[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 18:42:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: น้าแม๊คพาเที่ยว ขึ้นเหนือแอ่วเมืองเจียงใหม่ ภาค ๒ ดอยสุเทพ  (อ่าน 22433 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.205 Chrome 10.0.648.205


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 25 เมษายน 2554 00:41:53 »




<a href="http://www.sookjai.com/external/chaingmai.mp3" target="_blank">http://www.sookjai.com/external/chaingmai.mp3</a>

เปิดเพลงให้เข้ากับบรรยากาศ : เพลงสาวเชียงใหม่

น้าแม๊คกับแฟน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกการมาดอยสุเทพครั้งนี้
ประทับใจ หมอกลงวันสงกรานต์ แทนที่เที่ยงแล้วแดดจะเปรี้ยง ๆ แต่นี่กลับอากาศดีมาก

แฟนผมน่ารักไหมครับ  หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เมษายน 2554 18:34:37 โดย Mckaforce » บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.205 Chrome 10.0.648.205


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 25 เมษายน 2554 00:48:32 »




องค์พระธาตุดอยสุเทพอีกมุมหนึ่งครับ

ต่อไปนี้ก็จะเป็นภาพบรรยากาศรอบพระธาตุดอยสุเทพครับ
สวยงาม ตระการตา และเนืองแน่นไปด้วยผู้คน






ที่นี่คนเยอะมากครับ คนเรียงรายต่อคิวเข้าไปวนรอบพระธาตุครับ
ซึ่งในการสักการะพระธาตุนั้น ผู้คนต่างก็เตรียมข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียนมาต่อคิวเดินเวียนขวา 3 รอบ
พร้อมกล่าวคำบูชาพระธาตุดอยสุเทพ

สุวัณณะเจติยัง เกสะวะระมัค ถะลงคะอะรัญญะธาตุ
สุเทวาทิหินะ ระเห เวหิสัพพะ ปูชิตัง
อะหังวันทามี สัพพะทา ฯ


ส่วนบางคนที่ไม่ได้ต่อคิวไปเวียนชั้นใน ก็เดินกันเอารอบนอกนี่แหละ ผู้คนจึงเบียดเสียดกันพอสมควร


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เมษายน 2554 16:39:27 โดย Mckaforce » บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.205 Chrome 10.0.648.205


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 25 เมษายน 2554 16:47:00 »






บรรยากาศรอบ ๆ ด้านนอก (เขตกำแพงรอบนอก)




ระฆังใบน้อย ๆ ครับ มีคนเอามาแขวนกันเต็มเลย ผมเห็นมีขายตรงทางเข้า กับด้านล่าง
เพิ่งรู้ว่าเค้าเอามาแขวนกันที่นี่ น่าจะเป็นความเชื่อครับ เหมือนทำบุญร่วมกัน
เพราะผมเห็นที่ระฆังทุกใบจะมีชื่อหนุ่มสาวมาเขียนแล้วร้อยคล้องกันไว้ก่อนนำไปแขวน


บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.205 Chrome 10.0.648.205


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 25 เมษายน 2554 17:17:31 »





สำหรับใครที่เวียนรอบพระธาตุองค์จริงมาแล้ว แล้วอยากสรงน้ำพระธาตุ
ข้าง ๆ กันก็มีพระธาตุองค์เล็กให้ได้สรงน้ำกันครับ มีน้ำเตรียมไว้ให้
ตรงนี้คนก็ต่อคิวกันเยอะครับ พอสรงกันเสร็จ ก็เอามือจุ่มน้ำที่ไปขัง ๆ บริเวณฐาน
เอามาประพรมหัวเป็นศิริมงคลครับ ผมก็ทำกะเค้าเหมือนกัน




ภาพนี้ผมถ่ายกลีบดอกบัวที่ติดอยู่ที่ฐานของพระธาตุจำลองครับ ท่ามกลางสายตาหลาย ๆ คน
ที่ยืนรอด้านหลัง เค้าอาจจะคิดนะครับ "เมื่อไหร่มึงจะถ่ายเสร็จ กูจะสรงน้ำ !!"
คือเค้าสรงน้ำกันไม่ได้ครับ เพราะผมเอากล้องไปจ่อไว้ สรงมากล้องเปียกแน่

และที่จุดนี้ก็เกิดอีกหนึ่งความประทับใจครับ ที่นี่คนมีระเบียบมาก เห็นพระธาตุจำลองไหมครับ
เค้าต่อแถวเรียงหนึ่งแล้วมาสรงกันนะครับ ทั้ง ๆ ที่มีที่ให้ยืนสรงได้รอบ แต่เค้าเลือกที่จะรอครับ
นึกภาพถ้าเป็นหลาย ๆ ที่ในเมืองไทย แน่ละรวมถึงแถวบ้านผมด้วย คนจะแห่กันมาจากรอบด้าน
แล้วรุมกันตรงกลาง คนนอกก็ดันเข้า คนในก็ออกไม่ได้ แต่กับที่นี่ระเบียบสุดยอด ประทับใจครับ

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.205 Chrome 10.0.648.205


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 25 เมษายน 2554 17:25:10 »






เก็บตกบรรยากาศรอบ ๆ ให้ได้ชมครับ

 ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม


บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.205 Chrome 10.0.648.205


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 25 เมษายน 2554 18:03:29 »

ก่อนออกจากจุดนี้ มาชมศิลปะแบบล้านนากันครับ





ลวดลายแบบนี้พบได้แค่เฉพาะศิลปะทางเหนือครับ (มีผู้รู้ท่านบอกมาแบบนี้)




ภาพวาดข้างบานประตูขาออกครับ มีรอยร้าว ไม่รู้เกี่ยวกับที่แผ่นดินไหวที่เชียงใหม่
เมื่อเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า






บานประตูครับ ลวดลายงาม ๆ ของทวารบาล ไหน ๆ ก็กล่าวถึงทวารบาลแล้ว
มาดูกันครับว่า "ทวารบาล" คือใคร มีที่มาอย่างไรแน่

“ทวารบาล” ผู้พิทักษ์รักษาประตู

หนังสือทวารบาลผู้รักษาศาสนสถาน ที่จัดทำเผยแพร่ขึ้นโดยพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรมศิลปากร
กระทรวงวัฒนธรรม เขียนไว้ว่า “ทวารบาล” มาจากคำว่า “ทวาร” ที่แปลว่า “ประตู” และ “บาล”
ซึ่งแปลว่า “รักษา, ปกครอง”

“ทวารบาล” จึงมีความหมายว่า “ผู้รักษาประตู” ซึ่งจากคำแปลก่อให้เกิดการตีความต่อประติมากรรม
ประเภททวารบาล ว่าคือ รูปของสัตว์ อสูร เทพ เทวดา และมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตาม
ที่ตั้งอยู่บริเวณบานประตู ช่องทางผ่านเข้าออก ช่องหน้าต่าง หรือราวบันได แต่หากประติมากรรม
ชนิดเดียวกันนี้ไปตั้งอยู่บริเวณอื่นที่มิใช่ประตู หรือช่องหน้าต่าง หรือทางเข้าออก ก็ไม่สามารถจะกล่าว
ว่าเป็นทวารบาลได้

สำหรับกำเนิดของการสร้างทวารบาลนั้น น่าจะเกิดจากความเชื่อว่า “ผี” เป็นผู้กระทำให้เกิดสิ่งต่างๆ
เหนือธรรมชาติ และได้รับการพัฒนามาเป็นความเชื่อในเรื่องของเทวดาโดยได้รับอิทธิพลจากอินเดีย
ทั้งศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ โดยทางศาสนาฮินดูนั้นได้ก่อเกิดเทพเจ้าต่างๆ ขึ้น

โดยกำหนดให้เขาไกรลาส หรือเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของจักรวาล อันจะรายรอบไปด้วยป่าหิมพานต์
มีพระอิศวรเป็นใหญ่ และมีเทพชั้นรองทำหน้าที่พิทักษ์ผู้รักษาประตู หรือทางเข้าสู่เขาไกรลาสทั้งแปดทิศ
ซึ่งเทพเจ้าในศาสนาฮินดูไม่จำกัดรูปร่าง จะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ ตามแต่ความเชื่อ
ซึ่งสัตว์ที่ไม่มีในโลกมนุษย์เรียกว่า “สัตว์หิมพานต์” ที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ เชิงเขาไกรลาส
ที่ถือเป็นดินแดนแห่งเทพเจ้า

จากคติความเชื่อเทพผู้พิทักษ์รักษาประตูนี้ ได้นำมาใช้กับงานประติมากรรม สถาปัตยกรรม และจิตรกรรม
ด้วยเหตุที่ชาวฮินดูต้องการให้มีเทพปกปักรักษาสถานที่สำคัญทางศาสนา เนื่องจากมนุษย์ทั่วไป
ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะป้องกันภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา ทั้งนี้ เนื่องจากศาสนสถานเหล่านั้น
สร้างขึ้นตามคติว่าเป็นสถานที่อันเทพเจ้าสูงสุดประทับอยู่ จึงได้จำลองเขาไกรลาสมาไว้ยังโลกมนุษย์
แล้วเกิดคติการสร้างทวารบาลขึ้นมา

จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา ประธานชมรมสยามทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ กล่าวถึงทวารบาล
ตำนานของอินเดีย ว่า “ในยุคบรรพกาล พวกอสูรกับเทวดามักจะรบกันอยู่เสมอๆ แต่ว่าพวกอสูร
จะเกรงกลัวพระอินทร์มาก เนื่องจากพระอินทร์ถือสายฟ้า (วชิราวุธ) และพระอินทร์ท่านก็เห็นว่า
พวกเทวดาที่เป็นบริวารหวาดกลัวพวกอสูร จึงให้วาดรูปพระอินทร์ไว้ตามประตูสวรรค์”

“ส่วนตามคติความเชื่อของไทยเองก็ถือว่าพระอินทร์เป็นผู้รักษาพระศาสนาด้วยเช่นกัน ด้วยความคิดนี้
จึงเกิดมีการผสมผสานขึ้นมา เพราะคนไทยเป็นชาติที่ไม่ลอกเขา แต่เราชอบเลียนเขา
คือเราไม่ได้ลอกเขามาทั้งหมด แต่เราจะดูว่าแบบของเขาเป็นอย่างไร ส่วนของเราคิดอย่างไร
แล้วค่อยมาผสมกัน ก็เลยเกิดเป็นทวารบาลหลายรูปแบบขึ้นมา มีทั้งเทวดาถือพระขรรค์
เทวดาไทยผสมจีน (เซี่ยวกาง) หรือถือพวกอาวุธต่างๆ ขี่กิเลนบ้าง ขี่สิงห์บ้าง แบบแผนตรงนี้
ตามศาสนสถานหลายแห่งต่างก็มีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป”

นอกจากจะรับอิทธิพลมาจากอินเดียแล้ว ไทยเรายังรับเอาอิทธิพลของทวารบาลมาจากจีนด้วยเช่นกัน
สำหรับตำนานทวารบาลของจีนนั้น สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัย “พระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้”
ซึ่งตามตำนานเล่าว่า ในยุคของพระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้ “พญาเล่อ๋อง” เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ให้ฝนแก่ชาวโลก
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดเพลินให้ฝนมากเกินไป ส่งผลทำให้น้ำท่วม ราษฎรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
เมื่อ “เง็กเซียนฮ่องเต้” รู้เข้าก็โกรธพร้อมกับสั่งให้ “งุยเต็ง” จัดการประหารพญาเล่อ๋องเสีย
ทางฝ่ายพญาเล่อ๋องก็หาทางที่จะรักษาชีวิตของตนเองไว้ โดยได้สืบทราบมาว่า งุยเต็งนั้น
มีชีวิตอยู่สองภาค คือ ภาคมนุษย์ รับราชการอยู่กับพระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้ ส่วนภาคสวรรค์
ทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาต จึงได้ไปเข้าฝันพระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้ ให้ช่วยบอกกล่าวกับงุยเต็ง
ขออย่าให้ประหารชีวิตตน ซึ่งพระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้ก็รับปาก โดยในคืนประหารก่อนบรรทม
จึงให้งุยเต็งเข้าเฝ้า แล้วออกอุบายชวนเล่นหมากรุกกันหลายกระดานเพื่อไม่ให้งุยเต็งหลับ
แต่ว่างุยเต็งก็เผลองีบหลับไป โดยช่วงที่งีบนั้นงุยเต็งได้ละเมอคำว่า “ซัว” ที่หมายถึง ฆ่า
ขึ้นมาก่อนสะดุ้งตื่นมาเล่นหมากรุกต่อ
พระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้ เมื่อเห็นงุยเต็งตื่น ก็สอบถามว่าช่วงที่งีบไปละเมอเห็นอะไรบ้าง งุยเต็งก็เล่า
ความฝันเรื่องไปประหารพญาเล่อ๋องบนสวรรค์ให้ฟัง เมื่อพระเจ้าถังไท้จงฯ รู้เรื่องดังนั้น ก็ทรงเสียพระทัย
ที่ไม่สามารถทำตามที่รับปากกับพญาเล่อ๋องไว้ได้
ทางฝ่ายพญาเล่อ๋องเมื่อตายไป วิญญาณก็โกรธแค้นพระเจ้าถังไท้จงฯ อย่างมาก ในทุกๆ คืน
จึงมาคอยรังควานพระเจ้าถังไท้จงฯ ในวังหลวง ทำให้พระองค์พักผ่อนได้ไม่เพียงพอ แล้วเกิดประชวร
บรรดาแพทย์พยายามรักษาจนสุดความสามารถก็ไม่หาย ในเวลานั้นทหารเอก 2 คนคือ “อวยซีจง”
และ “ซินซกโป้” ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าถังไท้จงฯ เป็นอย่างมาก ได้รับอาสา
เฝ้าพระทวารห้องบรรทมมิให้พญาเล่อ๋องมารบกวนได้ แต่นานวันเข้าทหารทั้ง 2 ก็เจ็บป่วยเสียเอง
เนื่องจากตอนกลางคืนต้องยืนยาม ส่วนกลางวันก็ต้องทำงาน
พระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้ จึงออกอุบายเรียกช่างฝีมือดี มาเขียนภาพทหารทั้งสองขึ้นที่บานประตู
ห้องพระบรรทมบานละคน โดยให้มีขนาดใหญ่เท่าตัวจริง มือถืออาวุธ หน้าตาถมึงทึง ทำให้เหมือนกับว่า
ทหารทั้งสองยืนยามเฝ้าประตูอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เพราะหลังจากนั้นวิญญาณ
พญาเล่อ๋องก็ไม่มารบกวนพระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้อีกเลย

นับตั้งแต่นั้นมาคติความเชื่อการเขียนทวารบาลก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในเมืองจีน ก่อนจะแผ่อิทธิพล
มาถึงเมืองไทยจนกลายเป็นงานศิลปะไทยที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งสันนิฐานกันว่า
มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว โดยตอนแรกๆ ยังคงมีอิทธิพลของจีนอยู่ สำหรับทวารบาลแบบจีน
ที่ไทยนำมาและนิยมกันก็คือ “เซี่ยวกาง” มีลักษณะเป็นนักรบจีนหนวดยาวหน้าตาขึงขัง
คำว่าเซี่ยวกาง สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “เซ่ากัง” ที่แปลว่า ยืนยาม นั่นเอง

จุลภัสสร อธิบายเพิ่มเติมว่า คติของการมีเทพผู้พิทักษ์ประตูหรือการตั้งสิ่งที่ดูน่าเกรงขามน่ากลัว
ในการป้องกันศาสนสถานมีมาตั้งแต่โบราณแล้ว ไม่ได้มีแต่เฉพาะที่จีนหรืออินเดียเท่านั้น ทางกรีซ
โรมัน ก็มีความเชื่อในเรื่องผู้พิทักษ์เช่นกัน เพราะพวกเขาต่างก็เชื่อว่าสถานที่ต่างๆ บางครั้ง
จะมีสิ่งที่ชั่วร้ายหรือสิ่งอัปมงคลต่างๆ มารบกวน ด้วยเหตุนี้จึงนิยมสร้างผู้พิทักษ์เป็นรูปปั้นบ้าง
ใช้เป็นรูปสลักบ้าง หรือเป็นรูปวาดบ้าง เพื่อใช้ในการป้องกันศาสนสถานนั้นๆ





ขอบคุณที่มาความรู้เรื่องทวารบาลจาก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=19804&f=24
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.205 Chrome 10.0.648.205


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 25 เมษายน 2554 23:12:30 »


หลังพาชมโดยรอบแล้วก็ลงมากันดีกว่า



นายแบบกิติมศักดิ์ หล่อไหม ? สังเกตดูตามแมกกาซีน พวกนายแบบนา่งแบบไม่ค่อยมองกล้อง
หรือมองก็มองแบบไม่จงใจ 555+ เป็นอันว่าผ่านครับ (แซวพ่อจะตกนรกไหม ? 555+)




มองย้อนกลับไปที่ทางเข้า ... มีผู้คนรอเข้าไปอีกมากมายคนแน่นเอี้ยด
นึกแล้วก็ สมน้ำหน้า เอ๊ย นึกแล้วก็ว่าเออ ดีนะเรามาไว ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้




รูปปั้นพญาช้างเผือกคชวรมงคล ที่บริเวณรอบกำแพงด้านนอกของพระธาตุดอยสุเทพครับ
ช้างตามตำนานที่ผมกล่าวไว้แล้วข้างต้นนั่นหละครับ








ขาขึ้น ขึ้นรถราง ขาลง ลงบันได บันไดนี้เค้าว่ามีประมาณสามร้อยขั้น ผมเองก็ไม่ได้นับครับ




อันนี้เป็นคุณป้าที่เจอมาระหว่างทางขึ้นดอย ป้าแกเดินเคี้ยวหมาก ถือไม้เท้าอันนึง เดินตามถนน
เพื่อขึ้นมาไหว้พระธาตุที่ยอดดอย พอดีเจอเข้าเลยแวะรับป้าแกมา อ่ะเจ๊ย ไม่ใช่ครับ
อันนี้แฟนน้าแม๊คครับ ให้ถ่ายตรงบันไดไว้เป็นที่ระลึก ครั้งหนึ่งเคยขึ้นดอยสุเทพ และได้มาที่
บันไดนาคที่ใช้ขึ้นไหว้พระธาตุมาแต่อดีต




"พี่ค๊า น้าค๊า ช่วยถ่ายรูปกับหนูหน่อย... เท่าไหร่ก็ได้ค่า" เสียงเจื้อยแจ้วแหลมเล็กกระทบหูผม
หันไปมองต้นเสียง เจอเด็กตัวน้อยกะป๋อยนึง น่าเอามาชุบแป้งทอดแล้วกินน่าจะอร่อยดี (ไม่ใช่แล้ว)
เอาเป็นว่าผมยืนดูน้องเค้าพักนึง ทีแรกว่าจะให้ตังน้องเค้าไปเปล่า ๆ แต่น้องเค้าวิ่งไปไหนไม่รู้
จริง ๆ แล้ว น้องเค้าอาจหาเงินวัน ๆ นึงได้มากกว่าที่ผมคิด แต่เพราะน้องเค้าน่ารักมั้ง ประกอบกับที่ว่า
เห็นน้องเค้าแหกปากอยู่นาน ไม่มีใครมาถ่ายรูปด้วยซักที เลยใจอ่อนจะควักตังให้
แต่เจ้ากรรมหันมาอีกทีน้องแกวิ่งไปไกลแล้ว เลยไม่ได้ตาม ...
เอ... หรือว่าน้องเค้าเห็นว่าผมมายืนอยู่นาน หน้าตาไม่น่าไว้วางใจ เค้าเลยวิ่งหนี
ฮ่า ๆ ๆ ๆ


มาถึงตอนนี้หลายคนอาจสงสัยนะครับ ว่าเอ๊ะ พอขึ้นมาข้างบนแล้วแม่ผมหายไปไหน
นั่นสิครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าแม่หายไปไหน ทีแรกผมยังกลัวแม่จะหลงทาง
หาทางออกไม่เจอด้วยซ้ำ แต่พอลงมาเจอพ่อ พ่อบอกแม่แกอยู่ในร้านหนังสือก็โล่งใจ
นึกว่าต้องประกาศตามหาแม่ซะแล้ว...
แม่ผมโลกส่วนตัวสูงครับ ชอบไปเที่ยววัด แต่พอเข้าวัดปุ๊บ ถ้าเจอร้านหนังสือ หรือขายซีดี
แม่จะแวะแล้วตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกทันที เป็นสาเหตุให้ผมไม่ได้ถ่ายรูปแม่ครับ


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น


เบื่อกันหรือยังครับ กับซีรี่ย์ท่องเที่ยวตอนยาว น้าแม๊คพาเที่ยวเชียงใหม่
ผมเล็ง ๆ ไว้มีประมาณ 6 ตอน ถ้าไม่เบื่อก็ติดตามกันต่อได้ครับ
ท่องเที่ยวทั่วไทย ได้ความรู้คู่สุขใจ โดย น้าแม๊ค





จบ !!

น้าแม๊คพาเที่ยว
ขึ้นเหนือแอ่วเมืองเจียงใหม่

ภาค ๒ ดอยสุเทพ


...



โปรดติดตามตอนต่อไปกับ: น้าแม๊คพาเที่ยว ขึ้นเหนือแอ่วเมืองเจียงใหม่ ภาค ๓ วัดอุโมงค์



บุญรักษา สวัสดี ตลก ตลก ตลก
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: น้าแม๊ค เที่ยว พาเที่ยว เชียงใหม่ เจียงใหม่ เดินทาง ท่องเที่ยว 
หน้า:  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
น้าแม๊คพาเที่ยว ขึ้นเหนือแอ่วเมืองเจียงใหม่ ภาค ๑ การเดินทาง
สุขใจ ไปเที่ยว
หมีงงในพงหญ้า 15 15141 กระทู้ล่าสุด 19 เมษายน 2554 13:05:55
โดย หมีงงในพงหญ้า
น้าแม๊คพาเที่ยว ขึ้นเหนือแอ่วเมืองเจียงใหม่ ภาค ๓ วัดอุโมงค์ « 1 2 »
สุขใจ ไปเที่ยว
หมีงงในพงหญ้า 20 19046 กระทู้ล่าสุด 18 พฤษภาคม 2554 07:04:53
โดย beam
น้าแม๊คพาเที่ยว ขึ้นเหนือแอ่วเมืองเจียงใหม่ ภาค ๔ พระธาตุดอยคำ - งานพืชสวนโลก
สุขใจ ไปเที่ยว
หมีงงในพงหญ้า 10 14714 กระทู้ล่าสุด 23 มิถุนายน 2554 23:02:02
โดย หมีงงในพงหญ้า
น้าแม๊คพาเที่ยว - ดำน้ำ dsd ที่เกาะเต่า
สุขใจ ไปเที่ยว
หมีงงในพงหญ้า 14 8707 กระทู้ล่าสุด 26 ตุลาคม 2558 14:11:20
โดย หมีงงในพงหญ้า
ครูบาศรีวิชัย “นั่งหนัก” ในการสร้างถนนขึ้น “ดอยสุเทพ”
สุขใจ ห้องสมุด
ใบบุญ 0 702 กระทู้ล่าสุด 24 พฤศจิกายน 2563 20:15:30
โดย ใบบุญ
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.318 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 14 เมษายน 2567 23:38:29