วิญญาณสัตว์จะกู่ร้องหาความยุติธรรมในนรก คำยืนยันจาก"หลวงปู่คำคนิง" เมื่อสัตว์เป็นโจทก์ฟ้องมนุษย์ต่อหน้าพระยายม!เรื่องราวต่อเนื่องหลังจากที่หลวงปู่คำคนิงได้มานรก เพราะต้องรับผลของเศษกรรมที่ได้ก่อนไว้ เมื่อใช้กรรมเรียบร้อยแล้วจึงขอพญายม เดินท่องเมืองนรก จนกระทั้งพบ... หลวงปู่ออกเดินชมต่อไป รู้สึกว่าเดินตัวเบาหวิว เท้าไม่แตะพื้น เคลื่อนไถลไปอย่างรวดเร็ว เบา นุ่มนวล สบายอย่างยิ่ง มาถึงที่แห่งหนึ่ง ได้ยินเสียงหมู่สัตว์อื้ออึง ระงมเซ็งแซ่ไปหมด เสียงเป็ด ไก่ สุนัข วัว ควาย หมู ม้า ช้าง พวกสัตว์เหล่านี้กำลังส่งเสียงร่ำร้องเป็นภาษามนุษย์กล่าวโทษโจทก์ฟ้องร้องจ่ายมบาลว่า
“พวกมนุษย์ที่ขาดศีลธรรมได้ทำร้ายและทรมานพวกมันอย่างไรบ้าง?”มีช้างสารเชือกหนึ่ง ยืนแกว่งหัวอันใหญ่โตไปมา มันร้องทุกข์เป็นภาษามนุษย์ว่า มนุษย์ใจดำ อำมหิตมาก เอาตะขอเหล็กสับหัวมันจนเลือดไหลได้รับความเจ็บปวด
นอกจากนั้น มนุษย์ยังเอาปลอกขาใส่มัน ทำให้เดินไม่สะดวก แล้วยังเอาบ้านเรือนขึ้นไปปลูกใส่หลังมัน (หมายถึงเอากูบใส่หลัง) มันเรียกร้องให้จ่ายมบาลเอาตัวมนุษย์คนนั้นมาลงโทษให้จงได้
หลวงปู่ได้ฟังแล้วก็สลดใจ ! เพิ่มพูนความเชื่อมั่นในกฎแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอย่างแน่นแฟ้นว่า มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายตายแล้วต้องเกิดอีก บาปมีจริง บุญมีจริง นรกมีจริง จิตวิญญาณเป็นธาตุเดิมแท้ ส่วนร่างมนุษย์ร่างสัตว์ต่างๆนั้น เป็นเพียงพาหนะ หรือหุ่นสรีระยนต์สำหรับให้จิตวิญญาณเข้าสิงสู่ในแต่ละภพชาติเท่านั้น เช่น ชาติก่อนเกิดเป็นช้าง ชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์ ชาติหน้าเกิดเป็นเทวดา หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามอำนาจบุญกรรมนำแต่ง
เมื่อเรามารู้ความจริงเสียแล้วเช่นนี้ ก็ควรจะนำความรู้นี้กลับไปเที่ยวบอกกล่าว สั่งสอนมนุษย์ทั้งหลายให้รู้ความจริง จะได้เลิกเบียดเบียน กดขี่ข่มเหง ทำทารุณสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เช่น วัว ควาย หมู หมา เป็ด ไก่ ช้าง ม้า เป็นต้น เพราะทุกชีวิตต่างก็มีจิตวิญญาณ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
http://thammadeedee.blogspot.com/2011/01/blog-post_928.htmlจาก
http://panyayan.tnews.co.th/contents/202733/