[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 23:08:21 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นางปัญจปาปา หญิงผู้ใส่บาตรพระด้วยดินเหนียว ทำบุญควรทำด้วยความมีสติ  (อ่าน 1771 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 สิงหาคม 2559 06:27:14 »

<a href="https://www.youtube.com/v/WWIgZKxWU5g" target="_blank">https://www.youtube.com/v/WWIgZKxWU5g</a>













นิทานเรื่องนี้มาในกุณาลชาดก พระธรรมกถึกทั้งหลายชอบนำมาเทศน์ ชื่อเรื่องว่านางปัญจปาปา ในอดีตกาลนานมาแล้ว ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลก เป็นช่วงว่างจากพระพุทธศาสนา แต่ยุคนั้นยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นก็คือพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งตรัสรู้ธรรมด้วยตนเองแต่มิได้ออกสั่งสอนประกาศพระศาสนา นับแต่วันที่ท่านบรรลุอรหันต์ด้วยตนเองแล้ว ท่านก็ปลีกวิเวกไปตามชอบใจของท่านจนกว่าท่านจะสิ้นอายุขัยก็จะเข้าสู่นิพพาน ท่านไม่มีภาระที่จะต้องประกาศศาสนาสั่งสอนใครเหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังมีนางกุมารีคนหนึ่งกำลังขยำดินเหนียวฉาบทาฝาเรือนอยู่ ขณะนั้นมีพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งกุฏิที่ท่านอาศัยมีรูโหว่ท่านจึงออกแสวงหาดินเหนียวไปอุดรูกุฏิของท่าน เมื่อท่านผ่านมาเห็นนางกุมารีนางนี้กำลังขยำดินเหนียวอยู่ ท่านจึงถือบาตรเดินตรงไปหานางกุมารีนั้นเพื่อขอบิณฑบาตดินเหนียวใส่บาตรมาสักก้อน นางกุมารีเห็นดังนั้นก็โกรธคิดว่า “สมณะพวกนี้ตอนเช้าเที่ยวเดินขอข้าวชาวบ้านชาวเมืองกินยังไม่พอ ตัวเรานี้สู้อุตส่าห์ไปขนดินเหนียวหอบหิ้วมานั่งขยำ กว่าจะได้ที่ก็ต้องขยำแทบมืองอเท้างอ สมณะนี้กลับมายืนเฝ้าจะขอดินที่เราขยำดีแล้วไปอีก ช่างไม่รู้จักไปหาเองเอาเสียเลย” คิดดังนี้แล้วก็ค้อนควัก เชิดจมูก ปากบ่นอุบอิบพึมพัม เพื่อจะให้พระปัจเจกพุทธเจ้าล่วงรู้อาการว่านางไม่เต็มใจจะให้ จะได้ไปไปเสีย ฝ่ายพระปัจเจกพุทธเจ้าก็มีความเมตตาอารี อยากจะโปรดนางกุมารีน้อยให้ได้ทำบุญ จึงแสร้งทำเป็นไม่ทราบอาการของนาง ยืนนิ่งเปิดบาตรรอรับการบริจาคของนางต่อไป นางกุมารีเห็นดังนั้นก็คิดว่า “ชะรอยสมณะองค์นี้ถ้าไม่ได้อะไรคงจะไม่ไปแน่” นางจึงโกรธกระฟัดกระเฟียดปั้นดินได้ก้อนหนึ่งก็โยนใส่บาตรโดยไม่เคารพ พระปัจเจกพุทธเจ้าเมื่อได้ดินแล้วท่านก็เดินจากไปเพื่อทำกิจของท่าน นางกุมารีนั้นเมื่อตายจากชาตินั้นได้มาเกิดในตระกูลคนจน มีอวัยวะที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ๕ แห่งคือ มือ เท้า ปาก นัยน์ตา จมูก จึงมีชื่อเรียกว่านางปัญจปาปา แปลว่าผู้มีบาป ๕ ประการ ถามว่าเหตุใดนางจึงมีอวัยวะบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ๕ แห่ง ตอบว่าเพราะนางมีความโกรธเมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ามาบิณฑบาตดินเหนียว นางคิดว่าเราสู้อุตส่าห์ไปขนดินเหนียวมาขยำแทบมืองอเท้างอ สมณะนี้กลับจะมาขอเอาไปเฉยๆ เพราะเหตุนี้จึงทำให้นางมีมือและเท้างอคดอัปลักษณ์ไม่น่าดู และก็เนื่องจากนางใช้ดวงตาค้อนควัก ใช้จมูกเชิดใส่ ใช้ปากบ่นอุบอิบพึมพำให้พระปัจเจกพุทธเจ้า นางจึงมีดวงตา จมูก และปากบิดเบี้ยวพิกลอัปลักษณ์ ฉะนั้นนางจึงมีชื่อว่า ปัญจปาปา แต่ว่าด้วยอานิสงส์การถวายดินเหนียวก้อนนั้นแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าก็มีผลอันยิ่งใหญ่ คือทำให้ร่างกายผิวพรรณของนางนั้นมีความนุ่มเนียนเรียบลื่นน่าสัมผัสเปรียบประดุจสัมผัสอันเป็นทิพย์ของนางฟ้านางสวรรค์ ใครถูกต้องนางจะติดใจไม่สามารถตัดใจจากนางได้ ด้วยผลบุญที่นางได้ถวายดินเหนียว ทำให้นางได้เป็นอัครมเหสีของพระราชาถึง ๒ พระองค์ คือพระเจ้าพกะ และพระเจ้าทีปาวาริกะ เรื่องราวมีอยู่ว่า การที่นางได้เป็นมเหสีของพระราชาองค์แรกเนื่องจากพระราชาได้ปลอมพระองค์ออกไปตรวจตราบ้านเมืองยามค่ำคืน บังเอิญนางปัญจปาปาวิ่งเล่นได้มาชนพระราชาโดยไม่ตั้งใจ พระราชาก็ติดใจในสัมผัสกายของนางจึงไปสู่ขอต่อพ่อแม่นางและปลอมตัวออกมาสมสู่กับนาง และต่อมายิ่งหลงใหลในสัมผัสของนางมากขึ้น มิอาจตัดใจจึงได้รับนางเข้าวัง แต่ต่อมามีผู้อิจฉาใส่ร้ายนางว่าที่นางอัปลักษณ์ดังนี้คงเป็นยักษ์เป็นมารปลอมตัวมา พระราชาเชื่อจึงจับนางใส่เรือลอยน้ำไป นางลอยไปกับเรือจนไปเจอพระราชาองค์ที่ ๒ กำลังประพาสท่องเที่ยว นางจึงร้องบอกว่านางคือมเหสีของพระเจ้าพกะ แล้วนางจึงออกอุบายให้พระราชาองค์ที่ ๒ คือพระเจ้าทีปาวาริกะฉุดนางขึ้นจากเรือ เมื่อมือสัมผัสมือพระเจ้าทีปาวาริกะก็เกิดหลงใหลในสัมผัสของนาง พานางไปแต่งตั้งอยู่ในอัครมเหสี ฝ่ายพระเจ้าพกะหวนคิดถึงนางปัญจปาปาจนไม่เป็นอันกินอันนอน ต่อมาได้ข่าวว่านางมาอยู่กับพระเจ้าทีปาวาริกะ จึงยกกองทัพมาหวังจะชิงนางคืน ภายหลังได้ตกลงกันว่าจะแบ่งเวลาที่จะอยู่ร่วมกับนางปัญจปาปา นั่นคือนางปัญจปาปาจะอยู่กับพระราชาองค์ที่ ๑ ช่วงหนึ่ง แล้วจึงย้ายไปอยู่กับพระราชาองค์ที่ ๒ อีกช่วงหนึ่งเวลาเท่าๆ กันเหตุการณ์จึงสงบลง นางปัญจปาปาจึงเป็นอัครมเหสีของพระราชา ๒ เมืองได้ด้วยประการฉะนี้

ฉะนั้นนิทานเรื่องนี้สอนว่า เวลาเราจะทำบุญทำกุศลอันใดให้ตั้งจิตให้ดี อย่าทะเลาะเบาะแว้งโกรธเคืองขุ่นเคืองกับใคร จงทำจิตให้ผ่องใส ปิติร่าเริง บุญกุศลจะได้บังเกิดอย่างบริสุทธิ์ไม่มีมลทินมาแปดเปื้อนอย่างเรื่องของนางปัญจปาปาที่สาธกมาเป็นอุทาหรณ์ดังนี้แล

จาก https://khongjeaim.wordpress.com/2014/09/04/ การให้ทานต่างกรรมต่างเ/

มีอีก เพียบบบบบบบบบ https://www.youtube.com/channel/UCXh4wUHByx7Q-fQTSE9uP5Q/videos

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 สิงหาคม 2559 06:30:55 โดย มดเอ๊ก » บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.256 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 18 เมษายน 2567 07:07:56