[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 19:14:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มัคคุเทศก์น้อยพาทัวร์ “ป้อมมหากาฬ” ปราการสุดท้ายแห่งพระนคร  (อ่าน 1211 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5063


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 07 ตุลาคม 2559 11:18:42 »



มัคคุเทศก์น้อยพาทัวร์ “ป้อมมหากาฬ” ปราการสุดท้ายแห่งพระนคร

      ภายใต้เบื้องหลังป้อมปราการสีขาวอันเก่าแก่ย่านพระนคร สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิมตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่ยังเหลือให้คนรุ่นหลังได้เห็นอยู่ สถาปัตยกรรมโบราณกว่า200 ปี ภูมิปัญญาชาวบ้านด้านศิลปวัฒนธรรม ต้นไม้อันศักดิ์สิทธิ์อายุนับร้อยที่กำลังต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่มาพร้อมกับการพัฒนาเมือง
       
        ทว่าการรวมใจรักษาบ้านเกิดผ่านรูปแบบ “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” จะต่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่กำลังรวยรินของพวกเขาได้หรือไม่นั้นคงเป็นคำถามที่ไม่อาจรู้ได้ . .

       
        หากใครเคยได้เดินทางผ่านหรือแวะเวียนไปยังบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ คงจะชินตากับภาพป้อมปราการสีขาวทรงสง่า หรือที่เรียกกันว่า “ป้อมมหากาฬ” ตั้งอยู่ตรงเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ สิ้นสุดบริเวณฝั่งตรงข้ามวัดราชนัดดา ถือได้ว่าเป็นป้อมปราการอันเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 รวมระยะเวลามาแล้วกว่า 200 ปี
       
        “ป้อมมหากาฬ” เป็น 1 ใน 14 ป้อมที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันรักษาพระนคร ปัจจุบันเหลือเพียง 2 ป้อมที่ยังคงเหลืออยู่ในกรุงเทพฯ (อีกป้อมหนึ่งคือป้อมพระสุเมร) ซึ่งทางกรมศิลปากรได้บูรณะซ่อมแซมและประกาศขึ้นทะเบียนป้อมมหากาฬไว้เป็นโบราณสถานแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว



       ด้วยระยะเวลามากกว่าร้อยปีที่เมืองเก่าแห่งนี้ยังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยวิถีชีวิตชุมชน รวมถึงยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วิถีการดำรงค์ชีวิตของชาวบ้านในชุมชนที่มีความผูกพันกับสถานที่ที่ถูกเรียกว่า “บ้าน” ในวันนี้กลับหายใจอ่อนลงทุกที และยังมองไม่เห็นอนาคตที่กำลังจะเกิดต่อจากนี้
       
        จากสาเหตุที่ทางกรุงเทพมหานครได้ออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ทำให้ชุมชนในป้อมมหากาฬต้องถูกไล่รื้อเพื่อนำพื้นที่ไปสร้างสวนสาธารณะ ตามแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ ภาครัฐได้เสนอเงินค่าทดแทนและช่วยจัดสรรที่อยู่ใหม่ให้ชาวบ้าน
       
        โดยบางส่วนรับข้อเสนอพร้อมย้ายออก แต่มีชาวบ้านบางส่วนที่ยืนหยัดตั้งมั่นว่าจะไม่ไปไหน เพราะที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของเขา และได้มีการรวมพลังกันของเหล่าชาวบ้านพร้อมภาคประชาชนกลุ่มอื่นๆ ช่วยกันพัฒนาชุมชนหลังป้อมมหากาฬให้กลายเป็น “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” หรือที่เรียกว่า “Living Heritage Museum”
       
        แม้ลมหายใจจะรวยรินและยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ในฝันร้ายที่ต้องเผชิญ ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเสมอ เห็นได้จากการรวมตัวช่วยเหลือของทั้งภาคประชาชน นักอนุรักษ์ นักวิชาการจากหลายส่วนที่เข้ามาช่วยพัฒนาให้ชุมชนแห่งนี้เป็นต้นแบบการท่องเที่ยวชุมชน และแสดงให้เห็นว่าคนชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับโบราณสถานและร่วมกันพัฒนาได้ ผ่านรูปแบบ “Mahakan Model”






       แน่นอนว่าเบื้องหลังปราการสีขาวยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตของผู้คนดั้งเดิม ทั้งบ้านเกิดของลิเกทรงเครื่องพระยาเพชรปาณี บ้านผลิตเครื่องดนตรีไทย ภูมิปัญญาด้านศิลปวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ไม่ว่าจะเป็นการปั้นเศียรพ่อแก่ การทำกรงนกเขาชวาที่ยังมีชีวิตอยู่ให้เห็นในปัจจุบันนี้
       
        FEEL GOOD ได้ลงพื้นที่สำรวจชุมชนป้อมมหากาฬ แม้บรรยากาศจะดูซบเซาไปบ้าง แต่ความสดใสก็ยังมีให้เห็นอยู่ ผ่านมัคคุเทศก์ตัวน้อยที่ยืนประจำที่รอให้ความรู้แก่ผู้เยี่ยมชมในทุกซอกทุกซอย ไกด์นำเที่ยวของเราวันนี้คือ “น้องโอม-ชวินธร ธูปทอง” นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนวัดราชบพิธ หลังจากพาเราเดินชมบ้านโบราณและกิจกรรมภูมิปัญญาต่างๆ เราจึงอดถามไถ่เรื่องราวการเป็นมัคคุเทศก์น้อยไม่ได้ บทสนทนาระหว่างเราจึงเริ่มต้นขึ้น
       
        “ผมเริ่มเป็นมัคคุเทศก์น้อยมาเมื่อ 1ปีก่อนครับ คุณตาผมเขาเป็นประธานเริ่มโครงการมัคคุเทศก์น้อย เขาอบรมให้เด็กๆ รู้ประวัติความเป็นมาของบ้านเราครับ จะมีบ้านตำรวจวัง บ้านประปา บ้านหลอมทอง บ้านทำเครื่องดนตรีไทย และบ้านปั้นเศียรพ่อแก่ครับ”
       
        โอมเริ่มเล่าให้ฟังถึงการมาเป็นมัคคุเทศก์น้อยที่ชุมชนหลังป้อมมหากาฬ โดยเริ่มมาจากคุณตาซึ่งเป็นผู้นำโครงการมัคคุเทศก์น้อยให้เกิดขึ้นในชุมชนแห่งนี้ ก่อนจะบอกถึงจุดที่เขาได้ยืนประจำนั่นคือบริเวณต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่ชุมชนมายาวนาน และภารกิจสำคัญที่โอมต้องทำในฐานะมัคคุเทศก์ตัวจิ๋ว






      “ปกติผมจะประจำอยู่ที่ต้นโพธิ ไทร ไกร กร่าง ครับ เป็นต้นไม้ที่อนุรักษ์ไว้ มีความเชื่อว่ามีเทพสิงสถิตย์อยู่ในต้นไม้ครับ ส่วนมัคคุเทศก์น้อยที่ผมทำคือไม่ได้ทำ 2-3คนนะครับ ผมทำเกิน 50 คนขึ้นไป แต่ตอนนี้ร่อยหรอเหลือ 10 คน
       
        เวลาคนมาที่นี่ขอให้ผมเป็นไกด์นำทัวร์ ผมก็ทัวร์ให้ได้ครับ แต่ถ้าฝรั่งมายังยากไป ได้แค่คำทักทายครับ ผมเดินนำทัวร์ตั้งแต่ 8 โมง ถึง 6 โมงเย็น ผมจะเป็นไกด์วันเสาร์-อาทิตย์ และวันธรรมดาถ้าเขามีจัดงานผมก็มาเป็นมัคคุเทศก์น้อยให้ด้วยครับ”
       
        แม้โอมจะอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้เป็นเวลาเพียงแค่ 10 ปี ทว่าความรักและความผูกพันที่โยงใยกับสถานที่ที่เรียกว่าบ้าน แทบจะไม่ได้มีขนาดเล็กไปกว่าผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่อาศัยในชุมชนแห่งนี้ เด็กชายบอกกับเราด้วยคำพูดและท่าทีที่ใสซื่อ
       
        “ผมอยากให้อยู่ครับ เพราะนี่คือบ้านเกิดของผมครับ ผมรักที่นี่ไม่อยากให้มันหายไป ถ้าหายไปมันก็ไร้ค่า ไม่เหลือแม้แต่บ้านหนึ่งหลัง แม้แต่เศษไม้หนึ่งก้อนก็จะไม่เหลือครับ แล้วพวกเราก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลย”-โอม มัคคุเทศก์ตัวน้อยบอกกับเราผ่านแววตาที่โศกเศร้า
       
        อย่างไรก็ตาม การร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อที่จะสร้าง Mahakan Model ทำให้เราเห็นถึงความตั้งใจที่จะพัฒนาและอนุรักษ์รักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิต ความดั้งเดิม บนสถานที่ที่ถูกรายล้อมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของชุมชนเก่าย่านชานนคร
       
        แม้ลมหายใจเบื้องหลังป้อมปราการแห่งนี้อาจได้ยินเสียงเบาบางลงทุกที แต่กำลังใจอันยิ่งใหญ่ที่คนในชุมชนหยิบยื่นให้กันนั้น แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขารักสถานที่ที่เรียกว่า “บ้าน” มากถึงเพียงใด
       
  ชมภาพ




































จาก http://astv.mobi/AJsrdg5

เพิ่มเติม รื้อชุมชนป้อมมหากาฬ เท่ากับ ลบ ประวัติศาสตร์ของ กรุงเทพฯ http://www.tairomdham.net/index.php/topic,11742.0.html

http://www.sookjai.com/index.php?topic=178664.0

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.392 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 26 กุมภาพันธ์ 2567 22:24:19