[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 22:35:17 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 7 เรื่องเล่าน่ารู้ ของ หลวงพ่อชา สุภทฺโท พระอริยสงฆ์ แห่ง เมืองดอกบัวงาม  (อ่าน 1481 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 23 สิงหาคม 2559 04:04:45 »



7 เรื่องเล่าน่ารู้ ของ หลวงพ่อชา สุภทฺโท พระอริยสงฆ์ แห่ง เมืองดอกบัวงาม

คนจำนวนมากจดจำพระอาจารย์ชา สุภทฺโทได้เป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้เพียรเผากิเลสแห่งตนและหมู่ชนให้หมดสิ้นไป ทั้งยังอุทิศชีวิตในการปฏิบัติและเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ให้แพร่หลายไปไกลถึงซีกโลกตะวันตก รวมถึงได้ผลิตยอดนักรบทางธรรมออกมาสืบต่อพระพุทธศาสนาอีกมากมาย

Secret ขอนำเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับแม่ทัพธรรมผู้สืบทอดร่มเงาโพธิญาณ ให้ผู้อ่านได้อ่านกัน


1.เมื่อโตเป็นหนุ่ม นายชา โชติช่วง ได้พบรักกับนางสาวจ่ายขณะอายุ 19 ปี ทว่าไม่มีโอกาสได้ร่วมหอลงโรงกัน เพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่อาจทนรอให้นายชาเกณฑ์ทหารและบวชพระได้จึงจัดการให้นางสาวจ่ายแต่งงานกับนายพุฒ เพื่อนรักของนายชา

แม้นธรรมที่ได้ศึกษาตอนเป็นเณรจะพอช่วยบรรเทาพิษรักในครั้งนั้นลงได้บ้าง แต่นายชาก็ยังทุกข์ใจ สุดท้ายจึงตัดสินใจกลับสู่เส้นทางธรรม อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในวันที่26 เมษายน พ.ศ. 2482 ได้รับฉายาว่า “สุภทฺโท” แปลว่า“ผู้เจริญดี ” โดยภายหลังท่านได้กล่าวถึงเพื่อนรักในฐานะผู้มีพระคุณว่า “ถ้าเขาไม่แต่งงานกับแม่จ่าย ผมก็คงไม่ได้บวช ”
 

2.เมื่อเกิดศรัทธาในวิถีนักบวช พระชาจึงตั้งใจเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนตามที่ต่าง ๆ ดังคติธรรมท้องถิ่นของชาวอีสานที่ว่า “บ่ออกจากบ้าน บ่ฮู้ห่อนทางเทียว บ่เฮียนวิชา ห่อนสิมีความฮู้” (ถ้าไม่ออกจากบ้าน ไฉนจะรู้ทางไปมา ไม่เรียนวิชาไฉนจะมีความรู้) ในที่สุดท่านก็สามารถสอบได้นักธรรมตรีและโท ทว่าก่อนที่จะสอบนักธรรมเอกไม่นาน โยมพ่อของพระชาเกิดป่วยหนัก ท่านจึงตัดสินใจกลับบ้านไปดูแล แต่อาการของโยมพ่อก็มีแต่ทรงกับทรุด “พระอย่าลาสิกขานะ อยู่เป็นพระไปอย่างนี้แหละดีสึกออกมามันยุ่งยาก ลำบาก หาความสบายไม่ได้ ” เสียงของโยมพ่อแหบแห้งจากโรคภัยที่รุมเร้า พระชาจึงตอบโยมพ่อไปว่า “ไม่สึกหรอก จะสึกไปทำไมกัน” โยมพ่อยิ้มด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำตอบของพระลูกชาย…หลังจากเฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่ออยู่ 13 วัน โยมพ่อก็ถึงแก่กรรม
 

3.ครั้งหนึ่งพระชาได้เดินทางเข้าสู่เขตจังหวัดลพบุรี มุ่งสู่เขาวงกต อันเป็นสำนักของ หลวงพ่อเภา แต่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเภามรณภาพไปเสียก่อน พระชาจึงศึกษาระเบียบข้อปฏิบัติที่หลวงพ่อเภาวางไว้ และได้อ่านคติพจน์ที่ท่านเขียนไว้ตามปากถ้ำและตามที่อยู่อาศัยเพื่อเตือนใจแทน ทั้งยังมีโอกาสศึกษาพระวินัยจนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ทำให้ท่านมีความสังวรระวังไม่กล้าฝ่าฝืนแม้แต่สิกขาบทเล็ก ๆ น้อย ๆ

ครั้งนั้นพระชาได้พบกับพระธุดงค์ชาวเขมรรูปหนึ่งและได้ศึกษาพระวินัยกับพระอาจารย์รูปนั้นหลายข้อ ทำให้กระจ่างแจ้งมากขึ้น คืนหนึ่งขณะที่ท่านกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ พระเขมรรูปนั้นได้เดินฝ่าความมืดมาหาท่านพร้อมกับบอกว่า ได้สอนพระวินัยผิดไปหนึ่งข้อ และต้องรีบมาบอกเพราะเกรงว่า ถ้าท่านตายในคืนนี้ พระชาจะจำไปสอนคนอื่นผิด ๆ อีก จะเป็นบาปเป็นกรรมไปเปล่า ๆ พระชารู้สึกประทับใจและนึกชื่นชมพระเขมรรูปนั้นพร้อมกับตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ประมาทในการสอนธรรมผู้อื่น
 

4.จากการที่เคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับพระอาจารย์ มั่น ภูริทตฺโต ว่าเป็นครูบาอาจารย์ด้านวิปัสสนาธุระที่มีผู้เคารพนับถือมากมาย พระชาจึงตัดสินใจเดินธุดงค์ไปร่ำเรียนกับท่านถึงวัดป่าบ้านหนองผือ จังหวัดสกลนคร เมื่อแรกพบกัน พระอาจารย์มั่นได้ตอบข้อสงสัยที่ค้างคาใจพระชามาเนิ่นนานจนหมดสิ้นโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามเสียด้วยซ้ำ ทำให้พระชามั่นใจว่า ท่านได้พบครูอาจารย์ที่ตามหามานานแล้วหลังจากที่ท่านศึกษาและปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านหนองผือได้ประมาณสองสามคืน พระชาก็กราบลาพระอาจารย์มั่นออกธุดงค์ต่อ

5. วันหนึ่งขณะปลีกวิเวกอยู่ในป่าช้า ชาวบ้านได้หามศพมาเผาใกล้ ๆ กลดของท่าน คืนนั้นเองพระชาได้ยินเสียงครืดคราด ๆ และเสียงย่ำเท้าดังโครม ๆ เหมือนจะมาเหยียบร่าง แม้กลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก แต่ท่านก็ยังคงหลับตาสนิท ตั้งใจมั่นว่า“ให้มันตายทั้งหลับตานี่แหละ!” ความกลัวที่อัดแน่นอยู่ในใจทำให้ท่านถึงกับลืมบริกรรมพุทโธ แต่ขณะนั้นเองก็เกิดคำถามผุดขึ้นมาในใจว่า “กลัวอะไร ” “กลัวตาย ” “ความตายมันอยู่ไหน ” “อยู่กับตัวเอง ” “แล้วจะหนีไปไหนพ้นล่ะ วิ่งหนีก็ตาย นั่งก็ตาย เพราะมันอยู่กับเรา…กลัวหรือไม่กลัวก็ตายเหมือนกัน หนีไม่ได้หรอก” พอคิดได้อย่างนั้น ความกลัวก็เริ่มมลายหายไป พระชาสามารถก้าวข้ามความกลัวตายได้ในคืนนั้นนั่นเอง

6. พระชาฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่กินรี แห่งวัดหนองฮี ตอนนั้นเองที่ท่านทำความเพียรอย่างหนัก ฝนตกแดดออกอย่างไรก็เดินจงกรมจนทางเดินเป็นร่องลึก ตรงข้ามกับหลวงปู่กินรีที่เดินเพียงสองสามเที่ยวก็หยุด แล้วไปเอาผ้ามาปะมาเย็บ หรือไม่ก็นั่งทำงานอย่างอื่น…พระชาจึงนึกปรามาสหลวงปู่ จนวันหนึ่งขณะที่พระชานั่งปะชุนจีวรอยู่อย่างขะมักเขม้นหลวงปู่กินรีก็เดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ เมื่อสอบถามและทราบว่าพระชาต้องการทำให้เสร็จไว ๆ จะได้นั่งภาวนาหรือเดินจงกรมให้เต็มที่ หลวงปู่กินรีก็ให้ข้อคิดว่า…“นั่งเย็บผ้านี่ก็ภาวนาได้ท่านดูจิตตัวเองสิว่าเป็นอย่างไร แล้วก็แก้ไขมัน ท่านจะรีบร้อนไปทำไมเล่า ทำอย่างนี้เสียหายหมด ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านยังไม่รู้เรื่องของตัวเองอีก ” คำพูดสั้น ๆ แต่มีความหมายและเจือความปรารถนาดีของหลวงปู่ ทำให้พระชาตาสว่างขึ้นมาทันที ท่านปรารภภายหลังว่า “เรานึกว่าทำถูกแล้ว อุตส่าห์รีบทำ อยากให้มันเสร็จเร็ว ๆ จะได้ภาวนา ที่ไหนได้ เราคิดผิดไปไกลทีเดียว ”

7.ระหว่างที่จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่กินรีนั่นเอง กามราคะก็ได้กลับมาเล่นงานท่านอีกครั้ง ครั้งนี้ร้ายกว่าที่เคย และเล่นงานท่านอยู่นานนับ 10 วัน

“ขณะที่มีความเพียรปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด กามราคะก็เข้ามารุมเร้าอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ หรืออยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม ปรากฏว่ามีอวัยวะเพศของผู้หญิงลอยเต็มไปหมด เกิดความรู้สึกรุนแรงจนแทบทำความเพียรไม่ได้ต้องอดทนต่อสู้กับความรู้สึกและนิมิตเหล่านั้นอย่างลำบากยากเย็น ความรู้สึกต่อกามราคะในครั้งนั้นย่ำยีจิตใจรุนแรงพอ ๆ กับความกลัวที่เกิดขึ้นในคราวที่ไปอยู่ป่าช้าครั้งแรก เดินจงกรมก็ไม่ได้ เพราะองค์กำเนิดถูกผ้าเข้าก็มีอาการไหวตัว ต้องให้เขาทำที่จงกรมในป่าทึบเพื่อเดินเฉพาะในเวลาค่ำมืดและเวลาเดินต้องถลกสบงพันเอวไว้ การต่อสู้กับกามราคะเป็นไปอย่างทรหดอดทน ขับเคี่ยวกันอยู่นานถึง 10 วัน ความรู้สึกนิมิตเหล่านั้นจึงสงบและขาดหายไป” เรื่องกามราคะนี้ หลวงพ่อเปิดเผยให้สานุศิษย์ทราบในภายหลัง ด้วยเห็นว่าเป็นคติธรรมที่ดี โดยเฉพาะแก่พระหนุ่มวัยฉกรรจ์ จะได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้กามราคะจะฮึกเหิมเท่าไรผู้มีศรัทธาก็เอาชนะได้ ตอนที่พระอาจารย์มหาอมร เขมจิตฺโตบันทึกชีวประวัติของหลวงพ่อตามคำบอกเล่าของท่าน พระอาจารย์มหาอมรรู้สึกไม่แน่ใจว่าสมควรจะนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนหรือไม่ แต่หลวงพ่อกำชับว่า “ต้องเอาลง ถ้าไม่เอาตอนนี้ลงในหนังสือด้วย ก็ไม่ต้องพิมพ์ประวัติเลย ”

จาก http://www.secret-thai.com/category/article/page/16/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
การปล่อยวาง หลวงพ่อชา สุภทฺโท « 1 2 3 »
ธรรมะจากพระอาจารย์
เงาฝัน 47 42449 กระทู้ล่าสุด 30 เมษายน 2555 16:49:46
โดย เงาฝัน
ประวัติและปฏิปทา ของ หลวงพ่อชา สุภทฺโท « 1 2 »
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
เงาฝัน 27 20165 กระทู้ล่าสุด 04 กุมภาพันธ์ 2554 21:06:53
โดย คนดีศรีอยุธยา2
สำคัญที่สติ : (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
ธรรมะจากพระอาจารย์
เงาฝัน 1 2620 กระทู้ล่าสุด 18 กรกฎาคม 2554 11:47:32
โดย หมีงงในพงหญ้า
วัดหนองป่าพง หลวงพ่อชา สุภทฺโท ๒๐ ปี แห่งการละสังขาร
ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
-NWO- 0 2454 กระทู้ล่าสุด 27 มกราคม 2555 15:42:01
โดย -NWO-
ความหลุดพ้น :หลวงพ่อชา สุภทฺโท
ธรรมะจากพระอาจารย์
เงาฝัน 1 2159 กระทู้ล่าสุด 03 สิงหาคม 2555 21:46:57
โดย เงาฝัน
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.324 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 29 กุมภาพันธ์ 2567 15:54:31