[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
06 ธันวาคม 2567 06:38:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สถูปเจดีย์  (อ่าน 1798 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5775


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2560 18:53:27 »



เจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ พระนครศรีอยุธยา

สถูปเจดีย์

ดร.พระมหาสมจินต์ สมฺมา ปญฺโญ อดีตคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า การสร้างเจดีย์เป็นพุทธประสงค์ที่จะรักษาประเพณีของชาวพุทธ ทั้งนี้ ย้อนไปคราวเมื่อใกล้จะปรินิพพาน ขณะพระพุทธเจ้าประทับบรรทมระหว่างสาละทั้งคู่ ณ สาลวโนทยาน กรุงกุสินารา พระอานนท์กราบทูลถามถึงวิธีปฏิบัติในพระพุทธสรีระหลังจากปรินิพพาน พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า "กษัตริย์ผู้เป็นบัณฑิต พราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิต คฤหบดีผู้เป็นบัณฑิต เลื่อมใสในพระตถาคต จะพึงปฏิบัติในพระสรีระของตถาคตเหมือนที่เขาปฏิบัติในพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิ"

เมื่อพระอานนท์กราบทูลถามว่า "เขาปฏิบัติในพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไร?"

พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า "เขาห่อพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิด้วยผ้าใหม่ ครั้นห่อแล้วซับด้วยสำลี ครั้นซับด้วยสำลีแล้วห่อด้วยผ้าไหม โดยอุบาย เขาห่อพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิด้วยผ้า ๕๐๐ คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่มีน้ำมันบรรจุเต็มอยู่ แล้วครอบด้วยรางเหล็กอีกใบหนึ่ง วางบนเชิงตะกอน (จิตกาธาน) ที่ทำด้วยดอกไม้นานาชนิด ถวายพระเพลิงพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิ สร้างพระสถูปของพระเจ้าจักรพรรดิไว้ในทางใหญ่ ๔ แพร่ง

ดูก่อนอานนท์ เขาปฏิบัติในพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิอย่างนี้ พึงปฏิบัติในพระพุทธสรีระเหมือนอย่างพระเจ้าจักรพรรดิ พึงสร้างพระสถูปของพระตถาคตไว้ในทางใหญ่ ๔ แพร่ง เหล่าชนผู้พวงมาลัยดอกไม้ของหอม หรือกราบไหว้ หรือทำจิตให้เลื่อมใสในพระสถูปนั้น ข้อนั้นก็จักได้รับประโยชน์ ได้รับความสุขตลอดกาลนาน"

นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังได้ตรัสถึงบุคคล ๔ ประเภท ซึ่งเป็นผู้ควรแก่การสร้างสถูปไว้บูชา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวกของพระพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ

ข้อมูลเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า สถูปหรือเจดีย์ในพระพุทธศาสนาเป็นพุทธประสงค์โดยตรง และพอจะกล่าวได้ว่า ประเพณีนิยมในการสร้างพระสถูปเจดีย์นั้น มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น และนิยมสร้างกันมาตั้งแต่สมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ แม้แต่คราวที่พระสารีบุตรผู้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวานิพพาน หลังจากทำฌาปนกิจสรีระแล้ว พระพุทธเจ้าสั่งให้พระจุนทะและคณะสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุสารีริกธาตุไว้ที่ประตูพระเชตวัน เมืองสาวัตถี และส่วนหนึ่งให้สร้างสถูปเจดีย์บรรจุไว้ที่นาลันทาบ้านเกิด

ความจริงประเพณีนิยมในการสร้างสถูปหรือเจดีย์นี้มีมาก่อนพุทธกาล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวไว้ในเรื่อง "ตำนานพุทธเจดีย์" ตอนหนึ่งว่า

"พระสถูปนั้นเดิมสร้างสำหรับบรรจุพระบรมธาตุ ตามแบบ แผนอันมีประเพณีในมัชฌิมประเทศตั้งแต่ก่อนพุทธกาล"

เข้าใจว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประเภทหนึ่งในหลายประเภทที่คนอินเดียโบราณนิยมสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่ในเชื้อชาติเดียวกันกับพระพุทธเจ้า สันนิษฐานว่า คนกลุ่มศากยะอาจเป็นกลุ่มเดียวกันกับพวกอารยันที่อพยพลงจากตอนเหนือของอินเดีย แต่ต่อมาไม่เห็นด้วยกับระบบสังคมวัฒนธรรมที่อารยันส่วนใหญ่ถือปฏิบัติ

โดยเฉพาะการแบ่งชนชั้นทางสังคมออกเป็นวรรณะ กลุ่มนี้จึงแยกตัวออกมาเรียกชื่อว่า "ศากยะ" และสร้างวัฒนธรรมประเพณีแบบใหม่ขึ้นมาถือปฏิบัติในกลุ่มของตนเอง เมื่อญาติเสียชีวิตก็นิยมเผาศพและเก็บกระดูกไว้บูชา โดยสร้างที่เก็บ ซึ่งถ้ามีขนาดใหญ่โตก็เรียกว่าสถูป

สถูปหรือเจดีย์นั้นในพระพุทธศาสนาถ้าจะให้ถูกต้องจริงๆ ต้องเรียกว่า "พระสถูป" ต้องใช้คำว่าพระนำหน้าด้วย เพราะเป็นของสูง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุโดยเฉพาะ

การสร้างสถูปหรือเจดีย์เป็นประเพณีของพุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะ ซึ่งมิได้มีเฉพาะในสมัยพระโคดมพุทธเจ้าเท่านั้น ในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ชาวพุทธก็สร้างสถูปหรือเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์เพื่อเป็นที่บูชาสักการะทั้งสิ้น
...ข้อมูล ข่าวสดออนไลน์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5775


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2560 18:59:04 »



เจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ พระนครศรีอยุธยา

สถูปเจดีย์ คือหลุมฝังศพสมัยก่อนพุทธกาลในอินเดีย

คำว่าเจดีย์ มาจากภาษาบาลีว่า เจติยะ (Cetiya) แปลว่าสิ่งที่ควรเคารพบูชา  มีอีกคำที่มักเรียกควบคู่กันคือ สถูป (Stupa) เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า เนินดินที่ฝังศพ

สถูป-เจดีย์ในสมัยแรกของชมพูทวีป คือเนินเหนือหลุมศพเป็นรูปกลมพร้อมก่อแนวคันล้อมด้วยหินเพื่อแสดงขอบเขตของเนินให้ชัดเจน ใจกลางเนินคือหลุมที่ขุดลึกลงไปแล้วก่อห้องเล็กๆเพื่อบรรจุศพพร้อมเครื่องบูชา พบหลักฐานหลุมศพก่อนประวัติศาสตร์แบบนี้ตั้งแต่ราว ๔,๐๐๐ ถึง ๓,๕๐๐ ปีมาแล้ว  เช่นที่แหล่งโบราณคดีพรหมคีรี (Brahmagiri) ในอินเดียภาคใต้

ถึงสมัยพุทธกาล คัมภีร์มหาปรินิพพานสูตรกล่าวว่าบุคคลผู้มีค่าควรแก่การสร้างสถูปให้มีสี่จำพวก คือ พระตถาคต พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์และพระจักรพรรดิราช แสดงว่าความเชื่ออินเดียโบราณนั้นสถูปเป็นที่ฝังศพของบุคคลชั้นสูงพร้อมสิ่งของบูชาไว้รวมกัน

เนินดินฝังศพย่อมประดับประดาด้วยเครื่องตกแต่งแสดงฐานันดรของผู้ถูกฝังอยู่ เช่น ปักฉัตรหรือร่มหลายชั้นไว้บนยอดเนิน สร้างรั้วล้อมแสดงอาณาเขต  แต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนเท่ากับช่วง พ.ศ.๒๐๐-๓๐๐ คือราชวงศ์โมริยะ-ศุงคะที่เริ่มก่อสร้างศาสนสถานด้วยถาวรวัตถุ จึงเริ่มมีสถูปหลงเหลือมาถึงทุกวันนี้ เช่นที่สาญจี (Sanchi) ซึ่งยังเห็นได้ว่ายังเน้นส่วนเนินดินที่เป็นรูปกลมหรืออัณฑะ (Anda)  มีฉัตรปักบนยอดและล้อมฉัตรด้วยรั้วสี่เหลี่ยมเรียกว่า หรรมิกา (Harmika) ส่วนที่บรรจุกระดูกพร้อมเครื่องบูชาก็กลายมาเป็นห้องกรุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ (Relics chamber) นั่นเอง

สถูปเจดีย์ของอินเดียโบราณแพร่กระจายไปทั้งชมพูทวีปในราว พ.ศ.๕๐๐-๘๐๐ เช่นแคว้นอมราวดีอินเดียภาคใต้และยังเลยลงไปพร้อมกับการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในเกาะลังกาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม

ราว พ.ศ.๑๑๐๐ อินเดียติดต่อกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมกับนำศาสนาฮินดู-พุทธเข้ามา มีการสร้างสถูปเจดีย์ขนาดใหญ่ในวัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งบางแห่งขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ภายใน เช่น เจดีย์หมายเลข ๑ เมืองคูบัว ราชบุรี

ช่วง พ.ศ.๑๗๐๐ เป็นต้นมา พุทธศาสนาจากลังกาได้รับความนิยมขึ้นแทน สถูปเจดีย์แบบลังกาจึงเริ่มสร้างกันมากขึ้นทั้งในพม่า กัมพูชาและดินแดนไทย  ต่อไปจะนิยมเรียกกันว่าเจดีย์ทรงระฆัง เพราะมีพัฒนาการจนทรวดทรงเพรียวเหมือนระฆัง ซึ่งจะสร้างกันแพร่หลายต่อมาจนปัจจุบัน

ด้วยเหตุที่ต้นเค้าของเจดีย์มาจากเนินฝังศพ สอดคล้องกับการปลงศพแบบดั้งเดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือฝังร่างคนตายพร้อมเครื่องเซ่นไว้ในหลุมศพ จึงไม่น่าแปลกที่พุทธศาสนายุคแรกเข้ามายังสุวรรณภูมิสามารถกลมกลืนกับความเชื่อดึกดำบรรพ์ทำให้ผู้คนแถบนี้ยอมรับศาสนาจากอินเดียอันเป็นเครื่องมือสำหรับเชื่อมโยงการติดต่อค้าขายและทำให้บ้านเมืองใหญ่ขึ้นถึงระดับรัฐในระยะต่อมา



หลุมฝังศพสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พรหมคีรี (Brahmagiri) อินเดียภาคใต้
เป็นเนินดินรูปกลมมีห้องไว้ศพพร้อมเครื่องบูชา อันเป็นต้นเค้าของสถูปเจดีย์ในพุทธศาสนา
(ภาพจาก Archaeological Survey of India,Archaeological remains monuments and museums part I)


สถูปสาญจี อายุราว พ.ศ.๒๐๐-๓๐๐ เป็นเจดีย์ยุคแรกๆที่มีหลักฐานชัดเจน ประกอบด้วย
ทรงกลมขนาดใหญ่ที่มาจากเนินดินหลุมศพ ปักฉัตรและล้อมรั้วด้านบนแสดงฐานันดรว่า
เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า (ภาพจาก ผศ.ดร. เชษฐ์ ติงสัญชลี)


เจดีย์ประธานทรงระฆังของวัดพระศรีสรรเพชญ อยุธยา สร้างช่วง พ.ศ.๒๐๓๕ รูปแบบ
ที่สืบมาจากอินเดียโบราณผ่านเวลายาวนานนับพันปี คือองค์ระฆังที่กลายมาจากเนินรูปกลม
บัลลังก์เหลี่ยมและยอดแหลมที่พัฒนามาจากฉัตรซ้อนชั้นที่ปักบนเนินดิน 


สุวรรณภูมิสโมสร/ศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๕
ประภัสสร์ ชูวิเชียร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 กุมภาพันธ์ 2560 19:03:38 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.213 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 20 พฤศจิกายน 2567 00:59:35