พ่อท่านเขียว อินทมุนี วัดหรงบน วัดหรงบน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

พ่อท่านเขียว อินทมุนี พระเกจิชื่อดังปากพนัง
วัดหรงบน วัดหรงบน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

"พ่อท่านเขียว อินทมุนี" วัดหรงบน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูปหนึ่งที่ชาวเมืองคอนให้ความเลื่อมใสศรัทธา และรู้จักชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี

ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เลื่องชื่ออยู่ในยุคเดียวกับ "พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ" แห่งวัดสวนขัน นครศรีธรรมราช

เป็นชาวเมืองนครศรีธรรมราช ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือนยี่ ปีมะเมีย พ.ศ.2424 อาชีพทำนา

ชีวิตวัยเด็กเริ่มศึกษาอักษรสมัยกับพระที่วัดใกล้บ้านจนอ่านออกเขียนได้ และเล่าเรียนไปตามอัตภาพ จากนั้นได้ลาออกจากการเรียนมาทำงานช่วยครอบครัว

จนล่วงเข้าวัย 22 ปี จึงตัดสินใจสละเพศฆราวาสเข้าสู่ร่มพระธรรม ในปีเถาะ พ.ศ.2446 เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดกลางบางตะพงษ์ หรือวัดคงคาวดี จ.นครศรีธรรมราช โดยมีพระครูสมัย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และพระเกื้อ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อินทมุนี"

หลังอยู่อุปัฏฐากรับใช้พระอุปัชฌาย์ตามธรรมเนียมตามสมควร ท่านไปศึกษาเล่าเรียนกับพระอาจารย์เอียด วัดหรงบน นานกว่า 5 ปี ก่อนกราบลาออกธุดงค์ไปตามป่าเขา ผ่านไปในหลายจังหวัดภาคใต้ อาทิ กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี ชุมพร ปัตตานี นราธิวาส ฯลฯ

กระทั่งผ่านไป 8 ปี จึงกลับมายังวัดหรงบนอีกครั้ง ชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในข้อวัตรปฏิบัติ จึงนิมนต์ให้อยู่ปกครองดูแลวัดสืบมา

เป็นพระนักพัฒนาที่เสียสละ ไม่ติดลาภ ยศ สรรเสริญ ปัจจัยของท่านส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้บำรุงพระศาสนา การศึกษาของพระภิกษุ-สามเณร และเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร

ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาที่สร้างคุณูปการแก่ชุมชนสังคมและสร้างความเจริญให้กับวัดและชุมชนมากมาย ซึ่งได้สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถานต่างๆ ภายในวัดมากมาย จนเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

นอกจากวัดหรงบนที่ท่านบำรุงพัฒนา ยังเผื่อแผ่ไปค้ำจุนวัดกลาง (วัดคงคาวดี) และวัดล่าง (วัดหงษ์แก้ว) รวมไปถึงพระอารามอื่นๆ อีกไม่น้อย

ด้านวัตถุมงคลท่านสร้างเพื่อสนองศรัทธา ไม่ได้มุ่งหวังให้ใครยึดเป็นสรณะ มงคลวัตถุที่ได้รับความนิยมและสนใจจากนักสะสมพระเครื่องและผู้สนใจอย่างมาก มีจัดสร้างหลายรุ่นด้วยกัน เช่น เหรียญรูปเหมือน รุ่นแรก ปี พ.ศ.2513, รูปเหมือนปั๊ม, พระปิดตาเนื้อผง พิมพ์ท้องอุ และพิมพ์ตะพาบ, พระปิดตาเนื้อตะกั่ว, ลูกอม เป็นต้น

ชีวิตพ่อท่านเขียวแม้จะเลื่องชื่อว่าเป็นพระเกจิผู้ทรงคุณ แต่อีกด้านหนึ่งทุ่มเทให้กับการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน เริ่มด้วยการท่องภาวนากำหนดจิต ใคร่ครวญในกองสังขาร จนกระทั่งแตกฉานในการพิจารณาขันธ์ 5 ก่อนเข้าสู่การปฏิบัติฌานสมาบัติ

ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2518 พ่อท่านเขียวมีอาการอาพาธตามสังขารที่ร่วงโรยตามวัย เริ่มมีอาการอาพาธหนัก มีอาการทรงๆ ทรุดๆ แม้อาการก็ดีขึ้น แต่ไม่หายขาด อย่างไรก็ดี พ่อท่านเขียวยังคงสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้บ้าง ก่อนจะละสังขารไปอย่างสงบเมื่อเดือนมิถุนายน 2519 สิริอายุ 95 ปี พรรษา 74

ภายหลังมรณภาพวัดได้เก็บรักษาสรีระของหลวงปู่ไว้ระยะหนึ่ง ปรากฏว่าสรีระร่างกายของหลวงปู่เขียวไม่เน่าเปื่อย และไม่มีกลิ่นเหม็นแต่อย่างใด

เมื่อถึงวันครบกำหนดประชุมเพลิงสรีระของท่านเผาไฟไม่ไหม้ แม้แต่จีวรที่ห่อหุ้ม

ปัจจุบันสังขารพ่อท่านเขียวยังบรรจุอยู่ในหีบแก้วที่วัดหรงบน มีผู้คนไปกราบไหว้อยู่เป็นประจำ

อริยะโลกที่ 6