[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 เมษายน 2567 09:59:15 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 56 ปี “วัดถ้ำกระบอก” ผู้ปิดทองหลังพระ จากชื่อเสียสู่ชื่อเสียงระดับโลก  (อ่าน 1397 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 13 ตุลาคม 2559 20:04:22 »

56 ปี “วัดถ้ำกระบอก” ผู้ปิดทองหลังพระ จากชื่อเสียสู่ชื่อเสียงระดับโลก

"ถ้าใจเราพร้อม จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" กุศโลบายจากสัจจะสาบานที่ผู้ติดยาทุกคนจะต้องตระหนักและบังคับใจเมื่อตัดสินใจเข้ามาบำบัดที่ "วัดถ้ำกระบอก" หรือสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกในอดีต เพราะบ้านหลังนี้จะต้อนรับผู้เสพยาทุกคนเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต หลังจากผ่านการบำบัดครบ 15 วัน ประตูบ้านหลังนี้จะปิดตาย ไม่ต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของคุณ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เพราะการรักษาอาการติดยาเสพติด "สัจจะ" สำคัญเหนือสิ่งใด และนี่คือสิ่งที่วัดถ้ำกระบอกเน้นย้ำมาตลอดระยะเวลาการเป็นสถานที่บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดตั้งแต่ปี 2503



แม้ก่อนหน้านี้วัดถ้ำกระบอกจะต้องผ่านสารพัดการพิสูจน์ในภารกิจแรกเริ่มที่คนเคลือบแคลงใจว่าแท้ที่จริงวัดถ้ำกระบอกเป็นเพียงอาชญากรในคราบพุทธสถาน หากินกับผู้ติดยาเสพติด เป็นแหล่งค้ายา อีกทั้งวิธีการรักษายาเสพติดของวัดยังถูกมองว่าเป็นการทรมานผู้ป่วย แต่เพราะเจตจำนงที่มั่นคงของพระทั้ง 3 รูปที่เป็นผู้ริเริ่มคือหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อเจริญ และหลวงพ่อจำรูญ ทำให้ภารกิจเพื่อสังคมนี้ยังคงดำเนินเรื่อยมา



"เราเป็นพระเมื่อฉันอาหารแล้ว ก็ทำกิจของสงฆ์ เมื่อทำกิจของสงฆ์แล้ว เราก็ต้องช่วยเหลือสังคมในส่วนที่เราช่วยได้" คำสอนที่ส่งต่อเรื่อยมา จนทำให้พระทุกรูปในวัดยึดถือเป็นสัจจะในจิตใจ และยินดีปฏิบัติเรื่อยมา




"เหตุที่วัดถ้ำกระบอกถูกครหาในช่วงแรกน่าจะเป็นเพราะในอดีตมีชาวม้งจากหลากหลายพื้นที่มาอาศัยอยู่ในละแวกนี้ มีบางส่วนค้ายาเสพติดและโดนจับได้ ข่าวที่ออกไปทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่าชาวม้งที่ถูกจับได้เป็นชาวม้งที่วัดถ้ำกระบอก ที่นี่จึงถูกครหาว่าเป็นสถานที่ค้ายาเสพติด และตั้งสำนักสงฆ์เป็นฉากหน้า แต่ความจริงชาวม้งที่วัดถ้ำกระบอกขึ้นทะเบียนทุกคนและมีทหารเข้ามาดูแล ในยุคนั้นวัดถ้ำกระบอกจึงถูกโจมตีอย่างหนัก" พระอาจารย์วิจิตร รองเจ้าอาวาสวัดถ้ำกระบอกกล่าว



กระทั่งเมื่อประมาณ 40 ปีก่อนพระอาจารย์จำรูญ ปานจันทร์ ผู้ริเริ่มภารกิจเพื่อสังคมนี้ได้รับรางวัลแมกไซไซ รวมถึงในเวลาต่อมา BBC NEWS ได้ตีพิมพ์บทความ 90 % ของผู้ติดยาเสพติดที่เข้ามาบำบัดกับวัดถ้ำกระบอก ประเทศไทย สามารถหายและไม่หวนกลับไปใช้ยาอีกภายในระยะเวลา 1 ปี โดยอ้างอิงจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยควีนส์ประเทศอังกฤษ



การยอมรับในวงกว้างทำให้ปัจจุบันวัดถ้ำกระบอก มีสภาพไม่ต่างจากบ่อน้ำแห่งความหวังกลางทุ่งทะเลทรายของผู้เสพยา และนั่นทำให้พระทุกรูปในวัดยังคงแน่วแน่ต่อปณิธานเริ่มต้นของวัดถ้ำกระบอก





"คนจำนวนมากคิดว่าสิ่งเสพติดเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ไม่เคยมองว่าความทุกข์ทรมานจากคนติดยามันพาลไปถึงครอบครัว สังคม ยาเสพติดมันเลวร้ายจริง แต่ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนที่ใช้ยาเสพติดจะต้องเป็นคนเลวร้าย ฉะนั้นคนที่มาเลิกยาเสพติดเราก็ต้องช่วยเค้า ไม่ใช่คิดว่าที่ไหนมีคนติดยาเสพติดรวมกันที่นั่นคือสถานที่เลวร้าย ควรเข้าใจหัวอกคนหลงผิด ครอบครัวต้องให้โอกาสเขากลับไปเป็นคนดี"




ยาสมุนไพรสูตรเฉพาะของวัดถ้ำกระบอก กลายเป็นที่มาของภาพที่แค่หลับตาก็นึกออกเพราะหลังจากผู้เข้ารับการบำบัดดื่มยาสมุนไพรนี้เข้าไปก่อนจะดื่มน้ำตามเยอะๆ ผลที่เห็นคือการอาเจียนอย่างรุนแรงชนิดหมดไส้หมดพุง ก่อนจะเดินเข้าไปอบตัวในห้องสมุนไพรเพื่อลดความเครียดและขับพิษออกจากร่างกาย จากนั้นอีก 10 วันผู้บำบัดจะได้รับการฟื้นฟูทางจิตใจด้วยธรรมะ นี่คือสิ่งที่ทำให้วัดถ้ำกระบอกได้รับเสียงชื่นชมในวิธีการรักษา



"หลักจริงๆ ในการรักษาอาการเสพติดคือใช้ความจริงของผู้ป่วยที่สมัครใจเลิก เมื่อเค้ามีความจริงที่จะเลิก เขาต้องตั้งสัจจะ และต้องทำให้ได้ ถ้าสมุนไพรมีส่วนช่วยรักษาได้จริงเขาต้องหายภายใน 15 วัน แต่เมื่อกลับไป ทำไมจึงกลับไปติดยาเสพติดอีก ยาอย่างเดียวจึงไม่พอ ต้องใช้สัจจะเป็นตัวบังคับ "ไม่มียาใดสำคัญเท่าจิตใจที่แน่วแน่ของคนเรา"



ในจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดไม่ได้มีแต่เพียงผู้ชนะ หากแต่บนเส้นทางแห่งการแข่งขันกับจิตใจของตนเองย่อมมีผู้แพ้ ถ้าผู้เข้ารับการบำบัดทำไม่ได้อย่างที่ให้สัจจะ เขาหรือเธอจะต้องขอคืนสัจจะ "ผู้เข้ารับการบำบัดจะต้องรับสัจจะเลิกยาเสพติดทุกชนิด เลิกแล้วไม่มีไว้ในครอบครอง ไม่มีไว้ทำการค้า ไม่ส่งเสริมให้ผู้อื่นสูบและเสพ แต่ถ้าทำไม่ได้ส่วนใหญ่จะมาขอคืนสัจจะ ทางพระจะแนะนำว่า "สัจจะอยู่ในตัวโยม ไม่ได้หายไปไหน เราปวารณาไปแล้ว หากล้มเหลวก็ทำใหม่ ทำให้ได้ แล้วตัวเองจะเลิกได้"



ยาเสพติดสารเคมีที่มนุษย์มักพ่ายแพ้ แต่หากเรามีสติ มีความมั่นใจ และความเด็ดขาด เราจะสามารถเอาชนะยาเสพติดได้เช่นเดียวกับผู้เข้ารับการบำบัดท่านนี้ที่ปัจจุบันสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ



"ยาเสพติดไม่เลือกหรอกว่ารวยหรือจน อาชีพอะไร ทำงานที่ไหน" คำพูดของบี (นามสมมุติ) ผู้เข้ารับการบำบัดหนุ่มวัย 28 ปีที่ติดยาเสพติดและตัดสินใจมาเลิกที่นี่



บีเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัวคนจีนที่มีฐานะซึ่งเรียกได้ว่าร่ำรวยหากประเมินจากทรัพย์สินที่มีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท เขาติดยาเพราะเพื่อนในสังคมระดับเดียวกันชักชวน แม้จะเริ่มจากการลองเล่นๆ ก่อนติดยาอย่างจริงจังมาประมาณเกือบ 10 ปี




"แรกๆ ลองสูบบุหรี่ก่อน เห็นพ่อดูดแล้วเท่ดี จากนั้นก็เหล้า กัญชา ยาบ้า ยาไอซ์ กาวก็เคยดม เล่นยาทุกวันวันนึงเป็นร้อยๆ รอบ ดูดกัญชาจากบ้องโรยเฮโรอีน ใช้ยาหนักมากจนเพื่อนไม่คบเพราะเราหลอนใส่เค้า สมาธิเริ่มสั้น คิดช้าเหมือนสมองเสื่อมตลอดระยะเวลา 10 กว่าปี"



แม้บีจะติดยาแต่เขาสามารถเรียนจบระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งและวันนี้เขาตัดสินใจเลิกยาจริงๆ เสียที

"ผมเมาทุกวัน มานั่งคิดเวลาคุยกับแม่ อารมณ์ฉุนเฉียว พ่อผมเสียไปแล้วเพราะเป็นมะเร็ง ผมเป็นลูกชายคนเดียว พี่สาวผมแต่งงานไปหมดแล้ว แล้วใครจะดูแลแม่ แม่จะอยู่กับเราอีกกี่ปี เราจะมีเวลาดูแลแม่กี่ปี ผมเลยมาคิดว่าทำไมเราไม่เลิกยาสักที ทำไมต้องวนเวียนอยู่กับชีวิตแบบนี้ ตอนพ่อนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนผมไปเยี่ยมพ่อแค่ครั้งเดียวไม่มีโอกาสดูแลท่านเลย ผมไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีกกับแม่ผม"




ด้วยความรักที่มีต่อแม่และคำว่าลูกผู้ชาย บีจึงหันหลังให้กับยาเสพติดและกล่าวสัจจะสาบานว่าจะไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก เพราะยาเสพติดทำให้เกิดความสูญเสียทั้งครอบครัว ความรัก เพื่อน และคนรอบข้าง สิ่งที่เหลือไว้คือความทุกข์ ถึงตอนนั้นมีเงินก็ซื้อความสุขไม่ได้



"ถ้าเรารู้ว่าซอยหนึ่งตัน คุณเดินเข้าไปในซอยตันแล้วมันเป็นกำแพงมืด คุณยังจะเดินต่อไปหรือเปล่า หรือคุณจะหาทางใหม่เดินไปทางที่มีแสงสว่าง ถ้าเดินไปทางที่มีแสงสว่างจะมีความสุข ความเจริญ"



บีจึงเป็นคนๆ หนึ่งที่สามารถเอาชนะจิตใจของตนเองกลับมาเป็นลูกชายที่น่ารักของคุณแม่ เป็นน้องชายที่ดีของพี่ๆ น้องๆ ที่รักและห่วงใยเขา และในระดับสังคมเขายังเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าสามารถพัฒนาบ้านเมืองได้ต่อไป

สำหรับมุดหมายถัดไปของ "วัดถ้ำกระบอก" คือความต้องการให้ทุกคนมองว่าวัดถ้ำกระบอกเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นแหล่งความร่มรื่นทางกายและใจให้กับพุทธศาสนิกชนทุกคน ไม่ได้เป็นเพียงสถานบำบัดของผู้ติดยาเสพติดอย่างที่ทุกคนเคยเข้าใจ


จาก http://news.sanook.com/1955614/



<a href="https://www.youtube.com/v/zrpd48xmwSQ" target="_blank">https://www.youtube.com/v/zrpd48xmwSQ</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/ylHuaGZ96mg" target="_blank">https://www.youtube.com/v/ylHuaGZ96mg</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/my6ByuIWK7Q" target="_blank">https://www.youtube.com/v/my6ByuIWK7Q</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/Qriamor1YrY" target="_blank">https://www.youtube.com/v/Qriamor1YrY</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/bbZMfzdr3wk" target="_blank">https://www.youtube.com/v/bbZMfzdr3wk</a>

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ "เภสัชกรยิปซี" ผู้ปิดทองหลังพระ
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 1 7120 กระทู้ล่าสุด 15 มิถุนายน 2553 21:17:06
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.463 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 17 เมษายน 2567 15:57:01