[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 13:53:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระสัมพุทธพรรณี  (อ่าน 1118 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5458


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2560 16:59:20 »




พระสัมพุทธพรรณี


พระสัมพุทธพรรณี เป็นพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์หนึ่งของประเทศไทย เป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

นอกจากนี้ ยังมีพระสัมพุทธพรรณีองค์จำลอง ประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร จำลองจากพระสัมพุทธพรรณีองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พระสัมพุทธพรรณีเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ประทับขัดสมาธิราบ หล่อด้วยโลหะสำริดและกะไหล่ทองคำสุกปลั่ง มีขนาดหน้าตักกว้าง ๔๙ เซนติเมตร ความสูงถึงยอดพระรัศมี ๖๗.๕ เซนติเมตร ความสูงจากฐานถึงยอดพระรัศมี ๙๓ เซนติเมตร และความสูงจากฐานถึงยอดฉัตร ๒๐๖ เซนติเมตร

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งดำรงสมณเพศเป็นพระวชิรญาณภิกขุ โปรดให้หล่อขึ้นขณะประทับอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร) จากที่ทรงทุ่มเทพระอุตสาหวิริยะศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างแตกฉานลึกซึ้ง และได้ทรงศึกษาพุทธลักษณะของการสร้างพระพุทธรูป ทรงพบว่าพระพุทธรูปควรมีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ทั่วไป การที่นายช่างในอดีตทั้งหลายพากันสร้างพระพุทธรูปให้มีโหนกนูนขึ้นเหนือพระเศียรคล้ายครึ่งวงกลม และเรียกว่าพระเกตุมาลานั้น ผิดไปจากความเป็นจริง แม้นายช่างในอดีตจะอธิบายว่า เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้แจ้งด้วยพระองค์เอง ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ดังนั้น จึงต้องทรงมีพระสติปัญญาสูงส่งกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างมาก ดังนั้น มันสมองของพระพุทธองค์จึงดันเอากะโหลกพระเศียรให้ปูดนูนสูงขึ้น ข้อนี้เป็นที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในพุทธลักษณะ

ด้วยเหตุดังกล่าว ในปี พ.ศ.๒๓๗๓ พระวชิรญาณภิกขุ จึงได้ทรงพระกรุณาฯ ให้ ขุนอินทรพินิจ เจ้ากรมช่างหล่อปั้นหล่อพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะตามที่ทรงศึกษามา และให้มีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ธรรมดามากที่สุด

โดยให้มีพระเศียรส่วนบนเรียบเกลี้ยง ไม่มีโหนกนูนหรือพระเกตุมาลาตั้งอยู่บนกลางพระเศียรอย่างที่เคยสร้างกันมา กับทั้งลักษณะการครองผ้าจีวรของพระพุทธรูป ก็ให้มีลักษณะตามแบบธรรมยุติกนิกายตามที่ได้ทรงบัญญัติไว้ และให้มีริ้วรอยกลีบของผ้าจีวรยับพับไปมาตามแบบธรรมชาติทุกประการ

พระพุทธรูปองค์ดังกล่าว สร้างตามอย่างพุทธลักษณะที่พระองค์ทรงสอบสวนได้ ด้วยพระราชศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะให้พระพุทธรูปนี้เป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุแผ่นทองคำจารึกดวงพระพรรษาและแผ่นพระสุพรรณบัฏทองคำจารึกพระนามเต็มที่ได้รับพระราชทานจากพระราชบิดา คือรัชกาลที่ ๒ เมื่อแรกเสด็จพระราชสมภพ รวมทั้งพระบรมสารีริกธาตุที่ได้แสดงปาฏิหาริย์เฉพาะพระพักตร์ให้ได้ทรงประจักษ์ด้วยสายพระเนตรของพระองค์เองลงไว้ในองค์พระพุทธรูปองค์นี้ด้วย และถวายนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระสัมพุทธพรรณี”

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ หอสวดมนต์วัดราชาธิวาสวิหาร เพื่อทรงนมัสการ ครั้นเมื่อเสด็จฯ ไปประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสัมพุทธพรรณีไปยังวัดบวรนิเวศวิหารด้วย จนเมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยประดิษฐานอยู่ที่ฐานชุกชีด้านหน้าขององค์พระแก้วมรกต

การจัดสร้างพระสัมพุทธพรรณี ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทั้งบอกไว้ด้วยว่า พระพุทธรูปนี้มีองค์จำลองด้วย โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเช่นกัน

พระสัมพุทธพรรณี องค์จำลอง ประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เป็นพระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง ๒๐ นิ้ว วัสดุโลหะกะไหล่ทอง จำลองจากพระสัมพุทธพรรณีองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เหตุแห่งการหล่อพระสัมพุทธพรรณีองค์จำลอง ด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปรารภจะทรงสถาปนาวัดราชาธิวาสวิหารที่รกร้างชำรุดทรุดโทรมให้เป็นพระอารามที่งามยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน มีพระราชประสงค์ที่จะได้พระพุทธรูปมาประดิษฐานในพระอุโบสถ พระราชดำริว่า

พระอารามแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดา เสด็จมาประทับเมื่อครั้งทรงผนวชและได้สถาปนาธรรมยุติกนิกายขึ้น เมื่อประทับจำพรรษาอยู่ในพระอาราม ได้ทรงหล่อพระพุทธรูปองค์หนึ่ง โดยโปรดให้ช่างหล่อในพุทธลักษณะที่ทรงเห็นควรจะเป็น คือไม่มีพระเกตุมาลา แล้วทรงบรรจุดวงพระชะตา พระสุพรรณบัตรเดิม และพระบรมสารีริกธาตุไว้ในองค์พระ พระราชทานนามว่า “พระสัมพุทธพรรณี” ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ที่พระตำหนัก ภายหลังเมื่อทรงย้ายไปประทับยังวัดบวรนิเวศฯ ก็โปรดให้เชิญไปด้วย ครั้นเมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญไปประดิษฐานไว้บนฐานชุกชีด้านหน้า ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ดังนั้นเพื่อทรงนมัสการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลถวายแด่พระราชบิดา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำริว่า “พระสัมพุทธพรรณีเปน พระซึ่งทูลกระหม่อมทรงสร้างขึ้นในวัดราชาธิวาส ประจุพระสุพรรณบัตร และดวงพระชันษา เปนพระที่สมควรจะอยู่ในวัดนี้ แต่องค์เดิมที่จะเชิญกลับออกมาไม่ได้เปนอันขาด จึงเห็นควรจะหล่อจำลองขึ้นใหม่” (พระราชหัตถเลขา ๒๕๑๔, ๑๙๖-๑๙๗)

ในปี พ.ศ.๒๔๕๑ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ออกแบบปั้น โดยถ่ายแบบจากพระสัมพุทธพรรณีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อหล่อสำเร็จ ทรงประกอบพิธีกะไหล่ทองและให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระศกแล้วสมโภช แต่พระองค์เสด็จสวรรคตก่อนที่จะประดิษฐานพระพุทธรูปในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงอัญเชิญพระสัมพุทธพรรณีจำลองไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดราชาธิวาสวิหารตามพระราชจำนง ในปี พ.ศ.๒๔๖๒ พร้อมกับบรรจุพระราชสรีรางคารสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี พระพันปีหลวง ใต้พุทธบัลลังก์ด้วย

ย้อนไปครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯ ให้ปั้น ทรงให้ช่างปั้นหุ่นถ่ายแบบอย่างพระสัมพุทธพรรณีองค์นี้ขึ้นใหม่ พระสัมพุทธพรรณีหล่อใหม่สำหรับวัดราชาธิวาสมีแบบอย่างพุทธลักษณะเช่นเดียวกับพระสัมพุทธพรรณีองค์เดิมที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสอบสวนได้ คือ ไม่มีพระเกตุมาลา พระจีวรเป็นริ้วเช่นเดียวกับการครองผ้าของพระภิกษุ พระเกตุมาลาซึ่งไม่ปรากฏนี้ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐวรการได้ทรงแก้ไขแบบให้มีพระรัศมีขึ้นเหนือยอดพระเศียร

และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระรัศมีถวายเป็นพุทธบูชา ๔ องค์ คือ พระรัศมีสำริดกะไหล่ทอง พระรัศมีนาก พระพระรัศมีแก้วขาว และพระรัศมีแก้วน้ำเงิน นอกจากนั้นยังได้ทรงกำหนดให้มีการเปลี่ยนพระรัศมีของพระสัมพุทธพรรณีตามฤดูกาลเช่นเดียวและพร้อมกันกับการเปลี่ยนเครื่องทรงของพระแก้วมรกตด้วย โดยทรงกำหนดให้พระรัศมีสำริดกะไหล่ทองใช้สำหรับฤดูร้อน พระรัศมีแก้วสีน้ำเงินสำหรับฤดูฝน และพระรัศมีนากหรือแก้วขาว สำหรับฤดูหนาว


ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.354 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 17 กุมภาพันธ์ 2567 11:09:39