[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 06:40:24 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มหาสติแห่งพระเจ้าอยู่หัว ร.4 ทรงภาวนาพุทโธ จนกระทั่งสวรรคต ย้อนเล่าเหตุอัศจรรย์  (อ่าน 1730 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5064


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2559 01:53:15 »




มหาสติแห่งพระเจ้าอยู่หัว ร.4 ทรงภาวนาพุทโธ จนกระทั่งสวรรคต ย้อนเล่าเหตุอัศจรรย์เทวดาเข้าสิงคนงาน ประกาศข่าวสวรรคต!

"พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถในเรื่องของพระพุทธศาสนาทั้งในด้านของหลักวิชาและหลักปฏิบัติเป็นอย่างมาก เนื่องจากพระองค์ทรงผนวชนานถึง ๒๗ ปี ซึ่งระยะเวลาอันยาวนานนี้พระองค์ทรงใช้ไปกับการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างแข็งขัน



ตลอดระยะเวลาในการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สร้างคุณูปการที่สำคัญต่อบ้านเมืองไว้มากมาย ซึ่งผลจากการตรากตรำพระวรกายนั้นก็ทำให้พระองค์เกิดอาการประชวรขณะเข้าสู่วัยชราเมื่อมีพระชนมายุ ๖๔ พรรษา

และอาการประชวรในครั้งนี้เองที่ทำให้พระองค์ทรงดำริถึงการสวรรคต ซึ่งเป็นการสวรรคตที่ตรงกับวันพระราชสมภพของพระองค์ตามที่ทรงกำหนดไว้แต่แรก (พระองค์ทรงพระราชสมภพใกล้กับวันเพ็ญออกพรรษาซึ่งเป็นวันมหาปวารณา และสวรรคตตรงกับวันเพ็ญออกพรรษาซึ่งก็เป็นวันมหาปวารณาเช่นเดียวกัน)

ในวันที่จะสวรรคตนั้น พระองค์ทรงมีพระสติสมบูรณ์  เพียงแต่ว่าในวันนั้น พระองค์ไม่ได้เสด็จออกไปทำพิธีปวารณาออกพรรษาต่อพระสงฆ์วัดราชประดิษฐ์ (วัดประจำรัชกาล) ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ทรงปฏิบัติเป็นประจำในวันพระราชสมภพ

หลังจากรับสั่งข้อราชการแก่พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ์) แล้ว สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำในวันมหาปวารณาออกพรรษาก็คือการสมาทานศีลด้วยพระองค์เอง แล้วตรัสเป็นถ้อยคำที่คมคายมากว่า



"ฉันขอลาต่อพระสงฆ์ ... สิ่งใดที่เคยทำผิดล่วงเกินก็ขอขมา

สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

สิ่งทั้งปวงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น  สิ่งใดสิ่งหนึ่งในโลกที่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นแล้วจะไม่มีโทษนั้น...ไม่มีเลย"


จากนั้น พระองค์ก็ได้ตรัสคำฉันท์เป็นภาษาบาลี ซึ่งเป็นการตรัสครั้งสุดท้ายของพระองค์ว่า

"อะตุรัสสะมิงปิ เม กาเย  จิตตัง นะ เหสสะตาตุรัง  เอวัง ปัสสามิ พุทธัสสะ  สาสะนานุคะติง กะรัง"

(แปลว่า "แม้ว่าร่างกายของข้าพเจ้าจะกระวนกระวายอยู่ด้วยทุกขเวทนา แต่จิตใจของข้าพเจ้าจะไม่กระวนกระวายไปตามกาย  ข้าพเจ้าได้ศึกษาอบรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่อย่างนี้")

แล้วในที่สุด พระองค์ก็ไม่ตรัสอะไรอีกเลย โดยประทับอยู่บนแท่นที่จะสิ้นพระชนม์ หันพระเศียรไปทางทิศเหนือ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก และทรงภาวนา "พุทโธ"


เจ้าหญิงองค์หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ พระองค์ เล่าว่า  เสียงภาวนา "พุทโธ" นั้นดังชัดเจนในตอนแรก  แต่พอนานๆ เข้า เสียง "พุท" ก็ค่อยๆ หายไป  เหลือแต่เสียง "โธ-โธ-โธ"  จนกระทั่งเสียงทั้งหมดเงียบหายไป พร้อมกับที่ทรงสวรรคตในเวลาประมาณ ๓ ทุ่ม วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑
 

ปรากฏว่า ในระหว่างนั้นเอง เทวดาที่สถิตอยู่ ณ พระเจดีย์นครปฐม ได้เข้าสิงคนงานคนหนึ่งเพื่อบอกว่า ขณะนี้รัชกาลที่ ๔ สวรรคตแล้ว และกำลังจะไหว้พระเจดีย์ที่พระองค์เคยบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อครั้งยังทรงพระชนม์ชีพ



"ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต" วัดเทพศิรินทราวาส ผู้มีญาณหยั่งรู้วาระจิตของผู้อื่น เล่าให้สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สันตังกุโร) ฟังว่า

"รัชกาลที่ ๔ เมื่อใกล้จะสวรรคตนั้น ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี"

เรื่องนี้คนธรรมดาทั่วไปคงไม่อาจจะรู้ได้ ... แต่สำหรับผู้ที่มีจิตใจอันมั่นคงและมีความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งเช่นนี้น่าจะบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน
 

ที่มา : หนังสือ "สวดเป็นเห็นธรรม" โดย พระสาสนโสภณ (พิจิตร ฐิตวัณโณ) สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ

นำเสนอข่าวโดย  ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)

จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/212488/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.257 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กุมภาพันธ์ 2567 13:15:16