[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 19:38:57 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ในหลวง ร.๙ ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ทรงประทับอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดุสิต (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)  (อ่าน 2700 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5064


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2559 20:01:45 »



ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ทรงประทับอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดุสิต อันเป็นที่ประทับเดียว กับ พระศรีอาริยเมตไตรย!!



หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอริยสงฆ์ที่ทุกท่านนับถือ เคยกล่าวว่าถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ว่า  “พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้ เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ (ในหลวงรัชกาลที่ ๙) ปรารถนามานาน แต่เวลานี้บารมีเป็น “ปรมัตถบารมี” เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น “วิริยาธิกะ” ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว “แสนกัป” อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ" ซึ่งในหลังจากที่พระองค์(ในหลวง รัชกาลที่๙) เสด็จสวรรคต คงจะเสด็จไปประทับในที่เดียวกับพระศรีอาริยเมตไตรย ดังเช่นที่เคยเทศสอนไว้ในหนังสือชุด “ตายแล้วไปไหน จากคำสอนของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)” คุณคณิตพร บุณยเกียรติ (เปี๊ยก) และคณะได้รวบรวมและจัดทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2544  ดังนี้



“..พระศรีอาริยเมตไตรย ในสมัยพระพุทธเจ้าท่านบวชเป็นพระมีนามว่า อชิตะภิกขุ เดิมทีท่านเป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ท่านไปบวชเพื่อสร้างเสริมบารมี ต่อมาเมื่อ พระนางกีสา โคตมีได้ทอจีวรด้วยมือของตนเองปรารถนาจะถวายพระพุทธเจ้า เมื่อเวลาพระนางไปถวาย พระพุทธเจ้าเรียกพระมาหมด นั่งเรียงแถวกันตามลำดับอาวุโสและคุณสมบัติ เมื่อพระนางกีสาโคตมีถวายผ้าแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ส่งให้พระสารีบุตร ท่านพระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคัลลาน์ ท่านพระโมคคัลลาน์ก็ส่งต่อๆ กันไปหมดจนถึงองค์สุดท้ายคือท่านอชิตะภิกขุ ท่านไม่รู้จะส่งให้ใครเพราะนั่งอยู่ท้ายสุด เป็นอันว่าท่านก็รับไว้ พระนางกีสา โคตมีก็เสียใจว่าอุตสาห์ทำเองเลือกด้ายชั้นดีมาทอกับมือเองเพื่อถวายพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ไม่รับกลับไปให้กับพระที่ไม่ได้แม้แต่ฌานสมาบัติมากมายอะไรนัก คือว่ายังเป็นพระปุถุชนคนธรรมดา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบอัธยาศัยจึงเทศนาโปรดว่า พระองค์สุดท้ายไม่ใช่พระธรรมดา ท่านอชิตะภิกขุผู้นี้ต่อไปข้างหน้าจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มีพระนามว่า “สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย” หลวงพ่อเทศไว้



ปัจจุบันนี้ท่านมาเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต วิมานท่านสวยสดงดงามมาก ท่านมีรัศมีกายสว่างมาก หน้าตาผ่องใสยิ้มระรื่นน่าชื่นใจ  ท่านได้บอกกับอาตมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ ว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อีก ๑ ล้านกับ ๒ ปี ท่านจะลงมาเกิดในเมืองมนุษย์แล้วเป็นปุโรหิต หลังจากนั้นเกิดความเบื่อหน่ายก็ออกแสวงหาพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อยังย้ำไว้ว่า ผู้ที่มีสิทธิไปเกิดอยู่ชั้นดุสิตได้ ๓ พวกคือ

๑) พุทธบิดาพุทธมารดาของพระพุทธเจ้า

๒) พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเข้มแข็งแล้ว

๓) พระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจึงจะอยู่ชั้นนี้ได้




จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/209739/





ประสบการณ์จริงจากการเวียนว่ายตายเกิดของ "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ"!! "พระโพธิสัตว์บนสวรรค์ชั้นดุสิต" ยังคงทำหน้าที่เพื่อสรรพสัตว์อย่างแข็งขันไม่ว่างเว้น...เฉกเช่นเดียวกับเมื่อครั้งบำเพ็ญบารมีในโลกมนุษย์!!

จากการที่มีครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์หลายท่านได้กล่าวถึง "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ว่าทรงเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ และตามคติของพระพุทธศาสนาที่เชื่อกันว่า เมื่อผู้บำเพ็ญบารมีธรรมของพระโพธิสัตว์ละจากโลกมนุษย์แล้วจะไปเกิดเป็นมหาเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิตอันเป็นสถานที่พำนักของเหล่าพระโพธิสัตว์เพื่อสั่งสมบารมีธรรมสำหรับการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อไปนั้น  เรื่องนี้อาจจะทำให้ใครหลายคนสงสัยว่า ระหว่างที่พำนักอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญอะไรหรือมีกิจหน้าที่ใดที่จะต้องปฏิบัติบ้าง และกิจนั้นมีลักษณะเหมือนเมื่อครั้งที่บำเพ็ญอยู่ในโลกมนุษย์หรือไม่?



"หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" วัดท่าซุง ได้เคยตอบคำถามในเรื่องนี้ไว้เมื่อมีคนไปถามท่าน ดังหลักฐานที่บันทึกไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งว่า ...



ผู้ถาม : พระโพธิสัตว์ที่อยู่ชั้นดุสิตเมื่อยังไม่ตรัสรู้... อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า ท่านมีหน้าที่การงานอย่างไรบ้างหรือเปล่าครับ?

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : ฉันยังไม่เคยอยู่ชั้นนี้เลย ... ความจริงพระโพธิสัตว์นี่หาเวลาว่างยาก  บนสวรรค์ ๖ ชั้น พระโพธิสัตว์ก็เหมือนกับพระ...ก็มีหน้าที่สงเคราะห์พวกพรหมและเทวดาด้วยการเทศน์  อย่างพระอินทร์ เวลาถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ หรือวันโกนสิ้นเดือน เทวดาต้องไปประชุมกันที่เทวสภา แล้วตามปกติพระอินทร์ท่านจะไปเชิญพระโพธิสัตว์มาเทศน์  บางคราวก็หาพระโพธิสัตว์ว่างไม่ได้ พระอินทร์ต้องเทศน์เอง  พระโพธิสัตว์ท่านไม่มีเวลาว่าง  ถ้าไม่ได้ไปไหนก็ไม่ว่าง

 

ผู้ถาม : ทำอะไรครับ...หลวงพ่อ?

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : ต้องนั่งสิ!

 

ผู้ถาม : แล้วไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือครับ?

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : เอ... นอนหรือเปล่า... ไม่เคยเห็นนอนสักที

 

ผู้ถาม :  ลืมตาแจ๋ว...เป็นเหน็บชาแย่

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : เทวดาไม่มีประสาทปวดนะ  แล้วก็ประการที่สอง สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี นิพพานก็ดี ไม่มีกลางคืน ไม่มีกลางวัน และไม่มีพระอาทิตย์ ในแดนนรกก็ไม่มีกลางวันและกลางคืน ไม่มีพระอาทิตย์เหมือนกัน  ฉะนั้นก็ไม่มีคำว่าหยุด ไม่มีคำว่าพัก เพราะไม่มีคำว่าเหนื่อย  สภาวะของท่านไม่เหนื่อยเลย  หนักก็ดี กลุ้มก็ดี ไม่มีสำหรับเทวดา

 

ผู้ถาม : อย่างนั้นเขาก็มีความสบายอย่างเดียวสิครับ?

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : นั่นเขารับส่วนสบายฝ่ายเดียว  คำว่าเหนื่อยหรือเพลียไม่มีสำหรับที่นั้น เพราะท่านมีสภาวะเป็นทิพย์ ไม่มีสภาพหนัก  มนุษย์นี่มีธาตุดินจึงทำให้หนัก  ของท่านไม่มีทั้งสี่ธาตุ

 

ผู้ถาม : แล้วถ้าธาตุไม่มีนี่จะพูดจากันรู้เรื่องหรือครับ?

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ : ก็พูดกันอย่างประสาไม่มีธาตุ เป็นนามธรรมที่เรียกว่า "รูปในนาม" ไม่มีของหนักอย่างเรา ก็มีสภาพคล้ายอากาศ เบา ๆ ทุกอย่าง ... ฉันตอบได้เพราะว่าฉันเคยตายมาหลายอสงไขยกัป


หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/209703/




คำยืนยันจากหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ!! "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่ใช้ "ความเพียร" เป็นคุณธรรมนำ ... จึงยอมเหน็ดเหนื่อย และ พยายามอย่างหนักเพื่อรื้อขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์!!

จากบทสนทนาธรรมระหว่างหลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้กล่าวไว้ว่า  ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงปรารถนา "พุทธภูมิ" มานานแล้ว และเวลานี้ก็สั่งสมบารมีถึงขั้น "ปรมัตถบารมี" แต่เนื่องจากการปรารถนาพุทธภูมิเพื่อเป็นพระพุทธเจ้านั้นต้องบำเพ็ญกันมาก และการที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเป็น "วิริยาธิกะ" ซึ่งต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขย กับแสนกัปนั้น แม้จะทรงบำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว แต่แสนกัปอาจยังไม่ครบ จึงต้องทรงเกิดอีก ๕ ชาติ




ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีที่ยาวนานเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิต้องเป็นผู้ที่มีความเสียสละและความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์

ความเสียสละและความพยายามนั้นมีมากมายขนาดไหน อาจพิจารณาได้จากคำกล่าวของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำดังต่อไปนี้ ...


"ปรารถนาพุทธภูมินี่เหนื่อย!

ฉันเคยเป็นพุทธภูมิมาก่อน ฉันรู้ว่าพุทธภูมิสู้ทุกอย่าง งานทุกอย่าง  ถ้าลาพุทธภูมิปั๊บ อารมณ์ตัด  ถ้าตัดก็ไม่ได้ทิ้งงานนะ  แต่อารมณ์ต่างกัน คือเสริมขึ้น อารมณ์มุ่งตรงเข้าตัดกิเลส  เพราะพุทธภูมิไม่ตัดกิเลส พุทธภูมิทรงฌานมากกว่า หนักไปในเรื่องฌาน  พอใช้วิปัสสนาญาณมากเข้า อารมณ์มันเบาลง ... มันต่างกัน

พระโพธิสัตว์นี่...พระอรหันต์ไม่ยอมนั่งหน้านะ...ถ้ารู้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์จริง ๆ  ถ้าอารมณ์เข้มปั๊บ พระอรหันต์ไม่นั่งหน้า แม้พวกนั้นบวชหนึ่งวัน พระอรหันต์บวชร้อยวัน  เขาไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์ เขารู้ค่า

คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องปฏิบัติเลยอรหันต์  พระสาวกปกติบำเพ็ญบารมี ๑ อสงไขย กับแสนกัปเท่านั้น  พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ (ใช้ปัญญาเป็นตัวนำ) ๔ อสงไขย กับแสนกัป  ถ้าจิตของเขาถึงปรมัตถบารมี เขาเลยอสงไขย-สองอสงไขยมาแล้ว ต้องเป็นอสงไขยที่ ๔ จึงจะเป็นปรมัตถบารมี

พระโพธิสัตว์เหมือนพวกเรียนวิชาครู เรียนมาเพื่อเป็นครู จะต้องเข้มแข็ง  ถ้าไปโดนสัทธาธิกะ (ใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ) ต้องหวด ๘ อสงไขย  ถ้าวิริยาธิกะ (ใช้ความเพียรเป็นตัวนำ) ๑๖ อสงไขย

ฉันนี่วิริยาธิกะ ทำงานทุกอย่าง สบายไม่มี  สาวกภูมิก็พุ่งจริตอย่างเดียว  แต่สาวกภูมิสำหรับพวกฉันนี่เป็นวิริยาธิกะหมด  พวกตามเป็นวิริยาธิกะ  เฉพาะลูกแปดหมื่นกว่าแล้ว  พวกไม่คิดเป็นกองทัพใหญ่เลย  ถ้ายกมารวมกันนี่หลายแสนกองทัพนะ

พระโพธิสัตว์จริง ๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่เต็มอัตรา เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิว นั่งอยู่ชั้นดุสิต ปรารถนาพุทธภูมิ  ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน  ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ มีคติแน่นอน  ถ้าเป็นปัญญาธิกะต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขย กับแสนกัป  สัทธาธิกะ ๘ อสงไขย กับแสนกัป  วิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขย กับแสนกัป

สบายมาก... อยากเป็นไหม...?

เป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว... รีบไปดีกว่า  แต่อย่าไปขัดคอกันนะ  ถ้าคนที่เขามีวิสัยพุทธภูมิอยู่ก็พูดกันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน!



รูปปั้นพระโพธิสัตว์

ผู้ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ  มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง  จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด  หมายความว่า  ถ้าบารมียังต่ำขั้นฌานโลกีย์ ยังคุมไม่ถึงฌานขั้นต้น ฌานก็ไม่มั่นคง ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ  ถ้ามีบารมีเป็นอุปบารมีก็ปลอดบ้าง-ไม่ปลอดบ้าง  ถ้าเป็นปรมัตถบารมีนี่ปลอดหมด

กว่าจะเลื้อยแต่ละบารมีนี่...โอ้โฮ! ฉันลองดูแล้ว

สำหรับท่านที่บำเพ็ญตน ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง  มิฉะนั้น การก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล

การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี  แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก  เราต้องการรื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข  จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา

เขาทำกำลังใจกันแบบนี้ ..."




จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/209748/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
พุทธพยากรณ์ โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
หมีงงในพงหญ้า 1 4588 กระทู้ล่าสุด 10 มิถุนายน 2553 19:21:59
โดย หมีงงในพงหญ้า
จงเตือนตนไว้เสมอ โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ธรรมะจากพระอาจารย์
หมีงงในพงหญ้า 0 2258 กระทู้ล่าสุด 19 กรกฎาคม 2553 00:44:24
โดย หมีงงในพงหญ้า
อานิสงส์การบูชาพระพุทธเจ้า ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
มดเอ๊ก 0 1345 กระทู้ล่าสุด 03 กันยายน 2559 03:25:36
โดย มดเอ๊ก
อสุภกรรมฐาน 10 หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
มดเอ๊ก 0 1223 กระทู้ล่าสุด 29 กันยายน 2559 01:29:57
โดย มดเอ๊ก
นักปราชญ์ชาวพุทธของเมืองไทย อ.เสถียร โพธินันทะ ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 0 1279 กระทู้ล่าสุด 06 ธันวาคม 2560 16:22:34
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.432 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 11 เมษายน 2567 23:45:09