[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 07:04:26 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามรอยพระบาทยาตรา “องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า” ที่ วัดพระพุทธบาท สระบุรี  (อ่าน 1415 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5064


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 30 กันยายน 2559 07:42:56 »



ตามรอยพระบาทยาตรา “องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า” ที่ วัดพระพุทธบาท สระบุรี

ย้อนหลังกลับไปเกือบ 2,000 ปี ก่อนที่จะมีการคิดสร้างพระพุทธรูปขึ้นนั้น ชาวพุทธในอินเดียโบราณนิยมใช้ดอกบัว บัลลังก์ ต้นโพธิ์ ฯลฯ แม้กระทั่ง “รูปฝ่าเท้าคู่” (รอยพระพุทธบาท) เป็นสัญลักษณ์แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน

ทว่าหลังจากช่างสกุลคันธารราฐสร้างพระพุทธรูปขึ้นเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ บรรดาสัญลักษณ์ที่เคยใช้แทนองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าต่างก็ค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงตามลำดับ คงเหลือเพียง “รอยพระพุทธบาท” ที่ยังคงมีการสร้างสืบต่อกันมา และมีพัฒนาการรูปแบบแตกต่างออกไปตามกลุ่มวัฒนธรรม

ในดินแดนไทยมีการค้นพบรอยพระพุทธบาทตั้งแต่สมัยทวารวดี สุโขทัย อยุธยา เรื่อยมาจนปัจจุบัน แต่ที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ รอยพระพุทธบาท ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จังหวัดสระบุรี

การค้นพบรอยพระพุทธบาท



ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีการส่งคณะสงฆ์จากกรุงศรีอยุธยาไปยังลังกาทวีปเพื่อนมัสการพระพุทธบาท ณ เขาสุมนกูฏ ทว่าครั้นเมื่อเดินทางไปถึง พระสงฆ์ชาวลังกากลับทักท้วงว่า

“เหตุใดจึงต้องเดินทางมาถึงที่นี่ ทั้งที่ดินแดนไทยเองก็เป็นหนึ่งในห้าแห่งที่พบรอยพระพุทธบาท นั่นคือเขาสุวรรณบรรพต ขอให้ลองกลับไปตรวจตราดู”

เมื่อความทราบถึงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างสูง พระองค์จึงโปรดฯให้ทุกหัวเมืองออกตรวจตราหาเขาสุวรรณบรรพตและรอยพระพุทธบาททันที ไม่นานนักเจ้าเมืองสระบุรีจึงมีหนังสือแจ้งเข้ามาว่า “มีผู้พบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาสุวรรณบรรพต หัวเมืองสระบุรี”

เมื่อสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเสด็จไปยังยอดเขานั้น ทรงพบ “รอยเท้าขนาดใหญ่” อยู่จริง เมื่อเห็นว่ารอยเท้านั้นประกอบด้วยลวดลายมงคลตรงกับที่พระสงฆ์ทางลังกาแจ้งไว้ทุกประการ พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริว่า

“ชะรอยจะเป็นรอยพระพุทธบาทที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับไว้แต่ครั้งพุทธกาลเมื่อคราวเสด็จมาเผยแพร่คำสอน จึงควรยกย่องสถาปนาให้เป็น พระมหาเจดียสถาน สำหรับสักการะบูชาต่อไป”

จากนั้นสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯให้สถาปนาอาณาบริเวณโดยรอบเขาสุวรรณบรรพตเป็นเมืองชั้นจัตวา ชื่อว่า “เมืองปรันตปะ” หรือ “เมืองพระพุทธบาท” พร้อมกับมีการออกข้อกำหนดการประพฤติปฏิบัติตนสำหรับประชาชนในเขตพระพุทธบาทโดยเฉพาะ มีบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนอย่างชัดเจน รวมทั้งมีการแต่งตั้งชายฉกรรจ์ทุกคนในเมืองให้เป็น “ขุนโขลน” มีหน้าที่บูชารักษาพระพุทธบาทตั้งแต่เชิงเขาจนถึงพระมณฑป

ด้วยกฎเกณฑ์เหล่านี้ทำให้พระพุทธบาทสระบุรี กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย

จากนั้นมาพงศาวดารได้ระบุว่า พระมหากษัตริย์ไทยเกือบทุกพระองค์ทรงให้ความเคารพบูชาพระพุทธบาทและเสด็จฯไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบ่อยครั้งจนบางรัชสมัยถึงกับจัดอยู่ในราชประเพณีก็มี รอยพระพุทธบาท 5 แห่งตาม คติในลังกาทวีป (ศรีลังกา)

คติในลังกาทวีปเชื่อว่า องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ให้สาธุชนสักการะบูชา 5 แห่ง ได้แก่ เขาสุวรรณมาลิก เขาสุวรรณบรรพต เขาสุมนกูฏ เมืองโยนกบุรี และ หาดในลำน้ำนัมมทานที

ส่วนรอยพระพุทธบาทที่วัดพระพุทธบาท ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเขาสุวรรณบรรพตนั้น ข้อมูลจากกรมศิลปากรระบุว่า

รอยพระพุทธบาทมีความกว้าง 21นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว มีลายธรรมจักรอยู่กึ่งกลางพระบาทและลายมงคล108 ประการ แต่ปัจจุบันเห็นลวดลายทั้งหมดได้ไม่ชัดเจน

นมัสการรอยพระพุทธบาท



มณฑปพระพุทธบาทในวันนี้ยังคงตั้งตระหง่านบนเนินเขาขนาดย่อม มีบันไดขึ้น – ลงทางทิศเหนือและทิศตะวันตก บันไดทิศตะวันตกเป็นบันไดนาค แบ่งเป็น 3 ช่อง* ทอดตัวยาวกว่า 50 ขั้น

มณฑปพระพุทธบาทสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีเครื่องหลังคาสง่างามแบบปราสาทยอดเดี่ยว มีประตูทางเข้าด้านตะวันออก 2 ทางและตะวันตก 2 ทาง การตกแต่งภายในมณฑปยังคงสง่างามสมดังที่ สุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บรรยายไว้ใน “นิราศพระบาท” (แต่งขึ้นราว พ.ศ. 2350) ว่า

“มณฑปน้อยสวมรอยพระบาทนั้น                     ล้วนสุวรรณแจ่มแจ้งแสงอร่าม
เพดานดาดลาดล้วนกระจกงาม                         พระเพลิงพลามพร่างพรางสว่างพราย
ตาข่ายแก้วปักกรองเป็นกรวยห้อย                      ระย้าย้อยแวววามอร่ามฉาย
หอมควันธูปเทียนตระหลบอยู่อบอาย                ฟุ้งกระจายรื่นรื่นทั้งห้องทอง”


ปัจจุบันทางวัดไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนบูชาในบริเวณมณฑป เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับบุษบกครอบพระพุทธบาท รอยพระพุทธบาท รวมทั้งเสื่อที่สานด้วยเส้นเงินซึ่งปูพื้นภายในมณฑปโดยตลอด

พุทธศาสนิกชนสามารถสักการะด้วยการกราบไหว้ ปิดทองคำเปลวที่องค์พระพุทธบาทได้อย่างใกล้ชิด โดยพึงละเว้นการยืน การแสดงกิริยาไม่แสดงความเคารพบริเวณรอบพระพุทธบาท

นมัสการพระเขี้ยวแก้ว



“วิหารคลังบน” เป็นอาคารแห่งเดียวในวัดพระพุทธบาทที่มีจิตรกรรมฝาผนังและคำจารึกวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์อย่างละเอียด เช่น การธุดงค์ การปลงอสุภะ และไม่แน่ว่าภาพเหล่านี้อาจเป็นประวัติส่วนหนึ่งของสมเด็จพระพุฒาจารย์ พุทธสรมหาเถระ วัดอนงคาราม องค์ประธานบูรณะวัดพระพุทธบาทเมื่อ พ.ศ. 2497 ก็เป็นได้

นอกจากนี้วิหารคลังบนยังมีสถูปจำลองประดิษฐาน “พระเขี้ยวแก้ว” หรือพระทนต์องค์สัมมา-สัมพุทธเจ้าอีกด้วย ทั้งนี้ในวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี จะมีประเพณีแห่พระเขี้ยวแก้วออกจากวิหารคลังบนไปรอบๆ เขตเทศบาลพระพุทธบาท เพราะเชื่อว่าหากมีการแห่พระเขี้ยวแก้วขึ้นแล้ว พระเขี้ยวแก้วจะดลบันดาลให้ประชาชนชาวเมืองพระพุทธบาทมีความร่มเย็นเป็นสุขในชีวิต

วัดพระพุทธบาทยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “มกุฏพันธนเจดีย์”พระเจดีย์ทรงระฆังที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ “วิหารป่าเลไลยก์” ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาทขนาดใหญ่และพระพุทธรูปนอน รวมทั้ง “พระพุทธฉายปางป่าเลไลยก์” บนยอดเขาที่สูงที่สุดของเขตวัดพระพุทธบาท

แม้ว่าวัดพระพุทธบาท สระบุรี ในปัจจุบันอาจไม่ใช่ปลายทางแห่งการแสวงบุญเช่นเก่าก่อน แต่ตราบใดที่ความเชื่อเรื่องเส้นทางยาตราแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่จางหาย พลังแห่งศรัทธาย่อมนำพาชาวพุทธ…กลับมานมัสการรอยพระบาทยาตราอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน

*เหตุที่บันไดนาคแบ่งออกเป็น 3 ช่องนั้น เป็นเพราะรัชกาลที่ 5 โปรดฯให้ต่อเติมขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับพุทธประวัติตอนพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ครั้งนั้นพระอินทร์ได้เนรมิตบันไดทิพย์ 3 ชนิดได้แก่ บันไดเงิน ทอง และแก้ว ขึ้นเพื่อส่งเสด็จ โดยพระพุทธองค์เสด็จลงทางบันไดแก้วที่อยู่กึ่งกลาง
 

เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ / ภาพ วรวุฒิ วิชาธร

จาก http://www.secret-thai.com/article/dharma/15293/10102559/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
น้ำตกเจ็ดสาวน้อย : น้ำตกไม่ไกลกรุงเทพฯ ไปมวกเหล็ก สระบุรี
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 4619 กระทู้ล่าสุด 17 ตุลาคม 2556 13:34:51
โดย Kimleng
ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา ปี ๒๕๕๗ ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 7832 กระทู้ล่าสุด 25 กรกฎาคม 2557 14:27:49
โดย Kimleng
หลวงพ่อผินะ ปิยธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดสนมลาว หมู่ที่ 2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 1102 กระทู้ล่าสุด 26 พฤษภาคม 2560 19:02:43
โดย ใบบุญ
หลวงพ่อยอด อินทโชติ วัดหนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 1906 กระทู้ล่าสุด 20 มกราคม 2561 10:38:14
โดย ใบบุญ
หลวงพ่อจักษ์ จัตตมโล วัดชุ้ง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 821 กระทู้ล่าสุด 05 ตุลาคม 2561 12:55:42
โดย ใบบุญ
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.355 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 08 กรกฎาคม 2566 08:49:03