[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
04 ธันวาคม 2567 08:01:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธองค์ตรัสสอนเรื่องโทษของการเป็นชู้  (อ่าน 4018 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7865


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 16.0.912.77 Chrome 16.0.912.77


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555 12:29:30 »

โทษของการเป็นชู้



๑) ทุกข์ทางใจ

จิตที่เป็นปกติสุขไม่อาจคิดลงมือคบชู้ การจะคบชู้ได้ต้องใช้จิตที่เป็นทุกข์เท่านั้น
เพราะรู้ ๆ กันทั้งโลก ทุก ชาติทุกภาษา ว่าเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องบาดใจ
แม้แต่การแตะเนื้อต้องตัวคนมีเจ้าของด้วยความกำหนัด ก็นับว่าสมควรอดสูใจได้แล้ว
เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าจะมากหรือน้อยก็เป็นการล่วงละเมิดสมบัติต้องห้ามของผู้อื่นอยู่ดี


ฝ่ายหญิงมีรูปเป็น ทรัพย์ เมื่อยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ก็ต้องถือว่า
ทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ปกครองเลี้ยงดู
แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นในสังคมประชาธิปไตยที่ชายหญิงต่างเลี้ยงดูตนเองได้
อันนำไปสู่การมีสิทธิเท่าเทียมกัน ชายหญิงต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วม
กล่าวคือ นับแต่การหมั้นหมายประกาศจองตัวกันและกันอย่างเป็นทางการ
ให้นับว่า ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ในร่างกายของอีกฝ่ายเสมอกัน
ห้ามฝ่ายใดละเมิดสัญญาด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น
ขณะเดียวกันถ้าคนอื่นมามีเพศสัมพันธ์ทั้งรู้ว่าหมั้นหมายแล้ว ก็นับว่าผิดศีลเช่นกัน


เนื้อหนังคนเราเปรียบเสมือนอาหารอันโอชะที่น่าแหนหวงสำหรับเจ้าของ
ถ้าต้องลักกินขโมยกินเพียงเพื่อให้หายอยาก ใจเราจะเป็นสุขไปได้อย่างไร
แม้เหมือนอิ่มหมีพีมัน ใจก็อดคิดไม่ได้ว่า เรากำลังใช้มือที่สกปรกหยิบอาหารใส่ปาก
ทุกคำย่อมเจืออยู่ด้วยพิษหรือเชื้อโรคอันเป็นโทษ ให้ผลเป็นทุกข์
การสังเกตเข้ามาในตนเองจะทำให้เห็นทุกข์เป็นขณะ ๆ อย่างชัดเจน


ทุกข์เริ่มต้นตั้งแต่เมื่ออยากมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของ
สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นขัดแย้งกับส่วนลึกที่ยังมีมโนธรรม
และมโนธรรมจะส่งแรงต้านความอยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้เสมอ


ทุกข์จะทวีตัวขึ้นเมื่อตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของ
สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเหมือนใจเริ่มก้าวพ้นเขตสว่างเข้าสู่แนวสนธยา
ถึงแม้รู้สึกว่ามืดลงทุกที แต่ความตื่นเพริดไปกับจินตนาการที่เร้าใจ
ก็รุนหลังเราให้มุ่งหน้าไปเรื่อย เยี่ยงคนไม่กลัวความมืดในป่ารกชัฏ
เพียงเพราะได้กลิ่นยวนใจของเหยื่อล่อจากที่นั่น


ทุกข์จะทวีตัวขึ้นอีก เมื่อพยายามมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของ
สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นการฝืนใจ
เค้นราคะขึ้นมาเอาชนะความกลัวถูกปฏิเสธ หรือกลัวถูกด่าทอ หรือกลัวถูกจับได้


ทุกข์จะทวีตัวขึ้นถึงขีดสุด เมื่อลงมือมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของสังเกตเข้ามาในตนเอง
จะเห็นความหน้ามืด ดับสำนึกผิดชอบชั่วดีลง
ราวกับทั้งชีวิตเหลือแต่การเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณไม่ต่างจากสัตว์โลกทั่วไป


ทุกข์จะไม่จบโดยง่ายแม้เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของสำเร็จ
สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นความรู้สึก ไม่ดี น่าดูถูก ผิดที่ผิดทาง
หรือกระทั่งชวนให้ขยะแขยง และที่ สำคัญคือรู้สึกว่าต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ
จะให้ใครรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะผู้เป็นเจ้าของ


ถ้าคนมีเจ้าของไม่ค่อยมีเสน่ห์ทางเพศนัก สำนึกผิดชอบชั่วดีของเรามักจะกลับมาเร็ว
และ รู้สึกแย่กับพฤติกรรมของตนเต็มที่ แต่ถ้าคนมีเจ้าของเป็นพวกมีเสน่ห์ทางเพศสูง
สำนึกผิดชอบชั่วดีของเรา มักจะถูกกดไว้
ใจจะทะยานต่อตามแรงฉุดจากเสน่ห์ทางเพศของฝ่ายนั้น
กระทั่งพุ่งลิ่วไปบนเส้นทางเห็นผิดเป็นชอบ สำคัญว่ากงจักรเป็นดอกบัวกว่า
จะรู้สึกตัวว่าหลงเดินบนเส้นทางอันเน่าเหม็นและระทมทุกข์
ก็ตกอยู่ในเงามืดจนยากจะคลำหาเส้นทางใหม่เสียแล้ว


๒) การสั่งสมบาป

เมื่อทราบแล้วว่าความมืดเป็นเครื่องหมายของบาป
เราก็สามารถสำรวจใจตนเองแล้วทราบได้ว่าการผิดประเวณีเป็นบาป
เพราะไม่มีการผิดประเวณีครั้งใดที่ทำให้จิตของเราสว่างขึ้น มีแต่จะหม่นหมองลง
กับทั้งไม่มีแก่ใจคิดอะไรในทางดี ในทางที่เจริญเอาเลย


แรงผลักดันให้ผิดประเวณีได้คือราคะ ราคะต้องชนะความยับยั้งชั่งใจทางเพศ
จึงขับให้เราก่อบาปด้วยการผิดประเวณี
ความยับยั้งชั่งใจ ทางเพศเป็นสิ่งที่มนุษย์มีกันโดยธรรมชาติ
แม้แต่เด็ก เพิ่งรู้ความก็ทราบว่าไม่ควรให้คนแปลกหน้ามาจับต้องอวัยวะเพศของตน
และตนก็ไม่ควรถือวิสาสะไปลูบคลำอวัยวะ เพศของใคร
การกล้าทำถือเป็นความทะลึ่งผิดธรรมดา


ที่น่ากลัวก็คือบาปสามารถ สั่งสม ตัวได้ นั่นหมายความว่า ยิ่งผิดประเวณีมากขึ้นเท่าไร
ใจก็ยิ่งยับยั้งชั่งใจน้อยลงเท่านั้น มองไปทางไหนใครต่อใครกลายเป็นวัตถุทางเพศ
ที่น่าลิ้มลองไปหมด ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่ามีเจ้าของแล้วก็ไม่สน
ไม่รู้สึกว่าเป็นกำแพงกีดขวางที่มีสาระสำคัญอันใดเลย


แม้แกล้งเอาไหล่ไปเฉียดแขนคนที่เรา เห็น ๆ อยู่ว่าเดินมากับคู่ครอง
ไหล่ของเราก็ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องรับเชื้อโรค ทางวิญญาณแล้ว
เมื่อเพาะเชื้อโรคแล้วลุกลามใหญ่โตจนครอบใจได้ทั้งดวง
เราจะรู้สึกว่าตัวเราสกปรก แม้อาบน้ำชำระสะสางกายได้สะอาดสะอ้าน
ก็เหมือนทั้งตัวเต็มไปด้วยยางเหนียวเหนอะหนะที่แกะไม่ออก
บางคนถึงขั้นที่กลิ่นตัวเหม็นแปลก ๆ ฟอกถูด้วยสบู่หอม กลิ่นเหม็นก็ไม่หายเลยทีเดียว


ความคิดในทางผิดประเวณีจะลดความฉลาดในการหาคู่แท้ให้ตัวเอง
หรือแม้เจอคู่แท้แล้วก็จะไม่ฉลาดในการรักษาไว้
บาปที่พอกพูนขึ้นจะทำให้เราสำคัญไปว่า
ชีวิตจะมีสีสันต่อเมื่อได้ลิ้มรสเพศสัมพันธ์แปลกใหม่ไม่รู้จบ


ฉะนั้น เพียงไม่ตั้งใจไว้ก่อนว่าจะเว้นขาด จากการผิดประเวณี ก็นับว่ามีโทษแล้ว
เพราะเมื่อถูกเร้าใจให้เกิดราคะอย่างแรงกล้า
ความยับยั้งชั่งใจทางเพศย่อมลดระดับแทบไม่เหลือ ยังผลให้สติพร่าเลือนลง
เปิดช่องให้ราคะ เข้าครอบงำจนโง่เขลา หลงนึกว่าบาปแห่งการผิดประเวณี
เป็นสิ่งสมควรทำยิ่งกว่าบุญแห่งการระงับราคะ ผิด ๆ
ขอเพียงสบโอกาสเหมาะ แม้แต่ก่อคดีข่มขืนชำเราก็ยังเป็นไปได้


๓) ความเป็นอยู่ที่เลวร้าย

ไม่มีความรู้สึกอ่อนแออันใด ย่ำแย่ไปกว่าความรู้สึกอ่อนแออันเกิดจากการเป็นชู้
เพราะบาปข้ออื่นยังทำลงไปด้วยจิตใจแกร่งกล้ากันได้
เช่น เราอาจฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยพละกำลังเหนือกว่าคู่ต่อสู้
เราอาจขโมยของด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้า เราอาจโกหกแบบคนดื้อด้านไม่ยอมแพ้
เราอาจกินเหล้าเพื่อกระตุ้นความฮึกเหิม
แต่ถ้ายอมถอดเสื้อผ้าทิ้งความละอายบาปทางกามลงพื้น
เราจะพบว่าความเปลี้ยเพลียหลังผิดประเวณี จะเกิดขึ้นพร้อมกับความหย่อนสำนึกยับยั้งใจ
ไม่ให้ไหลลงสู่ที่ต่ำ มีอาการมึนงง ปวกเปียก และเฉื่อยแฉะไร้แรง
คล้ายกำลังใจจะทำอะไรดี ๆ หรือกำลังใจจะต่อต้านความคิดที่ชั่วร้าย
เหือดหายไปจากเราเสียเกือบหมด


เมื่อบาปจากการผิดประเวณีถูกสั่งสมมากแล้ว
ผู้ผิดประเวณีย่อมเลื่อนฐานะเป็นหญิงร้ายหรือชายโฉด ดูเผิน ๆ เหมือน กร้านโลก
ไม่หยี่หระกับความประพฤติผิดใด ๆ แต่ที่แท้บาปหนาจนความรู้สึกด้านชากว่าใคร ๆ ต่างหาก
ความด้านชาของหญิงร้ายและชายโฉดเกิดจากการหมักหมมคราบสกปรก
ทั้งทางกายและ วิญญาณ จึงย่อมก่อให้ เกิดกระแสในตัวที่น่ารังเกียจ ชวนให้รู้สึกคลื่นเหียน
กับความสกปรกเน่าเหม็น เฉกเช่นหมูในเล้าที่จำ ต้องกินอยู่อย่างสกปรกเกือบตลอดเวลา


การผิดประเวณีแต่ละครั้งคือการไม่ให้เกียรติผู้อื่น ซึ่งก็มีผลสะท้อนให้นับถือตนเองน้อยลง
พูดง่าย ๆ ว่าได้สมบัติทางเพศของ คนอื่นมา เพื่อเสียความนับถือตัวเองไป


จิตของหญิงร้ายและชายโฉดเปรียบเหมือนคนที่จุ่มศีรษะลงไปในเมือกลื่นจนชุ่มโชก
ย่อมไม่ได้รู้สึกถึงความแห้งสบาย แม้จมูกได้กลิ่นหอมของสวนดอกไม้
แต่ใจลึก ๆ ก็เหมือนได้กลิ่นเหม็นของกามผิด ๆ อยู่เกือบตลอดเวลา


จิตที่ชุ่มด้วยเมือกสกปรกย่อมเหมาะกับภพใหม่ที่สกปรก ต่ำชั้น เต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ
น่าอึดอัดระอา และอาจถึงขั้นเน่าเฟะ ถ้ายังมีวาสนาพอจะเกิดใหม่ในโลกมนุษย์
ก็ย่อมเป็นที่ชิงชังของผู้พบเห็น เหมือนใครเห็นก็พากันอยากเขี่ยทิ้งด้วยเท้า
สภาพเช่นนั้นย่อม ยากที่จะผูกมิตร แต่ง่ายที่จะผูกเวร
ดึงดูดคนและสัตว์ให้อยากเข้ามาด่า เข้ามา ว่า เข้ามาทำร้ายเป็นขบวน


ความผิดทางเพศย่อมนำไปสู่ความผิดปกติทางเพศ
ถ้ามีวาสนาได้เป็นมนุษย์ก็อาจรังเกียจเพศของตน และอยากเป็นอีกเพศหนึ่งแทน
หรือโตขึ้นอาจถูกดึงดูดเข้าสู่วิถีทางของการเบี่ยงเบนทางเพศได้
เป็นที่ทรมานใจของตนเองเนิ่นนาน


หากตายเยี่ยงชู้ผู้ยังไม่อิ่มไม่พอ กับการผิดประเวณี แต่ยังพอมีบุญพยุงไม่ให้ร่วงหล่นถึงนรก
ก็อาจไปเสวยภพของพวกรักความสกปรกระดับเดรัจฉานภูมิ เช่น หนอนในส้วม เป็นต้น


แต่หากตายเยี่ยงหญิงร้ายและชายโฉดผู้ล่อลวงใครต่อใครเข้ามาร่วมบาปแห่งการผิดประเวณี
ไม่เห็นแก่หัวอกหัวใจเจ้าของบ้างเลย ก็จัดว่ามีความเหมาะกับสภาพความเป็นอยู่
อันเสียดแทงเจ็บแสบ ดังเช่นนรกภูมิสถานเดียว!

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7865


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 16.0.912.77 Chrome 16.0.912.77


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2555 12:30:00 »

พระพุทธเจ้าสอนเรื่องโทษของการเป็นชู้

วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงช้างเผือกเสด็จเลียบพระนคร ได้ทอดพระเนตรเห็นหญิงงามนางหนึ่งยืนอยู่ชั้นบนของปราสาท 7 ชั้น ทรงมีพระทัยเสน่หาในนางขึ้นมาทันที พระองค์ได้ทรงพยายามหาวิธีการที่จะได้นางมาเป็นบาทบริจาริกา เมื่อทรงทราบว่านางเป็นหญิงมีสามีแล้ว ก็ได้มีพระบัญชานำชายผู้เป็นสามีของนางมาเป็นคนใช้อยู่ในพระราชวัง ต่อมาพระองค์ได้รับสั่งชายให้คนนี้เดินทางไปทำงานอย่างหนึ่งอันเป็นงานที่ ไม่มีทางจะทำได้สำเร็จได้ โดยรับสั่งให้เดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลถึง 12 ไมล์ แล้วให้ไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณจากนาคพิภพกลับมาถวายพระองค์ที่กรุงสาวัตถีในเย็นวันเดียวกัน ให้ทันเวลาสรงสนานของพระองค์ ทั้งนี้โดยพระองค์มีพระราชประสงค์จะสังหารชายผู้นี้หากเขากลับมาไม่ทันเวลา แล้วริบเอาภรรยาของเขามาเป็นบาทบริจาริกาของพระองค์ ชายผู้เป็นสามีรีบไปนำกล่องอาหารจากภรรยาแล้วออกเดินทางไปแสวงหาสิ่งที่พระราชาทรงต้องการในทันที ในระหว่างทางเขาได้แบ่งอาหารให้แก่เพื่อนร่วมทาง และเขาก็ยังแบ่งข้าวจำนวนหนึ่งโยนลงไปเลี้ยงปลาในน้ำ แล้วร้องตะโกนขึ้นว่า ? ข้าแต่เทพยดาและนาคทั้งหลายผู้สถิตอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ พระราชาปเสนทิโกศลมีพระราชบัญชาให้ ข้าพเจ้าไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณกลับไปถวายพระองค์ วันนี้ข้าพเจ้าได้แบ่งปันอาหารให้แก่เพื่อนร่วมทางของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ยังได้นำอาหารเลี้ยงปลาในแม่น้ำแล้วด้วย บัดนี้ข้าพเจ้าขอแบ่งส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่พวกท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงได้เมตตาไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณมาให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด? พระยานาค เมื่อได้ยินคำประกาศของชายผู้นั้นแล้ว ก็ได้แปลงร่างเป็นชายชราไปนำดอกโกมุท ดอกอุบลและดินสีอรุณมาให้ชายผู้นั้น

ในเย็นวันนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเกรงว่าชายหนุ่มอาจจะกลับมาทันเวลา จึงได้มีรับสั่งให้ปิดประตูเมืองก่อนกำหนด เมื่อชายหนุ่มเดินทางมาถึงและพบว่าประตูเมืองปิดเช่นนั้น ก็ได้โยนดินอรุณไว้บนกำแพงเมืองและแขวนดอกโกมุทและดอกอุบลไว้บนธรณีประตู จากนั้นเขาได้ตะโกนประกาศออกมาดังๆว่า ? ชาวเมืองผู้เจริญทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงรับทราบเถิดว่า ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบ หมายจากพระราชาสำเร็จลุล่วงแล้ว พระราชาทรงมีแผนที่จะฆ่าข้าพเจ้าด้วยเหตุไม่สมควร? หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินทางจากประตูวังไปที่วัดพระเชตวันเพื่อจะลี้ภัยและ ก็พบว่าบรรยากาศในวัดมีความสงบร่มรื่นดียิ่งนัก

ขณะเดียวกัน ข้างพระเจ้าปเสนทิโกศล มีความกระสันด้วยแรงกามราคะ จนไม่สามารถหลับพระเนตรลงได้ ทรงครุ่นคิดหาวิธีที่จะสังหารชายหนุ่มในตอนเช้าแล้วยึดภรรยาของเขามาเป็นบาทบิจาริกาของพระองค์ เมื่อถึงเที่ยงคืนพระองค์ก็ได้สดับเสียงประหลาดว่า ทุ. ส. น. โส. ซึ่งความจริงแล้วเป็นเสียงของพวกเปรต 4 ตนที่เสวยทุกข์ทรมานอยู่ในนรกชั้นโลหกุมภี เมื่อได้ทรงสดับเสียงประหลาดนี้แล้วก็ทรงมีพระทัยหวาดหวั่น เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่พระองค์ได้ทรงสอบถามปุโรหิตถึงเรื่องนี้ ปุโรหิตได้ทูลว่าจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตแก่พระองค์ จะต้องหาทางแก้ด้วยการบูชายัญ แต่ต่อมาพระองค์ได้เสด็จไปเข้าเฝ้าพระศาสดาโดยคำกราบทูลของพระนางมัลลิการาช เทวี เมื่อพระศาสดาสดับเรื่องเสียงประหลาดเหล่านั้นแล้ว ทรงอธิบายแก่พระราชาว่าเป็นเสียงของเปรต 4 ตนที่เกิดอยู่ในโลหกุมภีนรก เปรต 4 ตนเหล่านี้เคยเกิดเป็นชายหนุ่มลูกเศรษฐีในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ และได้ตกนรกชั้นโลหกุมภีเพราะประกอบกรรมชั่วเป็นชู้สู่สมกับภรรยาของชายอื่น พระราชาสดับแล้วก็เกิดความสังเวชพระทัยและทรงเกิดความตระหนักถึงผลกรรมชั่ว ร้ายที่จะบังเกิดจากการเป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น และตัดสินพระทัยว่า ?จำเดิมแต่นี้ไป เราจักไม่ผูกความพอใจในภรรยาของชายอื่น? เพราะว่า ?แค่เราได้แต่คิดว่าจะเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นก็มีความทุกข์ทรมานใจจนนอน ไม่หลับ ตลอดทั้งคืน?

จากนั้นพระราชาได้กราบทูลพระศาสดาว่า ?ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทราบความที่ราตรียาวนานในวันนี้ ? ข้างชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั้น ได้กราบพระศาสดาว่า ?ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระราชาทรงทราบความที่ราตรียาวนานในวันนี้ ส่วนข้าพระองค์เองได้ทราบความที่หนทางแค่โยชน์เดียวไกลมากในวันวาน?

พระศาสดาทรงนำถ้อยคำของพระราชาและของชายหนุ่มนั้นมาผสมผสานกัน แล้วตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 60 ว่า

ทีฆา ชาครโต รตฺติ ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ

ทีโฆ พาลาน สํสาโร สทฺธมฺมํ อวิชานตํฯ

กลางคืนยาว นานมาก สำหรับคนที่นอนไม่หลับ ระยะทางแค่โยชน์เดียวไกลมาก สำหรับผู้ที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว สังสารวัฏ (การเวียนว่ายตายเกิด) เนิ่นนานมาก สำหรับคนพาลที่ไม่รู้สัจธรรม.

เมื่อจบพระสัทธรรมเทศนา ชายหนุ่มได้บรรลุพระโสดาปัตติผล ชนเหล่าอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ก็ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น พระสัทธรรมเทศนามีประโยชน์แก่มหาชนแล้ว.



กราบขอบพระคุณที่มา :: วัดป่าโนวิเวก
คัดลอกบางส่วนจาก...ผิดที่ไม่รู้ ดังตฤณ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ ตรัส สอน โทษ เป็นชู้ ชู้ มีชู้ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.332 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 19 พฤศจิกายน 2567 03:46:06