุดพ้น” ธรรมบรรยายโดย ท่าน ติช นัท ฮันห์  (อ่าน 1092 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 09 สิงหาคม 2559 00:42:22 »

นี้เป็นบทความในนิกายเซ็นนะคะ
แต่ว่าพออ่านแล้วรู้สึกสามารถสัมผัสบางอย่างได้ในบทความนี้เลย

เป็นธรรมบรรยายโดยท่านติช นัท ฮันห์
“ประตู ๓ บาน เพื่อการหลุดพ้น”



ความว่าง/สุญญตา(emptiness)

เมื่อเธอมองเข้าไปในดอกไม้นี้ เธอเห็นว่าจักรวาลทั้งหมดรวมกันอยู่ในดอกไม้นี้ และเธอจะสัมผัสกับจักรวาลในดอกไม้นี้ได้ ดอกไม้เต็มไปด้วยจักรวาล เต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง มีความว่างจากสิ่งเดียวเท่านั้น คือว่างจากการที่มีตัวตนแยกออกมาเป็นอิสระ นั่นคือความหมายของคำว่าความว่างหรือสุญตา ความว่างในที่นี้หมายถึงเป็นความว่างที่เป็นอิสระจากการแยกตัวตนออกมาอย่างโดดเดี่ยว เป็นความว่างที่ไม่มีตัวตน ไร้อัตตา เมื่อเราชี้ให้เด็กๆ เห็นต้นข้าวโพด เราก็ชี้ให้เด็กๆเห็นเมล็ดข้าวโพดด้วย ให้เด็กๆเห็นว่าต้นข้าวโพดประกอบขึ้นมาได้ก็เพราะมีเมล็ดข้าวโพด ต้นข้าวโพดก็คือการสืบเนื่องจากเมล็ดข้าวโพด ถ้าลูกชายมองอย่างลึกซึ้งเข้าไปในร่างกายของเขา เขาจะตระหนักรู้ได้ว่าคุณพ่อก็อยู่ในตัวเขาด้วย ข้างซ้ายไม่อาจที่จะอยู่ตรงนั้นโดยปราศจากข้างขวา ดอกบัวไม่อาจที่จะอยู่ตรงนั้นโดยปราศจากโคลนตม ลูกชายก็ไม่อาจที่จะอยู่ตรงนั้นถ้าปราศจากคุณพ่อ และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ลูกชายทำเพื่อลดความทุกข์ให้น้อยลง ลูกชายไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ลูกชายกำลังทำเพื่อคุณพ่อด้วย

เรามักจะคิดอยู่เสมอว่าคุณพ่อเป็นสิ่งหนึ่ง ลูกก็เป็นสิ่งหนึ่ง ทั้งตัวคุณพ่อและลูกชายไม่มีการเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน เราบอกเด็กๆว่าเมื่อเธอมองไปที่ต้นข้าวโพดน้อยๆ เธอจะเห็นเมล็ดข้าวโพดอยู่ในต้นข้าวโพด ต้นข้าวโพดไม่สามารถที่จะอยู่แยกออกมาจากเมล็ดข้าวโพด และเมล็ดข้าวโพดก็ไม่ได้แยกส่วนออกมาจากต้นข้าวโพด เพราะฉะนั้นเมื่อลูกชายมีความทุกข์ คุณพ่อที่อยู่ในตัวลูกชายก็มีความทุกข์ด้วยในเวลาเดียวกัน และเมื่อคุณพ่อมีความทุกข์ ลูกชายที่อยู่ในตัวคุณพ่อก็มีความทุกข์ด้วยในเวลาเดียวกัน เธอไม่สามารถที่จะถอดถอนคุณพ่อที่อยู่ในตัวเธอออกไป ความสุขของเธอก็คือความสุขของคุณพ่อ ความทุกข์ของเธอก็คือความทุกข์ของคุณพ่อ เพราะฉะนั้นคุณพ่อและลูกชายเป็นดั่งกันและกัน เชื่อมโยงสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน อยู่ในกันและกัน

เมื่อหลวงปู่อายุ ๑๖ ปี ยังเป็นสามเณรอยู่ พระอาจารย์สอนการกราบพระพุทธเจ้าและสอนให้หลวงปู่ท่องจำกลอนคาถาบทหนึ่ง เมื่อกราบพระพุทธรูปจะต้องหายใจเข้า หายใจออก และกล่าวบทคาถานั้น การกล่าวบทกลอนนั้นก็จะนำมาซึ่งปัญญาแห่งการรู้แจ้งแห่งการเป็นดั่งกันและ ถ้าเราไม่มีปัญญารู้แจ้งแห่งการเป็นดั่งกันและกันนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะสัมผัสกับพระพุทธเจ้าได้อย่างแท้จริง
ผู้กราบและผู้รับกราบ มีธรรมชาติแห่งความว่างอย่างแท้จริง

ดังนั้นการสื่อสารระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเป็นไปอย่างลึกซึ้ง หมายความว่าเรากล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า พระพุทธองค์ที่รัก ลูกรู้ดีว่าลูกประกอบขึ้นด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เป็นตัวลูกเอง ธรรมชาติของลูกก็คือความว่าง พระพุทธเจ้าที่รัก พระองค์ก็ประกอบขึ้นด้วยองค์ประกอบที่ไม่ใช่พระองค์ เราทั้งสองไม่ได้มีตัวตนที่แยกออกมาจากกันเลยทั้งผู้กราบและผู้รับกราบ ท่านอยู่ที่นั่นแต่ท่านก็อยู่ในตัวลูกด้วย ลูกอยู่ที่นี่แต่ลูกก็อยู่ในตัวท่านด้วย ลูกก็เป็นองค์ประกอบที่ไม่ใช่พระพุทธองค์ ลูกจึงอยู่ในตัวพระพุทธองค์ด้วย ด้วยการพิจารณาทำสมาธิเช่นนี้จะทำให้เราเห็นความว่างของทั้งสองฝ่าย เธอจะเห็นตัวเธออยู่ในพระพุทธองค์ พระพุทธองค์อยู่ในตัวเธอ ปัญญารู้แจ้งเช่นนี้จะทำให้เราสามารถสื่อสารต่อกันได้ มิฉะนั้นแล้วพระพุทธเจ้าก็คงเป็นเพียงพระพุทธเจ้า ฉันก็เป็นฉัน ทั้งสองฝ่ายไม่มีการสื่อสารกันอย่างแท้จริง ด้วยปัญญารู้แจ้งของความว่างหรือสุญตา สามารถที่จะถอดถอนเครื่องกีดขวางต่างๆที่มีอยู่ในตัวเราและทำให้เราเป็นอิสระ ในพุทธศาสนามหายาน มีคำสอนออกมามากมายที่สอนเกี่ยวกับเรื่องของความว่างหรือสุญตา สอนเกี่ยวกับการทำสมาธิกับความว่าง



การไร้เครื่องหมาย ไร้สัญลักษณ์ (signlessness)

จะช่วยให้เราถอดถอนความกลัว ความโกรธ ความสิ้นหวังต่างๆ คำสอนนี้จะช่วยให้เราถอดถอนความเศร้าโศกของการสูญเสีย ถ้าเรามีคนที่เรารักที่เพิ่งสูญเสียไป ไร้เครื่องหมาย ไร้สัญลักษณ์คืออนิมิต ไม่มีเครื่องหมาย เราทราบว่าก้อนเมฆไม่อาจตายได้ ก้อนเมฆเพียงแต่แปรเปลี่ยนกลายเป็นสายฝน กลายเป็นหิมะ ฉะนั้นเมื่อเธอไม่เห็นก้อนเมฆอยู่บนท้องฟ้า โปรดอย่าร้องไห้ อย่าคิดว่าก้อนเมฆนั้นสูญหายไป ก้อนเมฆนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นสายฝน เธอจะเห็นการปรากฏขึ้นใหม่ของก้อนเมฆในสายฝนนั้นได้ ในระหว่างที่เธอกำลังร้องไห้ที่ก้อนเมฆหายไปจากท้องฟ้า ก้อนเมฆก็กำลังเรียกเธอ ทักทายเธอว่า “ที่รัก ที่รัก เธอไม่เห็นฉันหรือ ฉันแปรเปลี่ยนไปเป็นสิ่งใหม่แล้ว ฉันเป็นสายฝนแล้ว” ก้อนเมฆอยู่ในสายฝน เมื่อเธอดื่มน้ำชาอย่างมีสติ เธอก็จะเห็นว่าก้อนเมฆนั้นอยู่ใกล้เธอมาก ก้อนเมฆอยู่ในน้ำชา เราจึงควรทำสมาธิเพื่อที่จะไม่ยึดติดในรูปร่าง ในเครื่องหมาย ในสัญลักษณ์ ในรูปลักษณ์ภายนอก เมื่อเราฝึกปฏิบัติทำสมาธิกับการไม่ยึดติดอยู่ในรูปร่าง รูปลักษณ์เหล่านี้ เราจะไม่กลัวต่อการสูญเสีย ต่อความตาย เพราะเราเป็นอิสระจากการยึดติดอยู่ในรูปลักษณ์ต่างๆ

การทำสมาธิกับการไร้เครื่องหมาย รูปลักษณ์ เมื่อเราทำสมาธิ มองอย่างลึกซึ้งเข้าไปในตัวลูกชายลูกสาวของเรา เราจะเห็นว่าเราก็อยู่ในตัวลูกชายลูกสาวของเรา เราเห็นบรรพบุรุษที่ยังอยู่ในตัวลูกชายลูกสาวของเรา บรรพบุรุษของเราไม่เคยตายจากไปไหนเลย ท่านสืบเนื่องอยู่เสมอในตัวเราและในรูปแบบอื่นๆ เพราะฉะนั้นการทำสมาธิกับการไร้รูปหมายสัญลักษณ์นี้จะทำให้เราเป็นอิสระจากกิเลสที่เกี่ยวข้องกับความสิ้นหวัง การสูญเสีย ความกลัว และการฝึกทำสมาธิกับการไร้จุดมุ่งหวัง จะช่วยทำให้เรามีความสุขได้ในทันทีทันใด เราไม่ต้องวิ่งหาความสุขในอดีต เราจะมีความสุขอยู่กับปัจจุบันขณะ



การไร้จุดมุ่งหวัง(aimlessness)

ดอกกุหลาบนั้นสวยอยู่แล้ว เป็นสุขอยู่แล้ว กุหลาบไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้กลายเป็นดอกบัวหรือดอกเบญจมาศ เพื่อจะสวยยิ่งขึ้น เธอไม่จำเป็นต้องเป็นใครอีกคนเพื่อจะมีความสุข เธอไม่จำเป็นที่จะต้องกลายเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อที่จะเป็นอิสระและมีความสุข เธอมีเมล็ดพันธุ์แห่งการตรัสรู้ การตื่นรู้ ความรัก ความเมตตากรุณาอยู่ในตัว ถ้าเธอหมั่นรดน้ำเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น ยอมให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นได้รับการรดน้ำ เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็จะเบ่งบาน เธอจะตื่นรู้และมีความสุขได้ในทันทีทันใด ณ ที่นี่และในขณะนี้ เมื่อเรามีปัญญารู้แจ้งกับการทำสมาธิโดยไร้จุดมุ่งหวังเช่นนี้ เราก็จะหยุดวิ่งตามความอยาก เราจะกลับมามีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมในปัจจุบันขณะ

ติช นัท ฮันห์

จากธรรมบรรยาย ภาวนาครอบครัว: เราคือหนึ่งเดียว
๑๗ เมษายน ๒๕๕๖

http://www.thaiplumvillage.org/index.php?option=com_content&view=article&id=256:2013-07-25-06-44-19&catid=8:2011-01-18-05-20-02&Itemid=13

https://dhammaway.wordpress.com/2013/10/19/zen-thich-nhat-hanh/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
"Together We Are One" เราคือหนึงเดียว โดย ท่าน ติช นัท ฮันห์
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 0 1156 กระทู้ล่าสุด 09 สิงหาคม 2559 01:26:11
โดย มดเอ๊ก
ธรรมบรรยาย โดย ท่าน ติช นัท ฮันห์ ” อำนาจ ๓ ประการเพื่อความสำเร็จ”
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 0 1010 กระทู้ล่าสุด 13 สิงหาคม 2559 21:32:02
โดย มดเอ๊ก
สวรรค์ 6 ชั้น นรก 8 ขุม (ธรรมบรรยายโดย พระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร)
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
มดเอ๊ก 0 1639 กระทู้ล่าสุด 03 กันยายน 2559 05:09:24
โดย มดเอ๊ก
มีสตินึกรู้ อยู่กับปัจจุบัน ติช นัท ฮันห์ ( โดย ท่าน ว.วชิรเมธี )
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 0 959 กระทู้ล่าสุด 05 พฤศจิกายน 2559 02:26:39
โดย มดเอ๊ก
[ไทยรัฐ] - ปาฏิหาริย์มีจริง ไล่ถล่มคู่แข่ง 7 ประตู นัดสุดท้าย คว้าตั๋วเลื่อนชั้นลีกผู้ดี
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 151 กระทู้ล่าสุด 08 พฤษภาคม 2565 20:55:26
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.339 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 13 เมษายน 2567 06:48:11