[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 09:14:56 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา  (อ่าน 1991 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5062


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 18 เมษายน 2553 17:16:25 »

http://i126.photobucket.com/albums/p94/mattmorgan01/Spiritual/57c3.jpg
ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา

 
 
ที่จริงบทความที่เขียนวันนี้  อาจเป็นบทความตอนที่สองของบทความที่ลงในวันอาทิตย์ที่แล้วก็ได้  คือเป็นเรื่องที่ผู้เขียนกำลังทำพุทธศาสนาและศาสนาอื่นที่อุบัติขึ้นที่อินเดียให้เป็นวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่  โดยเฉพาะทฤษฎีควอนตัมที่ไม่ว่าใครจะพูดว่าอย่างไร  ถ้าหากเปิดใจให้กว้างและศึกษาติดตามควอนตัมและรู้จักมันจริงๆ  ผู้เขียนคิดว่าควอนตัมเม็คคานิกส์  -  ซึ่งศึกษาเรื่องที่เล็กละเอียดอย่างที่สุด  -  มีความใกล้เคียงกับศาสนาที่อุบัติจากจีนและอินเดีย  คือ  เมื่อวิทยาศาสตร์ลงไปลึกจริงๆ  จนไม่มีทางมองเห็น  หรือเมื่อสสารวัตถุได้กลายเป็นสนามพลังงานที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพลังงานจิต   (ซึ่งก็คือจิตนั่นเอง)   จิต  (หรือ  consciousness  นั้น   ไม่ใช่จิตสำนึกหรือจิตรู้ที่เราเรียกว่า   conscious  mind  และจิตในที่นี้ที่จริงก็คือ  จิตไร้สำนึก  unconsciousness   as   consciousness)  ฉะนั้น  ศาสนาโดยเฉพาะพุทธศาสนาจึงใกล้เคียงกับจิตวิทยาเป็นอย่างยิ่ง  (spiritual  psychology)  จึงเป็นวิชาการหรือวิทยาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง   แต่นั่นไม่ใช่วิทยาศาสตร์แห่งยุคเก่าหรือนิวโตเนียนฟิสิกส์   ซึ่งมักจะนิยมสสารวัตถุ   (materialism)  หากแต่เป็นวิทยาศาสตร์ใหม่  โดยเฉพาะควอนตัมเม็คคานิกส์   นั่นคือ   วิทยาศาสตร์ใหม่ที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนนักวิทยาศาสตร์ถึง  95%  คิดว่าเป็นทฤษฎีที่แปลก   อย่างดีก็เพียงน่าสนใจ  แต่ไม่มีความสำคัญ  แต่ในปัจจุบันนี้หรือเดี๋ยวนี้  นักวิทยาศาสตร์ของโลกตะวันตก  -  ซึ่งผู้เขียนเชื่อมั่นว่าแทบว่าจะทุกคน  โดยเฉพาะนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์หรือนักจักรวาลวิทยาทุกคนกระมัง?  -  ที่เชื่อว่าควอนตัมฟิสิกส์ได้ให้ความจริงที่แท้จริงกลับแทบจะเป็นตรงกันข้ามกว่าเมื่อกว่าสิบปีก่อนด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้ๆ  กับที่กล่าวมานั้น

     ผู้เขียนทราบดีว่าบทความของผู้เขียนบทความนี้ไม่ถูกกับ  กาละและเทศะ  เพราะประชาชนคนไทยกำลังแตกแยกกันอย่างรุนแรง  กระทั่งเข่นฆ่ากันบาดเจ็บล้มตายไปเกือบพันคน  โดยที่ผู้เขียนก็ยังทำประหนึ่งทองไม่รู้ร้อนทั้งที่เป็นคนไทย   แต่คิดว่าคนที่คิดออกคิดเป็นแทบทุกคน  เช่
นที่ผู้เขียนตอบและปลอบคนที่โทรศัพท์มาหาที่บ้าน  โดยบอกว่าในตอนนี้  เราหรือไม่ว่าใครจะไปทำอะไรได้  นอกจากไปเติมน้ำมันให้กับไฟ   ไม่มีใครฝ่ายใดคิดจะฟังใครหรอก   ป่วยการเปล่าๆ   นอกจากตนไปเข้ากับฝ่ายใดอย่างศิโรราบเท่านั้น  ฉะนั้น  คิดจะเป็นกลางจึงไม่ได้ประโยชน์  หรือสื่อทั้งหลาย  ความหวังดีทั้งหลายจึงไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง  ป่วยการจริงๆ  ในช่วงนี้   ต้องให้เวลากับมัน  "ทุกอย่างมันเป็นไปเช่นนั้นของมันเอง"  หากว่าเราเชื่อในปรัชญาสากลนิรันดร  (perennial  philosophy)  หรือการลงโทษและให้รางวัลของฟ้า  หรือยอมนั่งฟังเรื่องของกรรมร่วม  (collective  karma)  ของมนุษยชาติ  การบาดเจ็บล้มตายที่บ้านเรา  หรือแม้แต่ที่อิรัก  อัฟกานิสถาน  ปากีสถาน  ปาเลสไตน์  ฯลฯ  ล้วนแล้วแต่เป็นผลของมนุษย์เองที่ยังมีวิวัฒนาการทางจิตสู่จิตวิญญาณไม่พอ   นักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่และนักศาสนาส่วนหนึ่งเชื่อว่าประชากรโลกจะล้มตายหายไปแทบจะในทันที  คือหายไปมากกว่า  5  พันล้านคน  ในปลายปี  2012  ต่อกับต้นปี  2013  นี้  หรือบางคนอาจจะพูดว่า  เป็นการลงโทษของฟ้าก็ได้   ไม่ว่าเราที่เป็นกลางจะเชื่อหรือไม่เชื่อข่าวข้างหนึ่งข้างใด   เราก็เป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวและหาแต่ความสุขทางกายแต่เพียงอย่างเดียวจริงๆ   ตลอดช่วงประวัติศาสตร์-โบราณคดีวิทยาศาสตร์ของเราที่สำคัญอย่างยิ่ง  คือต่อไปนี้  หลัง  2013  ไปแล้ว  หลายคนทีเดียวเชื่อว่ามนุษยชาติจะได้มีวิวัฒนาการของจิตสู่จิตวิญญาณเสียที  

     ท่านผู้อ่านคงรู้จักชื่อของอัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์  นักฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่  -  ซึ่งอาจจะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้  -  อย่างน้อยๆ  ก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับเซอร์ไอแซค  นิวตัน  นักฟิสิกส์คนแรกของโลกผู้ค้นพบหลักการของฟิสิกส์อันเป็นต้นแบบของวิทยาศาสตร์ที่ทุกสาขาเราเรียนๆ   กันอยู่ในทุกวันนี้  จริงๆ  แล้วบทความของวันนี้อาจจะขยายความต่อเนื่องของบางช่องของบทความคราวที่แล้วที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์  นั่นคือ  การพบทฤษฎีที่สามารถอธิบายธรรมชาติทุกสิ่งทุกอย่าง  (theory  of  everything)  ได้  ที่อ้างคำพูดอันมีชื่อเสียงของอัลเบิร์ต  ไอน์สไตน์   ที่พูดว่าสามารถจะ  "อ่านจิตใจของพระเจ้าได้"  (mind  of  God)  ไอน์สไตน์ได้ใช้เวลาไปกว่าสามสิบปีเพื่อค้นหาทฤษฎีนี่ที่เขาเชื่อว่าเป็นกฎธรรมชาติอันแรกที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุด   ซึ่งจะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้ทั้งหมด  ตลอดจนทั้งช่วงเวลาก่อนที่จักรวาลจะมีบิ๊กแบ็งด้วย  แต่ไอน์สไตน์ก็ไม่สามารถจะหาได้จนต้องล้มเลิกความตั้งใจไป  ต่อมาสตีเฟน  ฮอว์กิ้ง  ที่นักฟิสิกส์ตั้งสมญานามให้ว่าเป็นทายาทของไอน์สไตน์  และนักฟิสิกส์คนอื่นๆ  ได้พยายามหาทฤษฎีที่ว่านั้นต่อ  แต่เนื่องจากไปคิดว่าอนุภาคจะต้องมีลักษณะเป็นจุดๆ  หรือเป็นเม็ดๆ  ทุกๆ  คนจนบัดนี้ก็หาไม่พบ  ซึ่งทฤษฎีที่ว่าดังกล่าวหมายถึงทฤษฎีที่รวมยอดหรือการประสานกฎทั้งหมดของธรรมชาติ   (ฟิสิกส์)  เข้าด้วยกัน  เพราะฉะนั้น  ทฤษฎีที่จะสามารถอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้ทั้งหมดเลย  ก็คือ  ทฤษฎีแรกสุด  (theory  of  everything  or  TOE)   รวมทั้งทฤษฎีการรวมแรงทางฟิสิกส์ทั้งหมด   (ทั้งสี่แรง)  ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน  (grand  unified  field  theory  or  GUT)  นักฟิสิกส์แห่งยุคใหม่แทบจะทุกคนคิดและเชื่อว่า  ทฤษฎีว่าด้วยการเกิดขึ้นมาของจักรวาลทั้งหลายที่เรามี  ล้วนตั้งต้นที่บิ๊กแบ็ง  ก่อนหน้านั้นเราไม่รู้   แม้แต่การที่สสารที่ใช้สร้างจักรวาล  รวมทั้งเวลาและที่ว่าง  (space-time)  รวมทั้งขอบเขตหรืออาณาบริเวณของจักรวาลไม่ว่าจะมีขอบหรือไม่มีขอบ  (boundary-edge)  จะมารวมอัดกันแน่นภายในจุดที่เล็กว่าอะตอม  -  เรียกกันว่า  ซิงกูลาริตี้  (singularity)  ก็เป็นเรื่องที่คาดเดาเอาและยอมรับกันเช่นนั้น  ทฤษฎีหลากหลายนับเป็นสิบๆ  ทฤษฎีที่พยายามค้นหากันนั้น  เนื่องจากไปคิดว่าอนุภาค  "ต้อง"  เป็นจุดเป็นเม็ด  (point)  เท่านั้น  จึงเหลือแต่ทฤษฎีสตริงที่ค้นพบประมาณปี   1990  ที่ไม่เป็นจุดๆ  หรือเป็นเม็ด  แต่ยืดยาวเป็นสาย  และมีความสิ้นสุดเสียด้วย  ทฤษฎีสตริงที่เหลือเพียงทฤษฎีเดียวจึงกลายเป็นมีทางที่จะเป็นที่มาของทฤษฎีแรกสุดทฤษฎีนั้น   สตริงได้พัฒนามาเป็นทฤษฎีซูเปอร์สตริง  และเป็นเอ็ม-ธีออรี่  และกลายเป็นทฤษฎีเดียวที่มีเค้าอย่างที่สุดที่จะเป็นทฤษฎีแรกของธรรมชาติหรือของฟิสิกส์ที่ว่านั้น  จริงๆ  แล้วแรงที่รวมแรงทั้งสี่แรงทางฟิสิกส์หรือทฤษฎีที่สามารถอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลหรือธรรมชาติได้ทั้งหมดนี้  เพื่อนของผู้เขียนนักฟิสิกส์จากออกซ์ฟอร์ด  ดร.ริชาร์ด  เอลลิส  โดยเขียนจดหมายไปถึงเพื่อนของเขา  นักฟิสิกส์ร่วมชั้นร่วมมหาวิทยาลัยที่เป็นหัวหน้าของเซิร์น  (CERN)  ที่สวิตเซอร์แลนด์  โดยเชื่อว่าพลังงานหรือแรงที่สามารถรวมแรงของธรรมชาติทั้งสี่แรง  (คือแรงดึงดูด  แรงแม่เหล็กไฟฟ้า  แรงนิวเคลียร์อย่างแข็ง  และแรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน)  ให้ประสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวกัน  นั่นคือแรงจิต  พลังงานจิตหรือพลังงานของพระเจ้า  (Spirit)  นั่นเอง  ในจดหมายของเขา  เขาได้เขียนวิธีที่เขานำพลังจิตมาใช้ในการรักษาโรค  รวมทั้งโรค   HIV/AIDS  ซึ่งไม่เพียงแต่อาการหายเท่านั้น  แต่เลือดยังมี  HIV  เป็นลบด้วยอยู่  2  คน  จาก  6  คน  ที่รักษาที่เชียงราย  เมื่อปี  2550

     ในพุทธศาสนาของทิเบต  คำว่าที่ว่าง  (space)  -  ตามที่ผู้เขียนเข้าใจ  -  มีอยู่สองชั้นหรือสองระดับ  คือ  ชั้นหนึ่ง  หรืออัลติเมต  (primary  or  ultimate  or  primordial)   กับเซ็กกันดารี่  หรือชั้นสอง  (secondary)  ชั้นสองที่ให้ธรรมธาตุ  ซึ่งได้แก่  รูปฟอร์ม  ส่วนอรูปทั้งหลาย  (เช่น  แสงกับรูปเหมือนดาวที่ระยิบระยับในชั้นอรูปพรหมและสุทธากาศ)   นั่นคือ  อะไรที่มีกายวัตถุที่ประกอบด้วย  ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ที่ว่างที่เรารู้จักและเวลา  (relative  space-time)  ล้วนเกิดจากชั้นเซ็กกันดารี่ทั้งนั้น   ส่วนที่ว่างอีกระดับหนึ่งในทางพุทธศาสนาคือที่ว่างชั้นแรก  หรือชั้นอัลติเมตนั้นจะประกอบด้วยสองส่วน  "ที่เป็นประหนึ่งส่วนเดียวกัน"   อัน  แยกออกจากกันไม่ได้  ส่วนหนึ่งคือ  จิตปฐมภูมิหรือญาณ  (primordial  consciousness)  หรือวิญญาณชั้นหรือระดับบนสุด  -  จงอย่าไปสับสนกับวิญญาณระดับล่าง  เช่น  ตัวรู้  หรือวิญญาณขันธ์  และต้องไม่ไปสับสนกับคำว่าวิญญาณในศาสนาคริสต์  คำว่า  soul)  และอีกส่วนหนึ่งก็คือพลังงานปฐมภูมิ  หรือญาณะปราณ  ฉะนั้น  จิตปฐมภูมิหรือญาณอันแยกออกจากกันไม่ได้จากพลังงานปฐมภูมิหรือญาณะปราณ  -  ในสายตาของผู้เขียน  -  จึงคือแรงที่ห้าที่รวมแรงทั้งสี่ทางฟิสิกส์  (ธรรมชาติ)  อย่างไม่มีข้อสงสัย  นั่นแสดงว่า  พุทธศาสนาได้ค้นพบกฎของธรรมชาติก่อนหน้าวิทยาศาสตร์หรือทฤษฎีควอนตัมถึง  2,500  ปี  นั่นแสดงว่า  ดร.ริชาร์ด  เอลลิส  เพื่อนของผู้เขียนที่กล่าวมาข้างต้นนั้นได้ก้าวย่างมาถูกทิศทางในด้านการปฏิบัติแล้ว  โดยไม่ต้องผ่านเส้นทางคณิตศาสตร์-ทฤษฎีซูเปอร์สตริง  และเอ็ม-ธีออรี่เลยแม้แต่น้อย  ส่วนเรื่องของพลังหรือแรงจิตที่แยกออกจากกันไม่ได้ในพุทธศาสนา  กับพระเจ้าในศาสนาที่มีพระเจ้านั้น  -  สำหรับผู้เขียนแล้ว  ไม่ได้มีความหมายทางอภิปรัชญาและจิตวิทยาผ่านพ้นตัวตนหรือจิตวิทยาจิตวิญญาณ  (transcendent  or  spiritual  psychology)  เลย

     บทความของวันอาทิตย์ที่แล้ว  จิตวิญญาณ  -  เมื่อแก่นแกนของศาสนากับวิทยาศาสตร์พบกัน  เนื้อหาสาระส่วนหนึ่งได้กล่าวถึงจักรวาลวิทยาใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาประมาณสิบปีเท่านั้น  จากทฤษฎีสตริงที่พัฒนาเป็นทฤษฎีซูเปอร์สตริงและเอ็ม-ธีออรี่  ล้วนแล้วแต่ได้ตอกย้ำให้นักฟิสิกส์ทฤษฎีส่วนใหญ่รับทราบถึงความเป็นไปได้อย่างยิ่งของจักรวาลที่มีเยอะแยะไปหมด  และเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จักรวาลของเราจักรวาลนี้ได้ถูกซ้ำซ้อนด้วยมิติหรือจักรวาลที่มีเยอะแยะเหล่านั้น  มิติ  (dimensions)   ที่มีถึง  10  มิติ  (11  รวมมิติแห่งเวลา)  ทั้งเข้าใจว่าพวกตนได้พบทฤษฎี   (ซูเปอร์สตริง)  ที่อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้เรียบร้อยแล้ว  หรือเชื่อว่าได้ค้นพบทฤษฎีที่รวมแรงทั้งสี่แรงทางฟิสิกส์  คือ  แรงการโน้มถ่วง  แรงแม่เหล็กไฟฟ้า  แรงนิวเคลียร์อย่างแรง  และแรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน  หรือจะพูดว่าเป็นการรวมกันของสสารวัตถุ  (matter)   ทั้งหมดเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันก็ได้  (grand  unified  theory  or  GUT)  ที่พวกตนได้ค้นหามานาน  รวมทั้งไอน์สไตน์ซึ่งได้ใช้เวลาถึงสามสิบปีเพื่อหามัน  จนต้องเลิกล้มไปในที่สุด  แต่ไม่ใช่นักฟิสิกส์ทุกคนเชื่อเช่นนั้น  สาเหตุที่ยังไม่เชื่อ  เนื่องจากทฤษฎีซูเปอร์สตริงกับเอ็ม-ธีออรี่เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์แต่เพียงอย่างเดียว  โดยยังไม่มีการสนับสนุนจากการทดสอบจากห้องทดลอง  แต่ผู้เขียนเชื่อ  เพราะมิติที่ได้มาจากทฤษฎีซูเปอร์สตริงมันสอดคล้องกับนรกและสวรรค์ที่มีในทุกๆ  ศาสนา  และทุกๆ  ลัทธิความเชื่อ  โดยเฉพาะพุทธศาสนาที่อธิบายนรกและสวรรค์ชั้นต่างๆ   ไว้อย่างละเอียด  และสอดคล้องต้องกันกับวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่อย่างที่สุด  ที่สำคัญยังสอดคล้องกับจิตวิทยาสมัยปัจจุบันที่มองว่าจักรวาลและโลกเรามีทั้งกายและจิต  และต่อไปนี้ก็ยังมีวิวัฒนาการทางจิตแต่อย่างเดียว  เพราะว่าวิวัฒนาการของกายได้สิ้นสุดลงไปแล้ว

     สมมุติว่าเราเชื่อมิชิโอะ   กากุ  และนักฟิสิกส์ใหม่ส่วนหนึ่งที่มีจำนวนไม่น้อยว่าจักรวาลมีเยอะแยะไปหมด   จักรวาลของเราที่ก่อนหน้านี้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น  หรือจะพูดง่ายๆ  ว่าจักรวาลนั้นมีหลากหลายและมากมายเหมือนพวงองุ่น  (multiverse)  อันตรงกับที่คณิตศาสตร์ของทฤษฎีซูเปอร์สตริงหรือทฤษฎีการรวมแรงทั้งหมดเข้าด้วยกัน   (GUT)  หรือทฤษฎีที่สามารถอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง  (TOE)  ได้นั่นเอง  ทั้งยังตรงกับพุทธศาสนาที่มีว่า  "อนามัตตะโก  ยามัง   สังสาโร  บัพโฆติ   นะ   ปัญญายาติ"  จักรวาลมีจำนวนนับไม่ได้   ทั้งไม่มีการเกิด  การสิ้นสุด.
 
http://www.thaipost.net/sunday/180410/20948

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : การแพทย์องค์รวมที่บูรณาการจริง ๆ
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 1 2203 กระทู้ล่าสุด 17 มกราคม 2554 00:15:27
โดย หมีงงในพงหญ้า
ความทรงจำนอกมิติ : จิตปฐมภูมิในพุทธศาสนา กับ สนามแห่งรูป
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2915 กระทู้ล่าสุด 16 มกราคม 2554 10:07:06
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : แสงกับความว่างเปล่าหรือสุญตา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1908 กระทู้ล่าสุด 23 มกราคม 2554 08:21:18
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : จิต-สมองจักรวาลคือจักรวาลวิทยาใหม่ที่สุด
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2068 กระทู้ล่าสุด 30 มกราคม 2554 05:46:17
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : สมาธิ-สะกดจิตตัวเองกับอภิญญาจิตวิญญาณ
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 1755 กระทู้ล่าสุด 08 กุมภาพันธ์ 2554 08:42:05
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.468 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 17 มีนาคม 2567 19:08:08