ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : อุปกิเลส ๑๐ ดุจพงหนามของผู้ปฏิบัติธรรม
อุปกิเลส ๑๐ ดุจพงหนามของผู้ปฏิบัติธรรมพระถังซัมจั๋งและสานุศิษย์ออกเดินทางจากเมืองเจ่จั้ยก๊ก มุ่งหน้าสู่ทิศปราจีน บรรลุถึง“ทางที่ไม่มีคนเดินนานแล้ว จึงเกิดพงหนามยาว ๘๐๐ โยชน์” โป้ยก่ายเนรมิตร่างกายตนเองให้ใหญ่แล้วใช้คราดวิเศษกวาดพงหนาม นำหน้าคณะคืบหน้าไปที่ละน้อย
จนเวลาจวนจะค่ำหาพ้นดงหนามไปได้ไม่ ศิษย์และอาจารย์เดินเปะปะมาพบศาลเจ้า ขณะที่รีรอกันอยู่นั้นปีศาจตาเฒ่าจับโป้ยกง (สุข) กับปีศาจหน้าเขียว (นิกันติ) ออกมาร้องเชิญให้พระถังซัมจั๋งกินขนมแก้หิว เห้งเจียพิจารณาแล้วรู้ว่าเป็นปีศาจจึงชักตะบองออกจากหูเงื้อจะตีปีศาจเฒ่า จับโป้ยกงและปีศาจหน้าเขียวจึงบันดาลให้ สายลมหอบพระถังซัมจั๋งหายไป เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋งต่างเที่ยวตามหากันโกลาหลไม่พบ
ฝ่ายปีศาจเฒ่าจับโป้ยกงหอบพระถังซัมจั๋งมาได้แล้วเรียกปีศาจน้องชายอีก ๓ คน คือ โกเต็กกง(วิริยะ) ลินกงจื้อ(ปัสสัทธิ) และฮุดหุ้นโซ้ (อุเบกขา)ให้มาฟังพระถังซัมจั๋งเทศนา ปีศาจตาเฒ่าทั้งสี่นั้นเป็นปีศาจ ที่ใคร่ต่อการฟังธรรมยิ่งนัก
เวลานั้นเดือนหงาย(โอภาส) กระจ่างฟ้า พระถังซัมจั๋งให้มีใจเคลิบเคลิ้ม (ญาณ) และยินดีต่อการแสดงธรรมจึงได้เทศน์เสียไพเราะลึกซึ้ง เป็นอัศจรรย์ปีศาจทั้ง ๔ สรรเสริญกันไม่หยุดปาก แล้วชวนพระถังซัมจั๋งต่อกลอนโต้กันไปมาเป็นเพลิดเพลิน
ยังมีปีศาจอีกตนหนึ่งคือนางเซียนหนึง(ปิติ) เห็นพระถังซัมจั๋งแล้ว ให้มีใจรักใคร่กำหนัด ครั้นเห็นพระถังซัมจั๋งกำลังเคลิบเคลิ้ม จึงได้กล่าวเกี้ยวพาราศีด้วยโคลงกลอนอันไพเราะกลางแสงเดือน ฝ่ายพระถังซัมจั๋งเพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกผู้หญิงเกี้ยว ก็โกรธร้องตวาดไล่แล้วตัวเองวิ่งหนี ฝ่ายพวก ปีศาจทั้งหลายคือตาเฒ่าทั้ง ๔ พร้อมทั้ง สาวใช้ ๒ คน (สติ และอธิโมกข์) ของนางเซียนหนึง(ปิติ)รุมล้อมวิ่งไล่จับพระถังซัมจั๋งและสกัดไว้ทุกทิศ พระถังซัมจั๋ง จนมุมอยู่ตรงกลางจึงส่งเสียงตวาดนางเซียนหนึง(ปิติ)
เสียงตวาดของพระถังซัมจั๋ง ทำให้เห้งเจีย (ปัญญา)จำได้จึงขานรับ ขณะนั้นเองเมื่อพระถังซัมจั๋งได้ยินเสียงเรียกของเห้งเจีย ปีศาจทั้ง ๘ พลัน อันตรธานหายไปเพราะเสียงของเห้งเจีย (ปัญญา) เห้งเจียเห็นพระถังซัมจั๋งนั่งเคลิบเคลิ้มอยู่ที่เพิงหินมีต้นไม้ครึ้มแผ่คลุมอยู่ จึงได้กำหนดรู้ว่าเป็นปีศาจต้นไม้ทั้ง ๘ นั่นเองที่จับพระถังซัมจั๋งไว้ คือ
ตาเฒ่าจับโป้ยกง คือ ปีศาจต้นสน (สุข)
ตาเฒ่าโกเต็กกง คือ ปีศาจตันเป็ก (ปัคคาหะ)
ตาเฒ่าลินกงจื้อ คือ ปีศาจต้นไทร (ปัสสัทธิ)
ตาเฒ่าฮุดหุ้นโซ้ คือ ปีศาจต้นไผ่ (อุเบกขา)
นางเซียนหนึง คือ ปีศาจต้นตะเคียน (ปิติ)
สาวใช้ คือ ปีศาจต้นสารภี (อุปัฏฐาน)
สาวใช้ คือ ปีศาจต้นอบเชย (อธิโมกข์ )
ปีศาจหน้าเขียว คือ ต้นเคี่ยม (นิกันติ)
เดือนหงาย (โอภาส)
เคลิบเคลิ้ม (ญาณ)
เห้งเจียบอกโป้ยก่ายให้รู้ โป้ยก่ายเอาคราด ๙ ซี่ สับต้นไม้ๆ ปรากฏมีโลหิตไหลออกมา โป้ยก่ายจึงถอนรากถอนโคนเสียจนตายสิ้น
(ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายเมื่อเฝ้าสังเกตด้านในจนเกิดอุททยัพพยญาณ ได้เห็นการเกิดดับของสังขารแล้วก็จะบังเกิดอุปกิเลสในระหว่างวิปัสสนา ทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว เป็นเหตุขัดขวางให้ไม่ก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ คือ วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ ประการ
๑. โอภาส คือ แสงสว่าง จนสำคัญว่าตนได้ของวิเศษ
๒. ญาณ คือ ความรู้แจ่มแจ้งในธรรม จนสำคัญตนว่าบรรลุอรหัตผล
๓.ปัสสัทธิ ความสงบรำงับเกิดขึ้น แบบไม่เคยประสพมาก่อนจน สำคัญตนว่า บรรลุอรหัตผลแล้ว
๔. ปัคคาหะ (ความเพียร)
๕. ปิติ (ความอิ่มใจ)
๖. สุข (ความสุขสบายใจ)
๗. อุเบกขา (ความมีจิตที่เป็นกลาง)
๘. อุปัฏฐาน (สติแก่กล้า)
๙. อธิโมกข์ (น้อมใจเชื่อ)
๑๐. นิกันติ (ตัณหา-อาลัย ความพอใจ ติดใจ)
เป็นเส้นทางที่ผู้ปฏิบัติธรรม ต้องผ่าน(มรรค) และเข้าใจในอุปกิเลสที่เกิดขึ้น เมื่อใช้ปัญญาพินิจ หยั่งรู้ความจริง ว่าเป็นเพียง “มรรค-หนทาง” เท่านั้น หาใช่การบรรลุไม่)
จาก
http://www.khuncharn.com/skills?start=21อีกอัน ไซอิ๋ว ฉบับ อาจารย์ เขมานันทะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=maekai&month=10-07-2008&group=15&gblog=1สำรอง
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,11782.0.html