[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 02:37:40 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อัญเจียขะแมร์ : สมเด็จพระพี่นาง-ดอกไม้ของทวยเทพ ในรักที่สังเวยแด่…ความอาดูร  (อ่าน 2390 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5462


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 11 มกราคม 2560 16:45:58 »






อัญเจียขะแมร์ : สมเด็จพระพี่นาง-ดอกไม้ของทวยเทพ
ในรักที่สังเวยแด่…ความอาดูร

พระธิดาองค์โตในพระบาทนโรดม สีหนุ-พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศพระองค์ก่อน เคยได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าลูกเธอที่ทรงสิริโฉมองค์หนึ่งของกัมพูชา (หรืออาจจะของโลกเพลานั้น)

ทรงภารกิจเคียงข้างพระชนกนโรดม สีหนุ บ่อยครั้ง จนเกือบจะเรียกว่าทดแทนตำแหน่งสมเด็จราชินีที่เว้นลง โดยสมเด็จเทวีสีโสวัตถิ์ พงศานมณี นั้น ไม่ทรงออกงานเคียงข้างพระสวามีตลอดระยะเวลาที่อภิเษก (๒๔๘๕-๒๔๙๔)

หลังจากเว้นว่างเวลานั้น ผู้ที่กลับออกงานราชพิธีสำคัญๆ กลับเป็นพระองค์เจ้าหญิงบุปผาเทวี ที่ฉายแววมีพระสิริโฉมงดงาม จนได้รับการกล่าวขวัญลือเลื่อง

โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ ๖๐-๗๐ ขณะที่พระชนม์ ๒๐ ชันษาต้นๆ ทรงมีความงามสะพรั่ง ในชุดผ้าไหมนวลทองและต้องกันกับเครื่องอลังการ อาทิ มงกุฎเศียรอัปสราที่ขับกับผิวกายเนียนคล้ำแต่เปล่งปลั่งดั่งเปลวเทียนดังภาพฉายาลักษณ์ขาวดำที่ปรากฏ ทรงมีรอยยิ้มปริศนา ไม่ต่างจากภาพประติมากรรมนูนต่ำเหล่านางอัปสราบนปราสาทหินนครวัด

นั่นไฉน ทำไมผู้คนจะไม่หลงใหลในบุปผาเทวี “เจ้าหญิงแห่งดอกไม้” องค์นี้เล่า?

เพราะลำพังชื่อเสียงของพระบาทนโรดม สีหนุ จะเป็นที่เลื่องลือแล้ว พระองค์ก็ยังมีพระธิดา นาม “เจ้าหญิงบุปผาเทวี” ผู้มีสิริโฉมงดงามประหนึ่งนางอัปสรา ที่สร้างปรากฏการณ์ให้ราชวงศ์เขมรินทร์เป็นที่โจษจัน ถึงความงามอันเกิดจากลักษณะที่วิจิตร

โดยเฉพาะในยามที่พระองค์แต่งเครื่องทรงเป็นนางละคร

หม่อมเนียะมะเนียงพัต กุลฑล ก็เหมือนคนอื่นๆ คือเป็นสตรีในวังที่ได้รับการเอ็นดูจากสมเด็จพระชนนีโกสะมัก ในฐานะที่ให้กำเนิดพระธิดาบุปผาเทวี (พ.ศ.๒๔๘๖) แต่ดูเหมือนหน้าที่ของหม่อมห้ามก็ดูจะหยุดลงแค่จุดนั้น

ขณะที่พระธิดาบุปผาเทวีก็เจริญวัย โชคดีที่หม่อมสามารถกราบบังคมทูลลาออกไปตั้งต้นเริ่มชีวิตใหม่นอกวังอย่างปกติและอิสระ

ส่วนบุปผาเทวีนั้น สำเร็จการศึกษามัธยมต้นที่ลิเซ่นโรดมกรุงพนมเปญ

อายุ ๑๕ ปี ทรงออกงานพระราชพิธีรำถวายต่อหน้าพระพักตร์และอาคันตุกะต่างชาติ

อายุ ๑๘ ปี ก็ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวนางรำเอกแห่งวังหลวงอย่างเป็นทางการ

จากนั้น ภารกิจในฐานะขัตติยนารีแห่งราชสำนักกำโพชที่โดดเด่นแห่งยุคก็เริ่มย่างเป็นลำดับ

ทรงได้ชื่อว่า เป็นสตรีสร้างชื่อเสียงสรฺกขะแมร์มากที่สุดคนหนึ่ง

นอกจากสิริโฉมงดงามแล้วยังมาจากความสามารถและคุณสมบัติด้านศิลปะการแสดง ที่มาจากพรสวรรค์และการฝึกฝนอย่างหนักตามระเบียบแห่งราชสำนัก

โดยมีสมเด็จย่าโกสะมัก ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นสมเด็จพระชนนี คอยเคี่ยวกรำพระเจ้าหลานเธอที่ฉายแววทั้งสรีระ หน้าตาและทรวดทรง มือ เท้า แขน ขาที่เหมาะจะเป็นนางรำ

และด้วยเหตุนี้เอง จึงยอมแหกกฎ ยอมเอาลูกหลานหลวงมาเป็นนางละคร “พระราชตร็อป”

แต่ก็ทรงทำสิ่งที่มากกว่า นั่นคือ ได้ทรงสร้างเครื่องอลังการเศียรชฎาขึ้นมาใหม่ในแบบ “นางอัปสราแห่งนครวัด” ที่สวยงามและโดดเด่นแก่บุปผาเทวี จนกลายเป็นเครื่องทรงของนางละครที่ถูกจดจำ และเป็นแบบพิมพ์ที่คลาสสิคที่สุด และรุ่งเรืองเฟื่องฟูถึงขีดสุดยุคหนึ่งของวงการละครโบราณกัมพูชา

นั่นคือ ยุคที่ใบหน้าของบุปผาเทวี คือสัญลักษณ์ที่ถูกจดจารประหนึ่งงานศิลปะร่วมสมัย

ศิลปะร่วมสมัยชิ้นนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่จดจำแต่ความวิจิตรด้านการแสดงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสมบัติร่วมสมัยทางจารีตของสิ่งที่เรียกว่าราชสำนักอีกด้วย

นั่นคือ จารีตแห่งราชสำนักที่ได้ปฏิบัติสืบทอดมายาวนานในหมู่วงศ์เทวัญ และการสมรสระหว่าง “สีโสวัตถ์-นโรดม” และเป็นเหมือนการสืบทอดประเพณีดังกล่าว ในหมู่สมาชิกที่เป็นเสมือน “ญาติวงศ์” ขณะยังทรงพระเยาว์

อันเป็นปรกติธรรมเนียมที่โลกภายนอกอย่างตะวันตกอาจไม่คุ้นเคย และไม่ทราบว่า เจ้าหญิงบุปผาเทวี ที่พวกเขาคลั่งไคล้นั้น ก็อยู่ในจารีตดังกล่าวด้วย

โดยในปี พ.ศ.๒๕๐๗ เมื่อกษัตริย์นโรดมสีหนุเสด็จเยือนฝรั่งเศส และดูเหมือนจะเป็นราชประเพณีนิยมไปแล้วตั้งแต่รัชกาลพระบาทสีโสวัตถิ์ ที่ต้องมีคณะละครหลวงติดตามไปด้วย

การเสด็จประพาสครั้งนี้ ทำให้พระเจ้าลูกเธอบุปผาเทวีได้รับการกล่าวขวัญในหมู่นักการทูต สื่อมวลชนยุโรปที่ตีพิมพ์ภาพเจ้าหญิงบุปผาเทวีขณะมีพระชนมายุได้เพียง ๒๑ ชันษา ว่า สิริโฉมงดงามนัก

ขณะเดียวกันก็ตกตะลึงว่า มีเรื่องลับๆ ของชาววังที่ชาวบ้านๆ ทั่วไป ไม่อาจเข้าใจหรือรับทราบ กระทั่งเมื่อเจ้าหญิงบุปผาเทวี (ในฐานะนางรำ) ได้พบรักกับบุตรชายนักการทูตหนุ่มรูปงามที่ชื่อ มร.บูรโน ฌัก ฟอร์ซินแน็ตตี

ฟ้าลิขิตเบาๆ ให้พวกเขามาพบกันที่ฝรั่งเศส และเป็นเหตุการณ์ที่รักอำพรางข้ามฐานันดรได้เกิดขึ้นนั่น

ทั้งสองตกหลุมรักกันเหมือนเทพนิยายแห่งความฝัน เป็นความรักอย่างฉับพลัน รึอาจจะเป็นรักแรกของทั้งสองเลยทีเดียว

ทว่า ตอนนั้น พระองค์หญิงผู้เพิ่งจะผลิวัยสาวสะพรั่ง ทรงมีลูกเป็นธิดาน้อยน่ารักแล้วถึง ๒ คน คือ หม่อมเจ้าหญิงสีโสวัตถิ์ มุนีกุสกุมะ (๒๕๐๓) และ หม่อมเจ้าหญิงสีโสวัตถิ์ กัลยาณเทวี (๒๕๐๔)

ว่ากันว่าทรงแต่งงานครั้งแรกตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชาวกัมพูชาที่แต่งงานแต่อายุยังน้อย) ขณะที่เทิร์นโปรเป็นนางรำอย่างเต็มตัว

การสมรสครั้งนั้นเกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๐๒ กับหม่อมเจ้านโรดม นรินทรวรมัน แต่ทรงเลิกรากันไปในปีถัดมาและไม่พบว่ามีบุตร

กระทั่ง ทรงมาสมรสกับพระสวามีองค์ที่ ๒ ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ กับพระองค์เจ้าสีโสวัตถิ์ มุนีชีวัน และมีพระธิดา ๒ องค์ดังกล่าว

เจ้าหญิงบุปผาเทวีทรงมีชีวิตนอกจารีตในต่างแดนเป็นครั้งแรก ทรงออกเดตและใช้ชีวิตคู่กับพระสวามีคนที่ ๓ มร.บูรโน ฟอร์ซินแน็ตตี ระหว่างออนทัวร์การแสดงในปี ๒๕๐๗

ไม่แน่ชัดว่า ทรงเลิกร้างกับพระองค์เจ้าสีโสวัตถิ์ มุนีชีวัน ในปี พ.ศ.๒๕๐๕ ก่อนจะพบกับฟอร์ซินแน็ตตีหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ยังเป็นความรักที่เต็มไปด้วยอุปสรรค กึ่งปิดบังอำพราง

กระนั้นก็ตาม ทั้งสองก็มีพยานรักน้อยๆ เป็นอนุสรณ์คล้องใจคือ เด็กหญิงแก้ว จินสตา ฟอร์ซินแน็ตตี (๒๕๐๘)

ซึ่งทั้ง แก้ว จินสตา ฟอร์ซินแน็ตตี และบิดาดูจะเป็นบุคคลที่ไร้ตัวตนในสังคมกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.๒๕๑๐ พระเจ้าลูกเธอก็ทรงสมรสใหม่อีกครั้งภายในพระราชวัง เนื่องจากพระสวามีลำดับที่ ๔ มีฐานะเป็นถึงสมเด็จกรมขุนสีโสวัตถิ์ ชีวันมุนีรักษ์

ทรงมีทายาทตามลำดับ ๒ องค์ คือ หม่อมเจ้าสีโสวัตถิ์ ชีวันฤทธิ์ (๒๕๑๑) และ หม่อมเจ้าสีโสวัตถิ์ วัชรวุธ (๒๕๑๖) ทว่า ก็จบลงที่การหย่าร้าง (๒๕๓๒)

สมรสครั้งที่ ๕ กับบุคคลที่ทรงใกล้ชิดในวังมายาวนานอย่าง เอกอุดมเก็ก วันดี ซึ่งเป็นทั้งที่ปรึกษาในพระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนและองค์ปัจจุบัน

เป็นอดีต ส.ส. ๒ สมัย และผู้มีความใกล้ชิดกับฟุนซินเปกมานาน แต่กลางปี พ.ศ.๒๕๕๕ เก็ก วันดี ก็ล้มป่วยถึงแก่กรรม

และทิ้งให้สมเด็จพระเรียมบุปผาเทวีเป็นม่าย

สมเด็จพระเรียมบุปผาเทวี ซึ่งเป็นคำเรียกแทนฐานันดรศักดิ์ ตำแหน่งพระพี่นางเธอในพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหนมุนี ผู้ทรงทุ่มเททำงานเพื่อบ้านเมืองด้านวัฒนธรรม

เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม (๒๕๕๑-๒๕๕๕) เคยผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนสืบสานภารกิจด้านการละครพระราชตร็อปอย่างต่อเนื่องยาวนานร่วม ๒ ทศวรรษ

ทรงนำละครชุดอัปสราออกแสดงทั่วยุโรป-อเมริกาจนประสบความสำเร็จ ทัดเทียมกับสมัยที่ทรงเคยเป็นนางรำตัวเอก

ดังที่กล่าวว่า ภายใต้เครื่องถนิมพิมพาภรณ์อลังการที่เคยแต่งบูชาองค์รำถวายทวยเทพ กาลเวลา ได้ฝังความยิ่งใหญ่ในเกียรติศักดิ์ ที่มาพร้อมกับมนตราแห่งคำสาป


ในรักที่สังเวยแด่…ความอาดูร


ที่มา (เรื่อง) : หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ หน้า ๔๖ ฉบับที่ ๑๘๙๘ ประจำวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙- ๕ มกราคม ๒๕๖๐

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
น้าแม๊คพาเที่ยว วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ วัดในพระองค์ สมเด็จพระพี่นาง (วัดพระพี่นาง) « 1 2 3 4 »
สุขใจ ไปเที่ยว
หมีงงในพงหญ้า 73 48689 กระทู้ล่าสุด 14 มกราคม 2554 01:01:31
โดย kaewjanaron
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.289 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 24 เมษายน 2567 05:15:06