[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 10:32:14 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภูเขาควาย (Buffalo Mountain) แดนดินถิ่นลี้ลับแห่งเมืองลาว  (อ่าน 2697 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 สิงหาคม 2559 23:45:24 »



<a href="https://www.youtube.com/v/5aZsXuTaATA" target="_blank">https://www.youtube.com/v/5aZsXuTaATA</a>

"ภูเขาควายแดนดินถิ่นลี้ลับ"

ภูเขาควายเป็นสถานที่ที่เป็นป่าลึกร้อนชื้น บางช่วงเป็นป่าดิบบางช่วงเป็นป่าเบญจพรรณ มีอาณาเขตติดต่อกับฝั่งไทยลาวเป็นเทือกเขาแนวยาวไปตลอด
สามารถติดต่อไปทางจำปาศักดิ์ปากเซซึ่งเป็นเขตทางภาคใต้ของประเทศลาว อันมีสถานที่เลื่องชื่ออีกแห่งหนึ่งเรียกว่า "แก่งลีผี"
สถานที่ของภูเขาควายตลอดแนวไปจนถึงแก่งลีผีนี่เองที่เป็นตำนานเรื่องเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของป่าแถบนี้ นานมาแล้วสถานที่ดังกล่าวเป็นเขตรุกขมูล
ของพระธุดงค์จากทั้งไทยและลาวรวมไปถึงพม่าและเขมร พระอาจารย์หลายท่านต่างพากันมาสำเร็จอภิญญาสมาบัติ ณ สถานที่แห่งนี้
รวมไปถึงการมาของกลุ่มคนบางกลุ่ม ที่ต้องการวัตถุธาตุกายสิทธิ์เหนือโลกอย่างเหล็กไหลและหินกินเหล็ก บนภูเขาควายยังมีเทือกเขาสลับซับซ้อนกันอีกหลายภู ล้วนเป็นสถานที่ที่ไปมาลำบาก เสี่ยงอันตรายนานัปการ หากไม่มีความจำเป็นแล้วก็ไม่มีใครอยากเข้าไปเสี่ยงชีวิตนักหรอก แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า
ในวันวานที่ผ่านมาจะมีผู้คนยอมเข้าไปตายถวายชีวิต เพื่อการปฎิบัติเอามรรคผลรวมไปถึงการแสวงหาธาตุกายสิทธิ์
 
เป็นความจริงที่ว่าภายในภูเขาควายที่ซับซ้อน มีภูเล็กๆอีกเป็นจำนวนมากซ่อนอยู่ และเชื่อกันว่าตามภูตามเทือกเหล่านั้น
มีของกายสิทธิ์เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วน แต่การที่จะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะของดีย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เร้นลับมองไม่เห็นคอยดูแลรักษา
เฝ้าติดตามหวงแหนอยู่ ต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาจริงๆเท่านั้นถึงจะสามารถไปนำมาเป็นสมบัติของตนได้



 
"เหล็กไหลกายสิทธิ์ สุดยอดตำนานแห่งภูเขาควาย"

เมื่อเราเอ่ยถึง"ภูเขาควาย"สิ่งหนึ่งที่หลายคนคิดขึ้นมาย่อมไม่พ้นเรื่อง "เหล็กไหล"ธาตุกายสิทธิ์สุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง
เป็นที่เล่าสืบต่อกันมานานหลายชั่วอายุคนว่าที่ภูแห่งนี้มีเหล็กไหลซุกซ่อนอยู่ "หลวงปู่จันดี เกสาโร"ท่านเคยเล่าไว้ว่า สมัยที่ท่านเป็นเณร
เคยมีพระอาจารย์ของท่าน ๕ รูปขึ้นไปตัดเอาเหล็กไหลบนยอดภูเขาควาย โดยทราบตรงกันเป็นที่แน่ใจแล้วว่าเหล็กไหลนั้นอยู่ภายในผนังถ้ำ
ใกล้กับต้นตะเคียนยักษ์อายุนับร้อยนับพันปีเป็นจุดสังเกต!เมื่อพระอาจารย์ทั้ง ๕ ขึ้นไปถึงยังที่หมายแล้วได้ทำการลองเอาน้ำผึ้งเทลงใส่บนฝ่ามือ
ยื่นล่อเหล็กไหล ผลปรากฎว่า เหล็กไหลได้ย้อยตัวลงมาเป็นดุจเส้นใยบัวเพื่อมาเสพน้ำผึ้ง!พระอาจารย์ทั้ง ๕ เห็นเป็นอัศจรรย์ดังนั้นจึงเตรียมการ
ทำพิธีเรียกเหล็กไหล โดยสั่งให้สามเณรจันดีคอยเตรียมหุงหาอาหารไว้ให้ ส่วนพระอาจารย์ทั้ง ๕ ก็เริ่มทำพิธีกัน โดยคราวนี้ตกลงที่จะล่อเหล็กไหล
ออกมาหน้าปากถ้ำแล้วเดินวนรอบผูกไว้กับต้นตะเคียนยักษ์ที่ขึ้นเด่นอยู่หน้าปากถ้ำ จากนั้นจึงค่อยใช้มีดอาคมตัด



การดำเนินพิธีเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ คือเริ่มเอาน้ำผึ้งล่อเหล็กไหลดังกล่าว จากนั้นพอเหล็กไหลย้อยตัวลงมาตามแผนก็ล่อหลอกให้เหล็กไหล
ยืดยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่อยๆถือน้ำผึ้งเดินวนรอบต้นตะเคียนยักษ์ พระอาจารย์จันดีย้อนความหลังให้ฟังในคราวครั้งนั้นว่าท่านเองได้เห็นกับตา
ถึงสิ่งเร้นลับนามเหล็กไหลมีลักษณะเป็นเส้นๆคล้ายผมคนหรือเส้นใยบัว สีเขียวปีกแมลงทับยามต้องกับแสงแดดดูมันวาวเป็นประกายน่าจับตามอง
สวยงามมาก แต่ทว่า!สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจสามเณรจันดีในขณะนั้นก็คือ ท่านมีความรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะเหล็กไหลนั้น
มีอาถรรพณ์พลังบางอย่างซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ สามเณรจันดีมองอยู่ได้ไม่นานก็โดนพระอาจารย์ท่านอื่นไล่ลงไปเตรียมสำรับกับข้าวเอาไว้ เพราะตรงนี้
ไม่ใช่ที่ที่เด็กอย่างสามเณรจันดีจะเข้ามายุ่งย่าม จากนั้นท่านพระอาจารย์ทั้ง ๕ ก็เริ่มทำพิธีกันต่อไป
 
พิธียังคงดำเนินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วพอสามเณรจันดีเดินลับหลังหายไปได้สักพักหนึ่ง โศกนาฎกรรมก็บังเกิดขึ้นทันที!
เมื่อพระอาจารย์ท่านหนึ่งในกลุ่มนั้น ได้ทำการลงมีดอาคมเพื่อหวังตัดเอาเหล็กไหลที่ยืดย้อยตัวออกมาจนถึงที่สุดแล้ว...
ทันที่ที่มีดอาคมถูกต้องสัมผัสเข้ากับเหล็กไหล ก็บังเกิดเสียงดังครืนๆๆๆ คล้ายกับถ้ำบนภูที่สถิตย์อยู่ของเหล็กไหลจะถล่มทลายลงมา
พร้อมกับมีแสงประกายวาบดุจว่ามีการระเบิดเกิดขึ้น พระอาจารย์หลวงปู่จันดีเองในขณะนั้นกำลังเตรียมหุงหาอาหารหากจากตัวถ้ำ
ลงไปด้านล่างเมื่อได้ยินเสียงดังคล้ายกับถ้ำระเบิดจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปดูทันที ปรากฎว่าภาพที่สามเณรจันดีเห็นในขณะนั้นเป็นศพพระอาจารย์
ทั้ง ๕ นอนตายอยู่มีลักษณะแขนขาและหัวขาดกระจายไปคนละทิศละทางเป็นที่น่าสยดสยองสลดใจยิ่งนัก!ที่น่าแปลกประหลาดใจอีกอย่างก็คือ
ไม่มีเลือดสักหยดไหลให้เห็นบนพื้นดินเลย!...และนี่คือประสบการณ์ในการล่าแสวงหาเหล็กไหลบนภูเขาควาย
ที่มีทั้งพระและฆราวาสนับไม่ถ้วนต่างพากันไปสังเวยชีวิตมาแล้ว
 
เรื่องการตัดเหล็กไหลบนภูเขาควายในสมัยนั้นเป็นที่โดงดังเอามากๆ มีคนตายไปหลายศพสังเวยต่อความโลภและความอาถรรพณ์ของเหล็กไหลบนภู
จนข่าวเรื่องเหล็กไหลอาถรรพณ์ฆ่าคนมานักต่อนัก แพร่ไปถึงหูท่านพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ ในกาลนั้นเองเมื่อออกพรรษาแล้วพระอาจารย์ทั้งสอง
ได้ออกเดินทางจาริกไปยังภูเขาควายเพื่อกำราบเหล็กไหล ในครั้งนั้นได้มีหลวงปู่ฝั้นศิษย์เอกท่านพระอาจารย์มั่นติดตามไปด้วย
เมื่อพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ได้เดินทางไปถึงยังสถานที่ที่เล่าลือว่ามีเหล็กไหลสิงสถิตอยู่แล้ว ได้ทำการแสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนเหล็กไหล
ดุจว่าเป็นญาติโยมสาธุชนคนหนึ่ง ท่านได้เทศน์อะไรมิทราบได้ แต่คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการละเว้นปาณาติบาตเป็นแน่แท้
การที่ท่านพระอาจารย์มั่นและท่านพระอาจารย์เสาร์ขึ้นไปภูเขาควายนั้นเพื่อโปรดเหล็กไหล มิได้ไปตัดดังที่หลายคนเคยเข้าใจผิด ปรากฎอัศจรรย์เป็น
"อนุสาสนีปาฎิหาริย์"คือการแสดงพระธรรมเทศนาเป็นอัศจรรย์ จนเหล็กไหลเข้าใจถึงข้ออรรถข้อธรรมที่ท่านแสดงนั้น เกิดสำนึกผิดเห็นบาปบุญคุณโทษ
เหล็กไหลในถ้ำเดียวกันกับที่มีต้นตะเคียนยักษ์นั้นเอง ได้ทำการย้อยตัวลงมาจากผนังถ้ำแล้วตกลงในบาตรของท่านพระอาจารย์มั่นโดยดุสดี!
 
เหล็กไหลของมีค่าสุดยอดความปรารถนาชิ้นนั้นที่หลายคนต่างพากันไปสังเวยชีวิต ท่านเชื่อหรือไม่ว่าพระอาจารย์มั่นท่านกลับไม่มีความต้องการ
เมื่อท่านได้มาแล้วกลับนำไปโยนทิ้งลงแม่น้ำโขง ทั้งนี้เพื่อตัดปัญหาในอนาคตไม่ให้ผู้ใดขึ้นมาแก่งแย่งมาตัดเหล็กไหลในถ้ำนี้อีก เรียกว่าเป็นการตัดปัญหา
ความโลภของมนุษย์นั่นเอง มนต์ขลังของเหล็กไหลบนภูเขาควายยังคงเป็นสิ่งที่ล่อใจใครต่อใครอีกเป็นจำนวนมากแม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม!



"หินกินเหล็ก อีกหนึ่งตำนานแห่งภูเขาควาย"

หินกินเหล็กเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่มีอยู่บนยอดภูเขาควาย ครั้งแรกของการพบเจอหินชนิดนี้ท่านว่าเกิดจากการที่ชาวบ้านไปขุดต้นไม้บนภูเขาควาย
แล้วปรากฎเป็นเรื่องแปลกว่าจอบเสียมของชาวบ้านที่ขุดลงไปบนพื้นดิน เกิดการผุกร่อนแล้วหักลงอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ทั้งที่ยังเป็นของใหม่!
ใช้ไปได้ดีๆอยู่แท้ๆ จนกระทั้งชาวบ้านสืบค้นพบสาเหตุที่แท้จริงว่า ภายในแผ่นดินภูเขาควายนั้นมีแร่อัศจรรย์อยู่มันคือ "หินกินเหล็ก"นั่นเอง
 
อำนาจจากหินกินเหล็กสามารถทำลายเนื้อเหล็กกล้าดีๆให้ผุกร่อนลงไปภายในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่ามันมีอำนาจทางมหาอุดหยุดกระสุน
เฉกเช่นเดียวกับเหล็กไหล ดังนั้นผู้รู้จึงสันนิฐานและเชื่อกันว่าน่าจะเป็นเผ่าพันธ์เดียวกันกับเหล็กไหลเหมือนกัน แต่เป็นอีกชนิดหนึ่ง อย่างเหล็กไหลแท้ๆนั้น
เขาจะมีอำนาจด้านการกินและไฟและไฟฟ้าซึ่งของเหล่านี้นับว่าเป็นของแปลกอาถรรพณ์มีจิตวิญาญาณอยู่ในตัวแร่นั้น
 
"หินกินเหล็ก"เคยเป็นเรื่องราวทางหน้าหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่มาแล้วหลายครั้ง เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินชื่อแร่กายสิทธิ์ชนิดนี้ เพราะเท่าที่ผ่านมาในวงการ
ก็ได้เอาชื่อแร่หินชนิดนี้มาหลอกขายตั้งเป็นแก๊งหินกินเหล็ก มีพฤติกรรมคล้ายแก๊งเหล็กไหลที่ชอบหลอกต้มตุ๋นเอาเงินชาวบ้าน ที่ไม่รู้เท่าทันมานักต่อนักแล้ว
การโกงหินกินเหล็กชนิดนี้พวก ๑๘ มงกุฎที่รู้ๆเขาจะเอาน้ำยาชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพทำลาย"รถถัง"ซึ่งถูกสั่งนำเข้ามาจากรัสเซีย น้ำยาชนิดนี้
สามารถทำลายเหล็กได้โดยที่ไม่ต้องนำมาแช่ เพียงแค่อยู่ในระยะที่ตัวน้ำยาระเหยไปถึงเหล็กและวัตถุโลหะที่อยู่ในรัศมีใกล้ๆก็จะหมดสภาพผุกร่อนลงไป
ภายในระยะเวลาอันสั้น น้ำยาชนิดนี้ทราบว่าเป็นเคมีจำพวกกรดกัดกร่อนที่ทำให้เกิดสนิมเหล็กอย่างรวดเร็ว ปกติของจำพวกนี้จะใช้ในสนามรบเพื่อให้รถถัง
ของฝ่ายตรงข้ามหมดสภาพใช้งานไม่ได้ พวกหัวใสกลับหาวิธีนำเอาของพวกนี้มาบรรจุใส่ผสมลงในวัตถุเลียนแบบคล้ายเหล็กไหล หรือหินกินเหล็กเพื่อหวัง
ต้มตุ๋นหลอกลวง หาเงินกับผู้รู้เท่าไม่ถึงการมานักต่อนักแล้ว



"ถิ่นปรอทป่ากายสิทธิ์"

ดั่งที่กล่าวมาในข้างต้นว่าชัยภูมิของภูเขาควายนั้นล้วนเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ แดดส่องไม่ค่อยถึง แม้บางช่วงจะมีแดดส่องลงมาบ้างก็ไม่ทำให้รู้สึกร้อน
อากาศค่อนข้างเย็นและมีหมอกลงปกคลุมตลอดทั้งปี!สังเกตว่ามันจะมีหมอกหนักเรี่ยเท้าขึ้นอยู่เป็นระยะๆยิ่งเข้าใกล้แหล่งน้ำเท่าไหร่ยิ่งมีมาก
ทางเจ้าหน้าที่ที่พาขึ้นไปกล่าวว่าแอ่งน้ำบนภูเขาควายแห่งนี้แปลกกว่าแหล่งน้ำธรรมดาที่พบเห็นโดยทั่วไป คือจะมีหมอกหนักขึ้นปกคลุมในแอ่งตลอดทั้งปี
บางส่วนของแอ่งจะมีลักษณะเป็นดินเลนอันเกิดจากซากพืชซากสัตว์ทับถมกัน เมื่อให้ท่านผู้มีจิตสัมผัสตรวจสอบดูพบว่า เป็นสถานที่ที่มี"ปรอทกายสิทธิ์"
ซ่อนตัวอยู่ ชัยภูมิที่มีหมอกหนักเรี่ยติดดิน!ยิ่งมีแหล่งน้ำที่มีดินเลนแบบนี้อยู่ด้วยแล้วยิ่งเป็นไปได้สูงมาก ปรอทที่กล่าวถึงนี้มิใช่ปรอทในเทอร์โมมิเตอร์แต่อย่างใด
แต่หมายถึงปรอทธาตุกายสิทธิ์จัดว่าเป็นเหล็กไหลสายพันธุ์หนึ่ง ปรอทประเภทนี้มีความพิศดารมากเพราะมันสามารถซ่อนตัวอยู่ในหมอก
โดยหมอกที่มันอาศัยซ่อนตัวอยู่นั้นเรียกว่าปรอทหนัก ที่เราสังเกตเห็นว่าหมอกมันลอยตัวต่ำเรี่ยติดพื้นดินเป็นเพราะว่าปรอทต้องการเสพของหมักเปื่อยเน่า
อันมีเศษซากสัตว์และใบไม้หมักหมมทับทมกันนั้นเอง ยิ่งของสดของคาวก็ยิ่งชอบ!เพราะแร่ปรอทป่านั้นจัดว่าเป็นภูตชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ในตัวอีกด้วย
 
 
ผู้รู้ยังกล่าวอีกว่าในป่าเมืองไทยอย่างที่เขาใหญ่นั้นก็มีหมอกหนักเช่นนี้เหมือนกันมีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า "ปรอทหมอก"ผู้ใดเดินป่าต้องระวังให้มาก
เพราะใครก็ตามที่ดวงอ่อนหรือมีเคราะห์ เมื่อหลับนอนในป่าโดยมิทันระวังเพราะขาดความรู้หรือรู้แล้วไม่เชื่อ อาจหมดสิทธิ์กลับบ้าน
ต้องมาตายกลายเป็นผีเฝ้าป่าไป เพราะครั้งหนึ่งเคยมีผู้เดินป่าในเขาใหญ่เจอปรอทหมอกเช่นนี้แล้วไม่หาทางป้องกันตัว
คือเวลานอนไม่ยอมล้างเท้าให้สะอาด และไม่สวมถุงเท้าก่อนเข้านอนในป่า เจ้าปรอทหมอกซึ่งถือว่าเป็นภูตอย่างหนึ่ง ได้กลิ่นของเน่าๆแล้วค่อยๆลอยเข้ามาใกล้
"นิ้วหัวแม่โป้งเท้า"จากนั้นมันก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายดูดเลือดผู้นั้นจนหมดตัว!แบบเดียวกันกับผีโป่งที่ชอบย่องมาดูดเลือดที่ปลายเท้าของนักเดิน
ทางในยามหลับนอน จึงต้องระวังให้มากเพราะมิเช่นนั้นท่านอาจโดนผีปรอทและผีโป่ง สูบเลือดหมดตัวเอาได้ง่าย





"ภูเขาควาย สุดยอดสถานที่บำเพ็ญภาวนา"

จากการเดินทางจาริกไปของท่านพระอาจารย์มั่น ยิ่งเป็นที่รับรองว่า "ภูเขาควาย"เป็นสถานที่เหมาะสมในการบำเพ็ญเพียรอย่างที่สุด
เพราะท่านจะให้ศิษย์ชั้นหัวกะทิไปลองปฎิบัติภาวนาในภูเขาควายแทบทุกรูป เรียกได้ว่าศิษย์คนไหนเคยได้ไปภาวนาผ่านด่านภูเขาควายมาแล้ว
แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา ทั้งนี้กล่าวขานกันว่ามีสิ่งแปลกๆที่เข้ามาทดสอบจิต เช่นเสือ หมีควาย งูจงอาง รวมไปถึงภูตผีปีศาจและเทวดา ท่านใดที่มีจิตเข้มแข็ง
ฝึกมาดีแล้วจะถูกส่งขึ้นไปเพื่อทดสอบสภาวจิต และปรากฎพบว่าหลายท่านต่างก็ได้สภาวะธรรมกลับมาเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่เพียงภูเขาควายจะเป็นสถานที่วิเวกสงัดจากการรบกวนของมนุษย์แล้ว ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์เล่าว่าเป็นที่อาศัยอยู่ของ
พระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา พระฤาษี สิทธาดาบสจำนวนมาก เมื่อท่านเหล่านั้นได้มาบรรลุธรรม บารมีธรรมต่างๆจึงซึมซับลงในแผ่นดินหล่อเลี้ยงพลังอำนาจ
คุณวิเศษอันศักดิ์สิทธิ์ เอื้ออำนวยต่อการบำเพ็ญภาวนาแก่ทุกดวงจิตที่เข้าไปสัมผัส หากผู้ใดปฎิบัติจนสามารถเข้าสมาธิได้ก็จักเป็นการต่อยอดให้เจริญก้าวหน้า
ในการบำเพ็ญภาวนาในชั้นสูงยิ่งๆขึ้นไป บางท่านอาจเกิดหัวข้อธรรมได้พบเห็นสัจจธรรมความจริงตามที่วาสนาเคยสั่งสมอบรมณ์มา
 
เนื่องจากภูเขาควายมีกระแสพลังงานทางจิตที่แรงมาก ไม่ว่าใครก็ตามที่ตั้งใจเข้าไปบำเพ็ญสมณธรรมก็จักสามารถสงบจิตรวมลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้แสวงหา
วิโมขธรรมในครั้งอดีตจึงนิยมเข้ามาพักภาวนากันมากกว่าสถานที่อื่นๆ ภูเขาควายยังคงเป็นดินแดนแห่งมนต์ขลังมาจนถึงทุกวันนี้ คงเชื่อกันอยู่ว่าภายในภูเขาควาย แห่งนี้ยังมีพระอริยเจ้าที่ซ่อนตัวบำเพ็ญโปรดสัตว์โลกบรรเทาภัยพิบัติต่างๆ รวมไปถึงมหาฤษีผู้ทรงฌานสมาบัติมีอายุนับพันๆปี
แม้กระทั้งเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของตำนานเล่าขานในภูเขาควาย!นอกจากนั้นภูเขาควาย
ยังเป็นแหล่งที่รวมเอาทรัพยากรธรรมชาติต่างๆที่หาได้ยาก เช่นว่านยา เหล็กไหล ไพรดำ ปรอท ฯลฯ ครบหมดทุกอย่างยากจะหาสถานที่ใดมาเทียบได้
เเละชาวบ้านทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวยังเชื่อว่ามีพระบังบดที่บำเพ็ญภาวนาบนภูเขาควายแห่งนี้ด้วย
 

จาก http://board.postjung.com/723844.html

http://buffalomountain.blogspot.com/2007/03/blog-post.html





http://i1049.photobucket.com/albums/s387/moddang1/P1060603.jpg
ภูเขาควาย (Buffalo Mountain) แดนดินถิ่นลี้ลับแห่งเมืองลาว
http://i1049.photobucket.com/albums/s387/moddang1/P1060625.jpg
ภูเขาควาย (Buffalo Mountain) แดนดินถิ่นลี้ลับแห่งเมืองลาว

เณรน้อย ที่ ภูควาย

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 สิงหาคม 2559 23:48:48 โดย มดเอ๊ก » บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
g Mountain : Baby I Love Your Way
หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
มดเอ๊ก 0 1649 กระทู้ล่าสุด 30 มิถุนายน 2553 08:44:39
โดย มดเอ๊ก
หนังสงครามกลางหิมะ The Taking of Tiger Mountain ของ ฉีเคอะ
หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
มดเอ๊ก 0 3204 กระทู้ล่าสุด 22 พฤศจิกายน 2557 11:14:32
โดย มดเอ๊ก
ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) หรือ อวี้หลงเฉวียซาน (玉龙雪山)
สุขใจ ไปเที่ยว
ฉงน ฉงาย 0 938 กระทู้ล่าสุด 05 ธันวาคม 2563 10:49:57
โดย ฉงน ฉงาย
[ข่าวด่วน] - รมช.แรงงานเร่งเยียวยาผู้ประกันตนจากเหตุพลิงไหม้ผับ MOUNTAIN B
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 156 กระทู้ล่าสุด 05 สิงหาคม 2565 14:09:53
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - ไฟไหม้ Mountain B ทำความรู้จักปรากฏการณ์ Fire Gas Ignition
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 240 กระทู้ล่าสุด 06 สิงหาคม 2565 06:16:02
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.493 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กุมภาพันธ์ 2567 22:06:04