| ๑๖. คุณเอ๋ยคุณเหลือ | | ผู้เอื้อเฟื้อเกื้อชาติซึ่งอาจหาญ |
| แน่วนับถือซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล | | ไม่เห็นการส่วนตัวไม่กลัวตาย |
| แสวงชอบกอบคุณอุดหนุนชาติ | | กษัตริย์ศาสน์แม้นชีวิตปลิดถวาย |
| ไว้ปวัตติ์แก่ชาติญาตินิกาย | | ได้อ่านภายหลังลือระบือเอย |
| ๑๗. ชาวเอ๋ยชาวนา | | วาสนากั้นไว้ไม่วิตถาร |
| ไม่ชั่วล้นดีล้นพ้นประมาณ | | สองประการนี้แหละขวางทางคระไล |
| คือไม่ลุยเลือดนั่งบัลลังก์ราช | | นำพินาศนรชนพ้นพิสัย |
| แต่ปิดทางกรุณาอันพาไป | | ยังคุณใหญ่ยิ่งเลิศประเสริฐเอย |
| ๑๘. มักเอ๋ยมักใหญ่ | | ก่นแต่ใฝ่ฝันฟุ้งตามมุ่งหมาย |
| อำพรางความจริงใจไม่พร่างพราย | | ไม่ควรอายก็ต้องอายหมายปิดบัง |
| มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น | | คือความฟูมฟายสินลิ้นโอหัง |
| ลงในเพลิงเกียรติศักดิ์ประจักษ์ดัง | | เปลวเพลิงปลั่งหอมกลบตระหลบเอย |
| ๑๙. ห่างเอ๋ยห่างไกล | | ห่างจากพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หา |
| แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อาตมา | | ความมักน้อยชาวนาไม่น้อมไป |
| เพื่อนรักษาความสราญฐานวิเวก | | ร่มชื้นเฉกหุบเขาลำเนาไศล |
| สันโดษดับฟุ้งซ่านทะยานใจ | | ตามวิสัยชาวนาเย็นกว่าเอย |
| ๒๐.ศพเอ๋ยศพไพร่ | | ไม่มีใครขึ้นชื่อระบือขาน |
| ไม่เกรงใครนินทาว่าประจาน | | ไม่มีการจารึกบันทึกคุณ |
| ถึงบางทีมีบ้างเป็นอย่างเลิศ | | ก็ไม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุนทร์ |
| พอเตือนใจได้บ้างในทางบุณย์ | | เป็นเครื่องหนุนนำเหตุสังเวชเอย |
| ๒๑. ศพเอ๋ยศพสูง | | เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศานติ์ |
| จารึกคำสำนวนชวนสักการ | | ผิดกับฐานชาวนาคนสามัญ |
| ซึ่งอย่างดีก็มีกวีเถื่อน | | จารึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์ |
| อุทิศสิ่งซึ่งสร้างตามทางธรรม์ | | ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผีเอย |
| ๒๒. ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร | | ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต |
| แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท | | ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตาย |
| ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข | | เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย |
| ใครจะยอมละแดนแสนสบาย | | โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัยเอย |
| ๒๓. ดวงเอ๋ยดวงจิต | | ลืมสนิทกิจการงานทั้งหลาย |
| ย่อมละชีพเคยสุขสนุกสบาย | | เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง |
| ละถิ่นที่สำราญเบิกบานจิต | | ซึ่งเคยคิดใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ |
| หมดวิตกหมดเสียดายหมดหมายปอง | | ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ้ำเอย |
| ๒๔. ดวงเอ๋ยดวงวิญญาณ | | เมื่อยามลาญละพรากไปจากขันธ์ |
| ปองแต่ให้ญาติมิตรสนิทกัน | | คล่าวน้ำตาต่างบรรณาการไป |
| ธรรมดาพาคะนึงไปถึงหลุม | | หรือที่ชุมเพลิงเผาเฝ้าร้องไห้ |
| คิดถึงกาลก่อนเก่ายิ่งเศร้าใจ | | ตามวิสัยธรรมดาเกิดมาเอย |
| ๒๕. ท่านเอ๋ยท่านสุภาพ | | ผู้ใคร่ทราบสนใจศพไร้ศักดิ์ |
| รู้เรื่องราวจากป้ายจดลายลักษณ์ | | บางทีจักรำพึงคิดถึงตน |
| มาม้วยมรณ์นอนคู้อยู่อย่างนี้ | | คงจะมีผู้สังเกตในเหตุผล |
| ปลงสังเวชวาบเสียวเหี่ยวกมล | | เหมือนกับตนท่านบ้างกระมัง เอย. |
| ๒๖. บางเอ๋ยบางที | | อาจจะมีผู้เฒ่าเล่าขยาย |
| รำพันความเป็นไปเมื่อใกล้ตาย | | จนตราบวายชีวาตม์อนาถใจ |
| "อนิจจา! เห็นเขาเมื่อเช้าตรู่ | | ออกจากหมู่บ้านเดินสู่เนินใหญ่ |
| ฝ่าน้ำค้างกลางนามุ่งคลาไคล | | ผิงแดดในยามเช้าหน้าหนาวเอย |
| ๒๗. ต้นเอ๋ยต้นกร่าง | | อยู่ที่ข้างเนินใหญ่พุ่มใบหนา |
| มีรากเขินเผินพ้นพสุธา | | กลางวันเขาเคยมาผ่อนอารมณ์ |
| นอนเหยียดหยัดดัดกายภายใต้ต้น | | ฟังคำรนวารีมี่ขรม |
| กระแสชลไหลเชี่ยวเป็นเกลียวกลม | | เขาเคยชมลำธารสำราญเอย |
| ๒๘. ป่าเอ๋ยป่าละเมาะ | | ยังอยู่เยาะเย้ยให้ถัดไปนั่น |
| เขาเดินป่ามานี้ไม่กี่วัน | | ปากรำพันจิตรำพึงคะนึงใน |
| บัดเดี๋ยวดูสลดระทดจิต | | เหมือนสิ้นคิดขัดหาที่อาศัย |
| หรือคล้ายคนทุกข์ถมระทมใจ | | หรือคู่รักร้างไม่อาลัยเอย |
| ๒๙. ต่อเอ๋ยต่อมา | | ณเวลาวันใหม่มิได้เห็น |
| ทั้งกลางนากลางเนินเผอิญเป็น | | ใต้ต้นกร่างว่างเว้นเช่นเมื่อวาน |
| เห็นคนหนึ่งเดินไปใจว่าเขา | | แต่ไม่เข้ากลางนามาสถาน |
| ที่เขาเคยพักผ่อนแต่ก่อนกาล | | ทั้งไม่ผ่านป่าเล่าผิดเขาเอย |
| ๓๐. ถัดเอ๋ยถัดมา | | เห็นเขาพาศพไปใจสลด |
| เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด | | ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย |
| ทำการศพตบแต่งที่ระลึก | | มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้ |
| อยู่ที่ดงหนามนั้นถัดนั่นไป | | ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่านเอย |