ตอบ อ.บางครั้ง รอบที่สี่ครับ
คำตอบเดิมครับ ผมยอมทำ 100 แผ่นเพื่อให้ถึงมือคนแม้เพียงห้าคนสิบคน
และผมก็ยอมทำเป็นพันแผ่น เพื่อให้ถึงมือผู้รับที่มากขึ้น
ผมทำด้วยใจที่ทำแล้วมีความสุข ไม่เคยมองว่ามันเหนื่อย ไม่เคยมองว่าทำแล้วทุกข์
ไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังอดหลับอดนอนเพื่อสิ่งที่ไม่เกิดคุณค่า
พูดตรง ๆ ครับ มีคนฟังแค่สองสามคนจากแผ่นนับร้อยนี่ผมก็ดีใจแล้ว
ได้ทำ ดีกว่าไม่ลงมือทำ ถึงน้อย ดีกว่าไม่ถึงเลย ทำแล้วไม่ได้หวังอะไรครับ
คิดแค่ว่าได้ทำ ผมไม่ใช่นักการเมืองนะครับ ที่มองเป็นเรื่องของการลงทุน
ผมลงทุนทำ ไม่ใช่การเอาเงินไปซื้อบุญ แต่ผมทำ เพราะตัวผม ใจผมอยากทำ
ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ผมก็สบายใจที่ได้ทำ
ไม่ว่าจะโดนเอาไปขายต่อหรือไม่ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะถ้าคนนำไปโดยมิชอบ
อันนั้นก็เป็นเรื่องของเวรของกรรมที่เกิดกับตัวเค้า
ถ้าเอาไปเค้าเอาไปแจกต่อ อานิสงส์ก็เกิดกับเค้า
มันก็แค่นั้นเองครับ...
ไม่งั้นหนังสือสวดมนต์ที่เห็นได้ทั่วไป คนเค้าจะเอามาวางกันทำไมหละครับ
เพราะวางไว้จะมีคนมาหยิบไปอ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพราะวางไว้จะมีคนเอาไปขายต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้
จะได้บุญจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะบุญเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้
แต่ผมเชื่อว่าคนที่ทำแบบเดียวกันนี้ ก็คงมีไม่มากก็น้อยที่คิดแบบผม
เราสำเร็จแล้วซึ่งธรรมทานที่เราทำ ส่วนสิ่งที่เราทำไว้ เค้าจะเอาไปทำอะไรต่อนั่นคือส่วนของเขา
เหมือนผมเอาท่อนไม้ไปวางไว้กลางหมู่บ้าน
ถ้ามีคนเอาไปแกะสลักขาย ได้เงินมาจุนเจือตัวเอง และครอบครัว นั่นคือผลดีที่เค้าได้รับ
แต่ถ้ามีคนเอาไปแกะสลักขายเหมือนกัน แต่ได้เงินมา เอาไปซื้อยาบ้า นั่นก็คือผลที่เค้าจะได้รับ
ตอนนี้เหมือนผมกำลังไล่ตัดไม้เพื่อนำไปวางไว้กลางหมู่บ้าน
ผมไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันอาจถูกนำไปใช้ในทางที่เกิดประโยชน์ มันอาจถูกนำไปใช้
ในทางที่เกิดโทษ หรือ มันอาจถูกนำไปทิ้งโดยไม่เกิดอะไรเลย
แต่เชื่อเถอะครับว่าผมจะไม่รู้สึกแม้แต่นิดเดียวว่าสิ่งที่ผมทำมานั้นมันเหนื่อยฟรี ๆ หมดเงินฟรี ๆ