[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 พฤษภาคม 2567 11:24:02 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 ... 3 4 [5] 6 7 8   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระวังหน้า , ชมรมรักษ์พระวังหน้า และ คณะพระวังหน้า  (อ่าน 88931 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #80 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2553 14:44:39 »





ขอบพระคุณ คุณหนุ่ม อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ
บันทึกการเข้า
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #81 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2553 18:23:57 »

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong  
วันพรุ่งนี้ ถึงเวลาที่ต้องมานั่งคัดแยกพิมพ์ที่อยู่ในชุด 2408 (ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า) (ที่เนื้อองค์พระผสมพระธาตุ , น้ำประสาน)

ซึ่งปกติพิมพ์2408 (ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า) ในชุดนี้ จะมี 8 พิมพ์ และยังมีพระสมเด็จ , พระรอด , ซุ้มกอ , นางพญา และ ผงสุพรรณ

ชุดนี้ เนื้อหาของพระชุดนี้ ผมยอมรับว่า สวยมากครับ

ผมคิดว่า จะนำไปแจกสำหรับท่านที่ไปในงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัดสำหรับเดือนมิถุนายน 2553 (ครั้งแรก) นี้ ผมจะแจกท่านละ 1 องค์

ส่วนงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัดสำหรับเดือนมิถุนายน 2553 (ครั้งที่สอง) ผมจะหาพิมพ์อื่นมามอบให้ครับ

แต่สำหรับท่านที่อยู่ไกล เช่น คุณพรสว่าง_2008 , คุณtawatd , คุณpsombat , คุณณฑนน เป็นต้น ผมตั้งใจจะเตรียมชุด 2408 มามอบให้ทั้งชุด เนื่องจากว่า ทุกๆท่านที่ผมเอ่ยนามมานี้ เป็นผู้ที่ตั้งใจมากกว่าท่านอื่นๆที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือ ปริมณฑล เพราะต้องเดินทางไกล ต้องมีกำลังใจที่มากครับ


.
 



มาแจ้งเรื่องที่จัดชุดครับ

สำหรับพิมพ์ 2408 (ชุด 8 พิมพ์) เท่าที่ตรวจสอบดู ปรากฎว่า มีเพียง 4 พิมพ์ ซึ่งผมจะจัดชุดให้สำหรับท่านที่อยู่ไกล และมาร่วมในงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัด ตามนี้
1.คุณpsombat
2.คุณพรสว่าง_2008
3.คุณtawatd
4.คุณjirautes
5.คุณnarin96

ทั้ง 5 ท่านผมจะเตรียมให้พิมพ์ละ 1 องค์ จำนวน 4 องค์
ส่วนท่านที่มาร่วมงานผมจะทยอยแจกให้ครั้งละ 1 องค์ครับ


ส่วนพิมพ์อื่นมีดังนี้
1.พิมพ์แหวกม่าน
2.พิมพ์ประทานพร
3.พิมพ์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

4.พิมพ์ซุ้มกอ
5.พิมพ์พระรอด
6.พิมพ์นางพญา
7.พิมพ์ผงสุพรรณ

ทั้ง 7 พิมพ์นี้ บางส่วนผมจะมอบให้กับสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด , สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และ สมาชิกคณะพระวังหน้า ที่ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัดครับ

.

http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1922.html#post3356775

.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤษภาคม 2553 19:21:15 โดย sithiphong » บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #82 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553 18:24:01 »

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ psombat
สำหรับกิจกรรมวันวิสาขบูชา(เมื่อวาน)ของผมมีดังนี้

วัดแรกที่วัดถ้ำอินทนิล ราวหกโมงเย็น ทำบุญ...ดังนี้
1. พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
2. พระธาตุพระมหากัสสปะมหาเถระเจ้า
3. พระสรีรังคารหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า
4. พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ขนาด 9 นิ้ว
5. พระพิมพ์วังหน้า - ปัจจัย
ผมคุยกะท่านเจ้าอาวาส เรื่องการขอถวายกล่องแสตนเลสบรรจุพระพิมพ์,พระบูชา เพื่อการบรรจุกรุ ท่านรับปากว่าสามารถถวายได้ จักทำการบรรจุกรุให้หลังจากที่มีการสร้างพระเจดีย์โดยเรียบร้อยแล้ว
ในความเห็นผมที่วัดนี้เหมาะสมดีมากครับ

วัดที่สองที่วัดตรีรัตนาราม (เจ้าคณะจังหวัด) - ราว 2 ทุ่ม เวียนเทียน ทำบุญ..ดังนี้
1. พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
2. พระบูชาศิลปะอู่ทอง ขนาด 9 นิ้ว
3. พระพิมพ์วังหน้า - ปัจจัย

โมทนาสาธุทุกประการครับ
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #83 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553 18:26:30 »

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong  
วันพรุ่งนี้ ถึงเวลาที่ต้องมานั่งคัดแยกพิมพ์ที่อยู่ในชุด 2408 (ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า) (ที่เนื้อองค์พระผสมพระธาตุ , น้ำประสาน)

ซึ่งปกติพิมพ์2408 (ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า) ในชุดนี้ จะมี 8 พิมพ์ และยังมีพระสมเด็จ , พระรอด , ซุ้มกอ , นางพญา และ ผงสุพรรณ

ชุดนี้ เนื้อหาของพระชุดนี้ ผมยอมรับว่า สวยมากครับ

ผมคิดว่า จะนำไปแจกสำหรับท่านที่ไปในงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัดสำหรับเดือนมิถุนายน 2553 (ครั้งแรก) นี้ ผมจะแจกท่านละ 1 องค์

ส่วนงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัดสำหรับเดือนมิถุนายน 2553 (ครั้งที่สอง) ผมจะหาพิมพ์อื่นมามอบให้ครับ

แต่สำหรับท่านที่อยู่ไกล เช่น คุณพรสว่าง_2008 , คุณtawatd , คุณpsombat , คุณณฑนน เป็นต้น ผมตั้งใจจะเตรียมชุด 2408 มามอบให้ทั้งชุด เนื่องจากว่า ทุกๆท่านที่ผมเอ่ยนามมานี้ เป็นผู้ที่ตั้งใจมากกว่าท่านอื่นๆที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือ ปริมณฑล เพราะต้องเดินทางไกล ต้องมีกำลังใจที่มากครับ


.

 



มาแจ้งเรื่องที่จัดชุดครับ

สำหรับพิมพ์ 2408 (ชุด 8 พิมพ์) เท่าที่ตรวจสอบดู ปรากฎว่า มีเพียง 4 พิมพ์ ซึ่งผมจะจัดชุดให้สำหรับท่านที่อยู่ไกล และมาร่วมในงานบุญของกองทุนหาพระถวายวัด ตามนี้
1.คุณpsombat
2.คุณพรสว่าง_2008
3.คุณtawatd
4.คุณjirautes
5.คุณnarin96

ทั้ง 5 ท่านผมจะเตรียมให้พิมพ์ละ 1 องค์ จำนวน 4 องค์
ส่วนท่านที่มาร่วมงานผมจะทยอยแจกให้ครั้งละ 1 องค์ครับ


ส่วนพิมพ์อื่นมีดังนี้
1.พิมพ์แหวกม่าน
2.พิมพ์ประทานพร
3.พิมพ์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

4.พิมพ์ซุ้มกอ
5.พิมพ์พระรอด
6.พิมพ์นางพญา
7.พิมพ์ผงสุพรรณ

ทั้ง 7 พิมพ์นี้ บางส่วนผมจะมอบให้กับสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด , สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และ สมาชิกคณะพระวังหน้า ที่ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัดครับ


http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1922.html

.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 พฤษภาคม 2553 18:28:24 โดย sithiphong » บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #84 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2553 19:41:37 »

วันนี้ พี่ชนิดาและคณะ ได้ไปกราบหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ได้ซื้อชุดผ้าไตรถวายหลวงพ่อจรัญ ผมเองก็ได้มีร่วมในการทำบุญด้วย

มาโมทนาบูญร่วมกันครับ


.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #85 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2553 09:17:13 »

รายนามวัดที่ถวายพระบรมสารีริกธาตุ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระธาตุพระอรหันต์ พระบูชา พระพิมพ์วังหน้า-กรมท่า (draft)

ประจำเดือน มกราคม-พฤษภาคม พ.ศ. 2553

- ยอดถวายพระบรมฯ+พระพิมพ์ ~92 ชุด (~85 วัด,พระพิมพ์+ประวัติ ~1,761 องค์ หรือมากกว่า,>100 ผอบ+โถ)
- วัน เดือน ปี สีจางๆคือ วันที่มอบ แต่ยังไม่รู้กำหนดการถวาย
- ~ = ประมาณการจำนวนเป็นตัวเลข
- #n = ถวายครั้งที่ n







.
โพสโดยคุณpsombat
.

ที่มา http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1923.html
กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #86 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2553 09:17:55 »

พี่ใหญ่สั่งมาว่า เวลาที่ถวายพระพิมพ์(บรรจุในกล่องสเตนเลส) หากยังไม่มีที่บรรจุ (เช่น ในพระเจดีย์ , ฐานชุกชี ฯลฯ) ขอให้เก็บไว้ก่อน อย่านำไปฝากพระภิกษุไว้ จะเป็นภาระกับท่าน หากว่า เกิดเหตุพระภิกษุได้มรณภาพไปก่อนที่พระเจดีย์ หรือ พระพุทธรูปขนาดใหญ่ สร้างเสร็จ โดยเก็บไว้ที่กุฎิท่าน  จะเป็นการสร้างกรรมให้กับพระภิกษุได้

โมทนาสาธุครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 พฤษภาคม 2553 09:19:30 โดย sithiphong » บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #87 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2553 10:37:06 »

ผมเองมีลูกแก้ว(กลุ่มองค์อภิญญาใหญ่ ประมาณ 6 - 7 องค์ เป็นผู้อธิษฐานจิต) ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 (น่าจะเป็นของวังหลวงเป็นผู้สร้าง)

ในความเห็นผม น่าจะเป็นลูกแก้วสาระพัดนึก (คงต้องตรวจสอบกับอีกครั้ง)

ผมจะแจกให้สำหรับท่านที่มาร่วมในงานกิจกรรม กองทุนหาพระถวายวัด อย่างต่อเนื่องกันไป อย่างน้อย 4 ครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2553 ผมจะมีทะเบียนให้ทุกๆท่านลงนามกัน ผมจะมอบให้ท่านละ 1 ลูก

ผมขอมอบให้เป็นกรณีพิเศษ ในกรณีที่มาร่วมในงานเพียงครั้งเดียว ดังนี้
ผมขอมอบให้ท่านละ 1 ลูก (หากมีผู้ที่ติดตามมา ผมมอบให้ท่านละ 1 ลูก เช่นกัน) ตามรายนามดังนี้
1.คุณpsombat
2.คุณพรสว่าง_2008
3.คุณtawatd
4.คุณjirautes
5.คุณnarin96
http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1923.html
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #88 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 08:23:22 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่องหรือศิลปการใช้พระเครื่อง
กระทู้พระวังหน้าที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ หน้าที่ 1924-5 ลว.2 มิย.2553

http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1924.html
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #89 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 08:24:24 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง


ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร


พระเครื่องเป็นอิทธิวัตถุที่นิยมฝังใจกันมาช้านาน บางคนถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต จะขาดเสียมิได้ หากวันใดลืมแขวนพระจิตใจจะไม่สบายคล้ายขาดความสมบูรณ์ในจิตใจ ยิ่งเคยผ่านอุปสรรค และประสบการณ์มาแล้วยิ่งรักหวงแหนปานแก้วตา ปัจจุบันพระเครื่องรุ่นเก่าเป็นของหายากจะหาเช่าซื้อกันแต่ละองค์ก็ต้องจ่ายกันอย่างแรงน่าใจหาย กระนั้นยังมีคนใจถึงกล้าสู้ราคาขอให้ถูกใจเป็นสู้ ใครจะเคยคิดบ้างว่าเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการามจังหวัดอยุธยาราคาเดิมทำบุญเพียงเหรียญละ 1 บาทหากงามไม่มีที่ติมีคนกล้าสู้ราคาถึงเหรียญละ 50,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆังราคาเช่าซื้อกันใต้โคนมะขาม สมัยก่อนราคาเพียงองค์ละ 40 บาท ต่อมาราคาเหยียบเรือนแสน ถ้าประกวดชนะรางวัลที่หนึ่ง 300,000 – 400,000 เจ้าของพระยังไม่อยากพูดด้วย มันก็ราคารถยนต์นั่งอย่างชนิดดีแหละครับ คนจนไหนจะกล้าใฝ่ฝัน นี่ผมไม่ได้อธิบายถึงฮั่งเซ้งพระนะครับ เพราะไม่มีอาชีพในทางนี้ รู้สึกว่าราคาพระเครื่องมีแต่รุดหน้าไม่มีทีท่าว่าจะตกลงเลย เพราะของฝืดลง ค่าน้ำเงินเสื่อมตัว จึงเกิดการอนุรักษ์พระเครื่องในลักษณะต่าง ๆ กัน ที่หวงมากและมีเงินก็หาเช่าตู้นิรภัยจากธนาคารพาณิชย์เป็นที่ฝากเก็บเพื่อความปลอดภัยบางคนไม่ยอมฝากลงทุนสร้างกุฏิทองคำให้หลวงพ่อปะเหมาะแถมฝังเพชรให้ด้วยซ้ำ การดีซายน์แบบเต็มไปด้วยความวิจิตร พิสดารทันสมัย ตลับพระนางพญา พิษณุโลก จะประดิษฐ์ลักษณะให้โค้งเพื่อความชัดเจนขององค์พระและมีรองในบังคับให้อยู่ที่ รูปเหรียญพระคณาจารย์ก็มีการเลี่ยมเพื่อรักษาสุนทรียภาพให้คงทนถาวรสืบไป ราคาพระเครื่องและเหรียญพระคณาจารย์ จะสูงต่ำย่อมเกี่ยวกับความคมชัดเจน
การใช้พระเครื่องในสมัยก่อนถือว่าไม่มีราคาค่างวดสูง ไม่มีการประกวดนิยมใช้พก อม คาดแขนหรือถักลวด เลี่ยมเปิดเรียกว่าพระเจ้าเปิดโลก ที่เป็นรูปเหรียญก็ใช้แขวนกันโทน ๆ แขวนกันจนห่วงหยุดหายไปก็มีมาก ยิ่งเป็นพระเนื้ออ่อน เช่น พระตะกั่วสนิมแดงถ้าถูกถักด้วยลวดและใช้แขวนไปนาน ๆ ลวดจะกัดเนื้อพระจมกร่อนไม่มีวันจะลบหายได้ รู้สึกเป็นที่น่าเสียดายการทะนุถนอมองค์พระนี้มีการระมัดระวังไม่ค่อยยอมให้ชมกันง่าย ๆ เกรงเกิดการพลาดพลั้งตกหล่น เกรงนักเลงเก่าเล่ายี่ห้อนำพระไปเช็ดเหงื่อทดลองเงาสว่างทำให้พระเสียผิวเดิม มีเรื่องเกิดที่สนามพระคือแทนที่จะส่องด้วยแว่นขยายกลับใช้นิ้วขัดองค์พระเล่น นิสัยเช่นนี้มักเป็นสิ่งเคยชินและติดตัวเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม บางทีเคยถามว่าขัดแล้วมีอะไรเกิดขึ้น ก็ตอบไม่ได้ บอกว่าขัดไปอย่างนั้นเอง ให้ชมพระสนิมแดงก็ขัดดูเพราะเคยนิสัย ต่อไปใครจะคบหาด้วย อย่างรายที่สนามพระ เจ้าของพระโดดเข้าชกหน้าทันที และเจอหน้าทีไรตรงเข้าไปชกที่นั่น เพราะความแค้นเคืองที่มืออยู่ไม่สุขไปขัดพระสมเด็จฯ องค์โปรดเข้า ท่านเจ้าคุณชลประทานธนารักษ์ นักพระเครื่องอาวุโสเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนสนามพระอยู่ที่วัดเชิงเลนคือวัดบพิตรพิมุขปัจจุบัน วันหนึ่งท่านนำพระร่วงสนิมแดงออกโชว์ พระร่วงองค์นี้ท่านกล้าเสี่ยงโดยนำเพชรน้ำหนัก 3 กะรัตแลกมา ท่านขุนนักเลงพระผู้หนึ่งรับไปดูพร้อมกับควักตะไบ ซึ่งพกติดกระเป๋าทำท่าจะตะไบเนื้อพระดู ท่านเจ้าขุนร้องห้ามเสียงหลงโมโหจนหน้าเขียวคล้ำถลกผ้าม่วงจะเตะตาขุนบัดซบเสียให้ได้ นี่แหละครับเล่นพระก็ทุกข์เพราะพระ โกรธกันไปไปมากรายแล้ว
ทีนี้ผมจะพูดถึงการใช้พระเครื่อง รู้สึกว่าส่วนมากยังไม่รู้จักวิธีการใช้พระเครื่องใช้วิธีตามกันไป สมัยแห่งพลาสติกเฟื่องราคาค่างวดในการอัดพระก็ย่อมเยาว์กว่าการจะไปเลี่ยมเงินเลี่ยมทอง รอเดี๋ยวเดียวก็ได้ใช้ บางคนสงสัยถามผู้ตอบปัญหาพระเครื่องก็ยืนยันทุกครั้งว่าไม่เป็นไรใช้ได้ ผู้ตอบปัญหาจะกล่าวยืนยันหนักแน่นว่าหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี เคยกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดจะมากั้นรังสีจิตได้ แม้มีภูเขามาขวางกั้นถึง 300 ลูก รังสีจิตยังสามารถผ่านได้สบายมาก นั่นเป็นการปล่อยรังสีจากผู้ทรงฌาน ผิดกับการแผ่รังสีจากพระเครื่อง เครื่องอัดเทปกับม้วนเทปมันคนละเรื่อง สภาพมันไม่เหมือนกัน อย่าว่าแต่หลวงปู่โต๊ะเลย แม้เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจริญ ญานวร ท่านก็กล่าวเช่นนั้น แต่มันอาจเป็นคนละแง่มุม
ประเทศในยุโรปได้ชื่อว่าเป็นสถาบันศึกษาค้นคว้าในด้านวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีการก่อตั้งสมาคมค้นคว้าเกี่ยวกับวิญญาณอย่างกว้างขวาง มีการทดลองจับตัววิญญาณโดยสร้างตู้กระจกพิเศษขึ้นแล้วนำคนเจ็บใกล้จะสิ้นใจไปขังไว้ในตู้กระจกนั้น เพื่อรอดูผลของการพรากวิญญาณจากกายเนื้อโดยผู้ทดลองไม่เคยทราบวิญญาณเป็นกายทิพย์ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่ออยากจะเห็นก็เห็นเหมือนกันคือ ปรากฏเป็นแสงสีเขียวเรืองออกมาจากรูจมูกของคนไข้ลอยวนเวียนอยู่ภายในตู้กระจก พยายามจะหาทางออก แต่ก็ออกไม่ได้เพราะติดกระจก ที่สุดก็กลับคืนเข้าไปในรูจมูกของคนไข้อีก และอยู่ในลักษณะออก ๆ เข้า ๆ บัดเดี๋ยวคนไข้ก็ฟื้นบัดเดี๋ยวก็เงียบสลับกันไปจนที่สุดรออยู่ไม่ได้แสงเขียวเรืองก็ดันกระจกจนเกิดการระเบิดออกไป คนไข้จึงตายสนิท



ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #90 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 08:25:19 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนที่ 2

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร


จิตเป็นธาตุกายสิทธิ์ลี้ลับและมหัศจรรย์ ผู้ที่ฝึกจิตสามารถจะใช้ให้ทำประโยชน์อย่างพิสดาร เช่น จิตที่ฝึกฝนจนบรรลุขั้นทิพยจักขุญาณ ย่อมจะมีคุณสมบัติยิ่งกว่ากล้องส่องทางไกล สามารถมองเห็นภาพกายเนื้อแบบดาวเทียมแต่ยังเก่งกว่าดาวเทียมคือดาวเทียมไม่สามารถบันทึกภาพใต้พิภพแต่จิตทำได้ จะเป็นตอไม้ วัตถุธาตุที่ฝังจมอยู่ใต้ดินเห็นหมด เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี สามารถเห็นสิ่งฝังในดินลึกประมาณ 1 วา โดยอัตโนมัติมิต้องอาศัยการเพ่งด้วยอำนาจฌานท่านมักไปที่วัดกุฎีดาว จังหวัดอยุธยาบ่อย ๆ เพื่อค้นทรัพย์แผ่นดินมาบูรณะถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา ท่านนั่งอยู่วัดระฆังไฟไหม้ที่เมืองเพชรบุรีท่านก็เห็น หลวงพ่อธมมวิตกโกนั่งอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ ไฟไหม้เมืองอังกฤษก็เห็น ท่านฤาษีสัตจิตนั่งจากเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่นมองข้ามทวีปถึงประเทศอังกฤษและยังมองดูใต้ดินลึก 9 เมตรโดยศิษย์ผู้หนึ่งมีจดหมายมาเรียนว่า บ้านพักที่ประเทศอังกฤษอยู่ไม่เป็นสุขขอให้ช่วยตรวจดู ปรากฏว่าเห็นโครงกระดูกฝังซับซ้อนกันอยู่ถึง 3 ชั้น ท่านให้รื้อพื้นตึกและขุดกระดูกไปฝังที่สุสานจะอยู่สบาย และก็ถูกต้องทุกประการ เช่นนี้เขาเรียกว่านั่งทางในสามารถเห็นกายหยาบ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถดูกายทิพย์ซึ่งมีความละเอียดแตกต่างกัน เช่นกายมนุษย์ละเอียด กายเทพละเอียด กายพรหมละเอียด กายพระโสดาละเอียด กายพระสกิทาคาละเอียด กายพระอนาคามีละเอียด กายพระอรหันต์ละเอียด ดวงตาของท่านผู้ทรงฌานย่อมจำแนกไปตามชั้นภูมิและวาสนาบารมีคือ ตาใน ตาทิพย์ ตาแก้ว ตาพุทธะ จิตมีคุณลักษณะแบบคลื่นส่งวิทยุทางไกลคือสามารถสนทนากันในระยะทางไกล และรู้เรื่องชัดเจนเหมือนคุยกันธรรมดา สงสัยว่าอาจเห็นหน้ากันเพราะแต่ละท่านล้วนได้ทิพยจักขุญาณ ท่านฤาษีสันตจิตเคยเล่าให้ฟังว่าวิชาของพระพุทธองค์ต้องทดลองตามคัมภีร์ กาละมะสูตร ท่านกำหนดให้คณะศรัทธาไปนั่งรวมกลุ่มกันห่างจากท่าน 8 กิโลเมตรท่านเทศนาให้ฟังแล้วมาสอบดูปรากฏว่าทุกคนได้ยินเสียงท่านชัดเจนดี ตามหลักของตะโมภิกขุกล่าวว่าเป็นการส่งเสียงทางลมปราณ จิตเป็นมโนมยิทธิคือการแสดงฤทธิ์ทางใจสามารถถอดกายทิพย์จากกายเนื้อได้นิยมเรียกระหว่างผู้ปฏิบัติธรรมว่า การเดินกาย ในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์ทรงถอดพระวรกายทิพย์ไปโปรดพระองคุลิมาน ซึ่งจะกระทำมาตุฆาตอันเป็นอนันตริยะกรรม สิ้นโอกาสจะบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นผลสำเร็จ สมัยปัจจุบันหลวงพ่อโอภาสีถอดกายทิพย์ไปเที่ยวประเทศอินเดีย หลวงพ่อธัมมวิตตโก ถอดกายทิพย์ไปเยี่ยมคนไข้ที่ประเทศอเมริกา ฤาษีแถบภูเขาหิมาลัยถอดกายทิพย์ไปสนทนากับโปรเฟรสเซอร์ที่ประเทศอังกฤษ อาจารย์ของผมท่านหนึ่งเคยทดลองถอดกายทิพย์ออกบิณฑบาต ท่านนำบาตมาตั้งตรงหน้าแล้วเข้าสมาบัติว่าเดินไปรับบิณฑบาต เห็นมีอาหารในบาตรและแกล้งถามญาติโยมก็ยืนยันว่าท่านลงจากเขาไปบิณฑบาต จิตสำเร็จเจโตปริยญาณ ผมทดลองมา 3 ครั้ง ครึ่งหนึ่งที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ผมกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนับถือเสมือนพี่ ช่วยกันถ่อเรือจะไปหาหลวงพ่อหวาเพื่อซักถามข้อธรรมบางประการคือ วิชาสามกับพระนิพพาน ระยะทางห่างวัดประมาณ 5 กิโลเมตรพอกราบท่าน ๆ ก็อธิบายเสร็จ ทำเอาเราหันมองหน้ากัน ท่านกล่าวว่าขนาดนี้ยังไม่เก่งระยะ 5-6 กิโลเมตร ทราบว่าใครจะมาหา หญิงกี่คนชายกี่คน ถ้าคิดว่าตัวเก่งต้องสอบตกแน่ ต่อมาผมลองดูระยะ 100 กิโลเมตรกับหลวงพ่อฝั้นอาจาโร คือตั้งใจจะนำภัตตาหารไปถวายหลวงพ่อและพระเณร ระยะทางจากสกลนครถึงวัดที่ท่านพำนักประมาณ 100 กิโลเมตร เกรงรถวิ่งไม่ทันเลยบอกว่าหลวงพ่อนิมนต์ก่อน ขณะนั้นพระเณรเตรียมกระทำภัตกิจแล้ว หลวงพ่อห้ามว่าอย่าเพิ่งฉัน รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง พระเณรนั่งงง หลวงพ่อคอยผมคนเดียวจริง ๆ ครั้งที่สามทดลองกับหลวงพ่อ ธัมมวิตตโก ยอดจริง ๆ ครับ ใช้วิธีเรียกชื่อในใจในระยะไกล ท่านหันขวับทันที่ ลองใหม่ก็เป็นเช่นนั้น ต้องเข้าไปกราบท่าน ท่านยิ้มด้วยความปราณี ของจริงต้องพิสูจน์ได้ แต่ที่ร้ายกว่านั้นระยะทางจากวัดป่าอุดมสมพรกับกรุงเทพฯ มันใกล้อยู่เมื่อไร มีศรัทธาที่กรุงเทพฯ จะทำบุญบ้าน พอได้เวลาสามทุ่มก็รำลึกถึงว่าลืมนิมนต์หลวงพ่อฝั้นและก็ไม่ทันเสียแล้ว รุ่งเช้าหลวงพ่อมาถึงแต่ 6 โมงเช้า ไม่ทราบว่าโดยสารยานวิเศษอะไรมาและเรื่องหลวงพ่อออกจากวัดนั้นดังที่สุดใคร ๆ จะต้องรู้กันและกรุงเทพฯ จะต้องมีผู้ไปรับกันอย่างครึกครื้น เรื่องนี้เคยออกอากาศ ความจริงเป็นกายทิพย์ต่างหาก มิฉะนั้นรับรองว่าเป็นการเดินกายเนื้อ เพราะผู้ที่สำเร็จเพียงอภิญญา 5 นั้นสามารถจะกระทำฤทธิ์เหาะเหินเดินฟ้าได้ บันทึกตอนหนึ่งของท่านอาจารย์บุญนาค โฆโส สายพระอาจารย์มั่นเรื่องเที่ยวธรรมฐาน บันทึกไว้ว่า ขณะที่ยังเป็นสามเณรได้ธุดงค์ไปพบกับพระภิกษุหนุ่ม เป็นพระภิกษุทางจังหวัดหลวงพระบาง อยู่ได้ 25 พรรษา พอมาถึงริมฝั่งแม่น้ำโขง ท่านสาธุวันดี ก็เดินข้ามแม่น้ำโขงไปเฉิบ ๆ ท่านต้องนั่งมองอยู่ริมฝั่งน้ำเพราะไม่มีวิชาบุกน้ำข้ามธาร อีกตอนหนึ่งท่านได้เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยยังหาที่ปักกรดเหมาะสมไม่ได้จึงด้นดั้นขึ้นภูเขา ขณะนั้นประมาณสี่ทุ่มแล้ว พอนั่งลงพักเหนื่อยเห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่งเหาะลอยลงมาบนบ่าหาบผลมะเดื่อเต็มหาบ พอเห็นพระอาจารย์บุนนาค ก็ชวนฉันผลมะเดื่อ พระอาจารย์บุญนาคปฏิเสธเพราะเป็นเวลาวิกาล และถามไปว่าคนหรือผี ภิกษุชราตอบว่าไม่ใช่ผีเป็นพระ รอสักพักท่านก็กล่าวลา พระอาจารย์บุนนาคถามว่าจะไปที่ใด พระภิกษุชราตอบว่า จะเที่ยวไปในจักรวาล ว่าแล้วหาบผลมะเดื่อเหินฟ้าลับสายตาไปท่ามกลางความสลัวอ้างว้างของแสงจันทร์ สักพักเป็นงูใหญ่ตรงเข้าวัดพระอาจารย์บุนนาคใช้หางจี้ตามรักแร้ไม่ทำอันตรายแล้วงูก็หายไป (ความจริงผลไม้นั้นเป็นยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง ท่านทราบว่าพระอาจารย์บุนนาค มีอายุสั้นจึงนำไปให้แต่พระอาจารย์บุนนาคไม่มีวาสนาเอง) หลวงปู่องค์นี้อายุยืนกว่า 200 ปี เรียกกันว่าหลวงปู่ดำ น่าจะเป็นอาจารย์ของท่านอภิชิโตภิกขุ อำนาจจิตนี้หากบรรลุขึ้นแล้วสามารถที่จะอธิษฐานได้ตามความปรารถนา บรรจุพลังลงในวัตถุธาตุธรรมดา จนกลายเป็นอิทธิวัตถุอันวิเศษ คล้ายกับการอัดเทปแต่เทปเก็บไว้นานมีการเสื่อม พลังอธิษฐานจิตของพระสุปฏิปันโนหรือพระอรหันต์เสื่อมตัวช้า ถ้าผู้เสกสร้างรู้จักการใช้ธาตุประกอบจะเกิดผลดังนี้ อาโปธาตุคือธาตุน้ำมีลักษณะอ่อนโยนบังเกิดประสิทธิภาพทางเมตตา ถ้าจะให้กันปืนก็เป็นได้เพราะน้ำเป็นศัตรูกับดินปืนทำให้เปียกชื้น ใช้เตโชธาตุคือธาตุไฟ บังเกิดอำนาจ ขับไล่ภูตผีปีศาจเพราะไฟมันร้อน ใช้ปถวีธาตุคือธาตุดินมีลักษณะแข็งแกร่งเกิดสภาพคงทน ใช้วาโยธาตุคือธาตุลมผลักดันให้บังเกิดการแคล้วคลาดหรือต่อต้านกระสุนปืนให้ถูกหนักเป็นเบาในสภาพสูญญากาศ ฟังดูน่าเลื่อมใส
แต่ทุกวันนี้ไม่ว่าพระวิเศษเลิศล้นสักปานใดราคาแสนราคาล้านทราบว่าถึงจุดดับทุกราย น้อยนักที่จะได้ฟังถึงปาฏิหาริย์ทหารตำรวจตายไปไม่ทราบเท่าใดแล้วความจริงก็ไม่อยากพูดเพราะเป็นมีดสองคม ถ้าเกิดอันธพาลทราบเรื่องนี้แล้วเกิดเชื่อตำรวจแย่แน่ แต่ในทางตรงข้ามเกิดตำรวจเชื่ออันธพาลก็แย่เหมือนกัน ทุกวันนี้ใช้พระกันยังไม่เป็น เป็นแต่ดูพระด้วยแว่น จัดประกวดพระ ขายพระเท่านั้น นอกจากไม่เป็นแล้วยังชวนให้ผู้อื่นรับเคราะห์กรรมไปด้วย จึงนับว่าเป็นกรรมที่จะต้องชดใช้ในการแนะแนวทางที่ผิดสมกับที่ไม่รู้อยากอวดรู้ ไม่เคยศึกษาวิชากายหัตถรังสี ไม่เคยศึกษาเรื่องฉนวนกั้นขณะที่กำลังเขียนเรื่องอยู่นี้ มีเซียนพระชั้นกรรมการของชมรมพระเครื่องจังหวัดระยองหน้าตาเลิกลั่กเข้ามาหาตะโกนว่า อาจารย์ครับเสี่ยนวยถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ตายคารถทั้ง ๆ ที่คอมีเหรียญหลวงพ่อคงบางกระพร้อม เหรียญหลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ และของอื่นซึ่งวงการรับรองแล้วทั้งนั้น จึงถามว่าพระและเหรียญที่กล่าวนั้นเสี่ยอัดพลาสติกหมดใช่ไหม เขาตอบว่าใช่จึงบอกว่าช่วยไม่ได้ ใช้พระไม่เป็น จึงต้องเสียทีเขา อย่าว่าแต่ระยองแม้ชลบุรี เมืองกาญจน์ เมืองเพชร ที่ไหน ๆ ก็เช่นกัน


ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #91 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 08:27:40 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนที่ 3

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร


ลักษณะการเดินของรังสีจิต กับรังสีจิตที่อยู่ในสภาพถูกบรรจุในวัตถุมันต่างกัน ไฟฟ้าไม่เปิดสวิตมันก็ไม่เกิดแสงส่วาง การกรอกน้ำลงในขวดเสร็จแล้วรินออกได้ แต่ถ้าปิดจุกมันก็ไหลออกไม่ได้ สายไฟฟ้าดูดคนตายแต่ถ้าใช้สายยางห่อหุ้มมันก็ทำอันตรายเราไม่ได้ ถ้าเกิดรั่วก็เป็นอันตรายกระแสน้ำกระแสไฟฟ้ามีทางเดินคล้ายกระแสจิตไปกั้นมันเข้ามันก็ไม่มีทางออก ถึงจะออกได้ก็ชักช้าไม่ทันการ เป็นเช่นนี้พระสมเด็จราคาแสนจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ เห็นตายสนิททุกราย ใครว่าใช้พระสมเด็จแล้วไม่ตายโหง อาจเป็นได้ถ้ารู้จักการใช้ นายแพทย์ประจำ วัชรปานเคยกล่าวว่าผู้ใดที่มีพระร่วงหลังรางปืนสนิมแดงกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สวรรคโลก เรื่องการตายโหงแล้วรับรองไม่มี สำหรับเหตุผลในข้อนี้วินิจฉัยยากเพราะพระร่วงชนิดนี้มี จำนวนน้อยราคาสูงมาก และมักอยู่กับผู้มีชะตาวาสนาสูงส่ง โอกาสที่จะผจญอันตรายมีเปอร์เซ็นต์น้อย แต่ก็ปรากฏแล้วว่าผู้ที่แขวนพระร่วงชนิดนี้ และเป็นองค์ที่ได้รับรางวัลที่หนึ่ง ชนะการประกวดมาแล้วตายโหงไปแล้วว่าไงครับ วงการเงียบกริบ ควรออกหนังสือแสดงการตายของพระเครื่องเสียบ้างจะได้หยุดเล่นกันเสียที เล่นไม่ยุติธรรมเซียนพระผู้ยิ่งยงสองท่านขอสงวนนาม คนหนึ่งดูพระสมเด็จเก่งชะมัดถูกตีที่ศีรษะเย็บ 15 เข็ม อีกคนหนึ่งแขวนพระสมเด็จเต็มคอถูกฟาดด้วยเก้าอี้เหล็กฐานไปหลอกลวงเขาเย็บ 18 เข็มเท่านั้นครับไม่
มากมายอะไรทหารปฏิบัติการรบที่จังหวัดชายแดนแขวนพระชนิดสายนับได้ 108 องค์เก๊ดีผมไม่ทราบ ทราบแต่เลี่ยมอัดหมดโดนสหายตอกด้วยปืนอาก้าเบาะ ๆ หยุดพูดเลย ต้องเชิญอาจารย์ชุมไชยคีรีไปแสดงอรรถาธิบาย คงมีพระของท่านปนอยู่ด้วย อาจารย์ชุมบอกว่ามันถึงคราวตาย สำหรับศาสตร์นี้จะอธิบายในตอนหลัง ผมจะยกตัวอย่างในการใช้พระอัดพลาสติกให้ดูสักหลายเรื่อง
1. รูปไหว้ห้าครั้งของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจริญ ญาณวร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลือชื่อมาช้านานในด้านกันภูตผีปีศาจ ศิษย์หน้าวัดเขาบางทรายมีอาชีพขับรถยนต์รับจ้างถูกผีเข้าขณะที่มีรูปไหว้ห้าครั้งติดตัว เขาเชื่อพระคุณเจ้าว่าไม่มีอะไรกางกั้นกระแสจิตได้ จึงนำไปเลี่ยมอัดพลาสติกและได้รับผล ผีมันคอยโอกาสมานานแล้ว เกิดสงสัยจึงนำไปพิจารณาทางในดูปรากฏว่ารังสีจิตหมุนวนอยู่ภายในกรอบพลาสติกไม่สามารถออกมาได้ จริงตามที่เล่าลือ อีกรายหนึ่งถูกสุนัขที่บ้านกัดเข้าก็มีรูปไหว้ห้าครั้งอัดพลาสติกเช่นเดียวกัน ความจริงของ ๆ ท่านเก่งทางเขี้ยวงา และเคยปรากฏความศักดิ์สิทธิ์มาแล้วมากครั้ง จริงของ ๆ ท่านเก่งทางเขี้ยวงา และเคยปรากฏความศักดิ์สิทธิ์มาแล้วมากครั้ง
2. เพื่อนฝูงคนหนึ่งเป็นหัวหน้าส่วนรัฐวิสาหกิจ แขวนพระชั้นดีเต็มคอแท้ทั้งนั้นแนะนำอย่างไรก็ไม่เชื่อ เชื่อวงการดีกว่า ถูกยิงด้วยปืนลูกกรด .22 ห้านัดเข้าทุกนัดอาการสาหัส เจอหน้าเข้าตีหน้าชอบกล
3. เมื่อวันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 มีคนถูกยิงตาย และยิงไม่เข้าหลายรายผมขอร้องให้คุณชินพร สุขสถิตย์ บรรณาธิการหนังสืออภินิหารและพระเครื่องนำเรื่องลงพร้อมกับถ่ายภาพคนที่ถูกยิงไม่เข้าปรากฏว่าเป็นชายชาวชนบท แขวนพระเครื่อง 3 องค์ ที่จำได้มีพระถ้ำเสือ พระปิดตาวัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ และพระอะไรอีกองค์หนึ่งจำไม่ได้ ปรากฏว่า เลี่ยมเปิดหมด ถ้าไม่เปิดรับรองสบายแน่ ส่วนที่เลี่ยมปิดตายเรียบทุกราย ไม่ตายก็สาหัส
4. ที่ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกงชายผู้หนึ่งมีเหรียญหลวงพ่อดิ่งรุ่น 2481 ของแท้ติดตัวอยู่เหรียญหนึ่ง เคยถูกแทงด้วยมีดไม่เข้า และถูกตีด้วยไม้พายจนตกเรือก็ไม่เป็นไร ต่อมาขัดสนทางการเงินจึงขายให้นักเลงพระผู้หนึ่งไป เขาผู้นั้นก็นำไปเลี่ยมอัดอย่างดีตามคตินิยมได้ผลทันที ครั้งแรกถูกสุนัขกัดเป็นแผลเหวอะ ครั้งที่สองไปชนเหลี่ยมเสาเพียงเบาะ หน้าผากแตก ทำให้ผู้เป็นเจ้าของเหรียญงงยิ่งกว่าไก่ตาแตกจนมีเพื่อนล้อเลียนว่าแขวนเหรียญเก๊
5. ที่ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกงมีผู้แขวนพระไตรภาคี คือพระสมเด็จ พระนางพญาพิษณุโลก พระผงสุพรรณวงการรับรองว่าเป็นของแท้ ขณะนั่งดูงิ้วรบกับเพลิน มีใครไม่ทราบแสดงงิ้วนอกโรงใช้มีดแทงทะลุหน้าอกถึงแก่ความตาย ปรากฏว่าเป็นพระเลี่ยมอัดพลาสติกตามคตินิยมเป็นการใช้พระนอกครู


ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #92 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 08:28:34 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนที่ 4

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร


6. มีผู้แขวนพระร่วงหลังรางปืนสนิมแดง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สวรรคโลกองค์ชนะการประกวดถูกยิงนัดเดียวตายคาที่พระองค์นั้นไม่ต้องบอกก็นั่งทางในตอบได้ว่าเลี่ยมอัดอย่างแข็งแรง
7. วัยรุ่นที่จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับพระสมเด็จวัดระฆังขนานแท้ และดั้งเดิมจากบรรพบุรุษ ซึ่งเคยมีประสบการณ์มาแล้วมากครั้ง ครั้งแรกถูกยิงด้วยปืนลูกซองพกไม่ระคายผิวหนัง ต่อมานำไปเลี่ยมอัด
พลาสติกเพียงถูกสุนัขกัดเบาะ ๆ ต้องเย็บถึง 8 เข็ม
8. นักเลงพระชั้นเซียนผู้หนึ่งได้พระท่าเสาเมืองกาญจน์มาหนึ่งองค์ ทดลองความเหนียวคงโดยนำพระยัดใส่ปากปลาช่อนแล้วฟันด้วยมีดอย่างแรงหลายที่ ปรากฏว่าฟันไม่เข้าจึงนำไปเลี่ยมอัดพลาสติกตามคตินิยม วันหนึ่งจะอวดของดีกับเพื่อนฝูง จึงไปซื้อปลาช่อนมาจากตลาดลองฟันดูใหม่ปรากฏว่าฟันเข้าหมดลองดูถึง 10 ตัวไม่ได้ผล จึงลองแกะพลาสติกแล้ว ไปหาปลามาทดลองฟันใหม่ปรากฏว่าฟันไม่เข้า การทดลองเช่นนี้ทำให้เพื่อนฝูงเกิดลาภปาก รับประทานปลาแป๊ะซะกันจนอิ่มหนำสำราญ วันนั้นเองเซียนพระผู้นั้นนำพระเครื่องชนิดต่าง ๆ มาแกะพลาสติกออกได้พลาสติกประมาณครึ่งกระบุง

9. นักเลงพระชื่อวันชัย อยู่จังหวัดอยุธยามีพระสมเด็จวัดระฆังราคาแสนแขวนสร้อยห้อยคอ ถูกยิงเข้าทุกนัด นักปราชญ์ท่านยังเชียร์ว่าพระสมเด็จไม่ตายโหง เช่นนี้ถ้าถูกเอ็ม 16 ที่หน้า หน้าอาจจะไม่เละกระมังเพราะท่านไม่ตายโหง แต่ที่ตายโหงมาแล้วเหลือคณานับ นักปราชญ์ท่านแก้ว่าได้ตรวจทางในแล้ว ถึงสมเด็จฯ ปลุกเสกพระของท่าน ถึงวันละสามเวลาไม่ขาดเกิน ก็ไม่ปรากฏนิมิตว่าเหนียวคง ตรวจหลายองค์แล้ว อนิจจา หลงเล่นพระปลอมอยู่ได้

10. ที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายตำรวจตระเวนชายแดนชายแดนคนหนึ่งชื่อ สำราญ นามสกุลจำไม่ได้ นำพระสมเด็จฯ มาให้ดู ปรากฏว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังไม่มีการเลี่ยมใช้พกกระเป๋าเฉย ๆ เล่าให้ฟังว่า ใช้พระองค์เดียวถูกยิงด้วยกระสุนเจาะเกราะอย่างจังที่ขา ระยะเผาขน พอเป็นผื่นเล็กน้อยเท่านั้นเอง ใครว่าพระสมเด็จไม่เหนียว นอกจากของเก๊ ไม่รับรอง

11. ที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครวรรค์ มีการจ้างนักเลงทำร้ายบุคคลผู้หนึ่งผู้ดักทำร้ายล้วนเคยเป็นเสือปล้นและมีประวัติโชกโชนมาแล้วทั้งนั้น แบ่งเป็นมือปืน มือมีด มือขวาน แยกย้ายกันเป็นขั้นตอน ชั้นแรกมือปืนใช้ปืนพกขนาด 11 ม.ม. ยิงถูกท้ายทอยเต็มรัก แรงผลักดันของลูกปืนทำให้ผู้ถูกทำร้ายถึงกับกระเด็นตีลังกาจากรถเครื่อง น่าสงสารตัวเล็กนิดเดียวมองไปข้างหน้าเห็นกลุ่มดาบและกลุ่มมือขวานดักรออยู่อีก ได้สติจึงหลบมุดลงท่อน้ำข้างถนนรอดไปได้ การที่กลุ่มประหารวางแผนอย่างเข็มแข็งเช่นนี้ เพราะทราบว่าผู้ถูกทำร้ายมีพระดีเคยถูกยิงไม่ออก ความจริงคือพระสมเด็จองค์เก่า ๆ ของปู่องค์เดียวเท่านั้นใช้เลี่ยมทองเปิดหน้าเปิดหลังมาเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่เป็นพระสมเด็จวัดไชโยวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง

12. ที่จังหวัดภาคใต้ มีนายตำรวจชั้นรองผู้กำกับการภูธรกับคณะเดินทางไปราชการท้องที่โดยรถจิ๊บแลนโรเวอร์ เกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำมีคนเจ็บและตาย ตัวท่านรองเองขาหัก ขณะที่แล่นรถเข้าตัวเมือง มีการประทับทรงเสด็จปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดอยู่ริมถนน ร่างทรงได้เรียกให้รถหยุดแล้วเข้าไปต่อว่าท่านรองฯ ว่าไปขังท่านไว้ออกมาช่วยไม่ได้ เพียงขาหักก็ดีแล้ว ปรากฏว่าคอของท่านรองฯ แขวนรูปหลวงปู่ทวดอยู่หนึ่งองค์หนึ่งจริง ๆ ต้องรีบนำไปแกะออกด่วน


ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #93 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 17:54:05 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนที่ 5

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร


นิทานเรื่องนี้ ถ้าจะกล่าวต่อไปก็นับเป็นพัน ๆ รายและยังมีอยู่ทุกวันและจะมีต่อไปไม่สิ้นสุด เป็นที่น่าเศร้าใจเพราะคบคนผิดคิดว่าเขาเป็นผู้รอบรู้เชี่ยวชาญ ที่แท้คบเอาเถรส่องบาทเข้าเต็มเปา ผมจึงค้นคิดวีธีการใช้พระเครื่องไว้ดังนี้
1. การเลี่ยมพระควรเปิดหน้า และจำเป็นต้องตรวจพลังภายในก่อนที่จะใช้ในการคุ้มครองป้องกันชีวิต ถ้าเป็นเหรียญรูปพระคณาจารย์ซึ่งมีราคาค่างวดสูงต่ำกว่ากันตามค่านิยม ชนิดราคาเรือนพันเรือนหมื่นควรเป็นตลับทองคำเจาะตรงพระพักตร์ให้เป็นรูกว้างเท่ากับปลายเข็มหมุด เพื่อการแผ่พุ่งของรังสี ถ้าเหรียญราคาไม่แพงให้เลี่ยมด้วยพลาสติกสีเปิดหน้าหลังยกขอบกันสึกเพื่อเป็นการอนุรักษ์ให้ถาวรทนทานถ้าเป็นพระชินตะกั่วสนิมแดงหรือพระเนื้อผงไม่จำเป็นต้องเปิดหลัง คนสมัยก่อนนิยมเลี่ยมเปิดหลังเรียกว่าพระเจ้าเปิดโลก เพื่ออาศัยการสัมผัสจากธาตุสี่ในการตัวขับดันรังสีพระ ความจริงนั้นเพียงรังสีขององค์ท่านก็เป็นการเพียงพอแล้ว การเจาะที่ก้นรังสีไม่ออกชัดเจน ใครจะรักพระหรือรักชีวิตเลือกพิจารณาดูเอง

2. ถ้าเลี่ยมเปิดหมดจะต้องยกขอบให้เกินองค์พระไว้ เพื่อป้องกันการเสียดสีถ้าเลี่ยมแบบไม่ใช้ตลับเจาะหน้าก็ได้แต่มีจุดบกพร่องเพราะฝุ่นจะเข้าเกาะในองค์พระและดูไม่งามยากแก่การทำความสะอาด ถ้าเลี่ยมแบบตลับนาน ๆ ถอดออกทำความสะอาดได้

3. ผู้ที่นิยมแขวนพระมากองค์จะเลี่ยมปิดทั้งหมดก็ได้ แต่ควรเลือกองค์ใดองค์หนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงและสุนทรียภาพค่อนข้างต่ำเปิดกันเลยองค์เดียวก็พอ อย่าเลี่ยมปิดหมดทั้งชุด และควรใช้พระในอัตราคี่ เช่น 1 องค์ 3 องค์ 5 องค์ (บางคนถือเคล็ดไม่ยอมใช้พระอัตราคู่)


ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #94 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 17:57:13 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนที่ 6

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร

การใช้พระเครื่องสมัยเดิม

เรื่องการอมพระ คาดพระ พกพระใส่ไถ้ใส่ถุง นับเป็นเรื่องล้าสมัย คนสมัยเก่ามีเคล็ดวิชาเกี่ยวกับการใช้พระเครื่องมากมาย ได้รับประสิทธิผลเป็นส่วนใหญ่ ทุกวันนี้ผู้เฒ่าผู้แก่มักพูดว่าไม่จำเป็นต้องใช้การพกพระติดตัวนำไว้กับบ้านก็ใช้ได้ เด็กรุ่นใหม่ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะเชื่อถือเห็นว่าเป็นการพูดเล่นมากกว่า เพราะขนาดแขวนคอเป็นพวงยังเห็นไปไม่รอด แต่เป็นเรื่องจริงเขาเรียกว่าการใช้พระ โดยการอธิษฐาน ผู้อธิษฐานจะต้องมีสมาธิจิตอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยวจริง ๆ ย่อมได้ผลจริง มีบุคคลหนึ่งไม่ได้ถามชื่อได้รับพระสมเด็จวัดระฆังเป็นมรดกตกทอดอยู่องค์หนึ่ง ปกติบุคคลผู้นี้ไม่นิยมการแขวนพระ แต่มีความเคร่งครัดกว่าผู้ที่แขวนพระมากมายนักคือก่อนที่จะออกจากบ้านไปกิจธุระทุกครั้งจะไม่ลืมจุดธูปบูชาพระสมเด็จฯ เพื่อขอความแคล้วคลาดปลอดภัยคุ้มครองชีวิต วันหนึ่งถูกยิงด้วยปืน 3 นัดที่ตัวเป็นรอยไหม้ 3 รอยและไม่ได้รับอันตราย สมัยเมื่อพระคุณเจ้าธัมมวิตกโก ยังมิได้ทำการอธิษฐานจิตเสกพระเครื่องและเหรียญรูปเหมือนองค์ท่าน มีนายตำรวจบางคนไปขอของดีจากท่าน พระคุณเจ้าชี้แจงว่าไม่ได้มีของดีอะไรแจก หากนับถือพระคุณเจ้าเพียงให้รำลึกถึงฉายาว่า ธัมมวิตกโก โกก็พอคุ้มกันภยันตรายได้ ต่อมานายตำรวจผู้นั้นไปตามจับผู้ร้ายสำคัญจังหวัดเพชรบุรีที่ป่าตาลแห่งหนึ่งเกิดต่อสู้กันตัวต่อตัว คนร้ายมีร่างกายกำยำแข็งแรงกว่านายตำรวจกดคอนายตำรวจไว้จะเชือดด้วยมีปาดตาลอันคมกริบ นายตำรวจเห็นจวนแจได้สติจึงรำลึกถึงพระคุณเจ้า ธัมมวิตกโก เท่านั้นเองผู้ร้ายถึงแก่อาการจังงังเงื้อมีดปาดตาลค้างนายตำรวจผู้นั้นจึงใช้วิชายูโดล๊อคคนร้ายไว้ได้ และถามด้วยความสงสัยว่าตอนนั้นทำไมไม่ลงมือเชือดคอฉัน ผู้ร้ายตอบว่าจะเชือดได้อย่างไรกันครับ พระที่ไหนไม่ทราบมายืนอยู่ข้าง ๆ ทำเอาผมคิดอะไรไม่ออกเรื่องนี้ทราบจากปากคำนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งคุ้นเคยกันส่วนตัว บางคนว่าเหรียญที่อัดพลาสติกจนแน่นก็ใช้ได้ เช่น เหรียญหลวงพ่อคงบางกระพร้อมเหรียญหลวงพ่อดิ่งวัดบางวัว เขาว่าอย่างนั้น มันออกจะขัดแย้งกับการแผ่พุ่งของรังสีตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ซักไปคงได้ความเช่นเดียวกับการอธิษฐานโดยไม่ต้องนำพระติดตัว เข้าศาสตร์เดียวกับผู้ที่ใช้พระสมเด็จโดยไม่ต้องนำพระติดตัวไม่ใช่ว่ารังสีการคุ้มครองสามารถพุ่งทะลุพลาสติกออกมาได้ มิฉะนั้นจะเป็นการเข้าใจผิดไปอีกนาน ประเภทนี้เป็นการใช้พระเดี่ยวทั้งสองราย การใช้พระในสมัยก่อนนอกจากการอธิษฐานอาราธนาโดยเคร่งครัดแล้วยังมีการผูกกลึงการคัดถอน โบราณถือว่าเวทย์มนต์คาถานั้นมีการสูบหรือคัดถอนได้เมื่อเกิดดีต่อดีมาเจอกันก็จำเป็นต้องคัดถอนกันเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ฉะนั้นการต่อสู้ระยะประชิดตัวในการรบสมัยโบราณจึงมีการตายกันไม่น้อยทั้ง ๆ ที่ต่างก็มีของดี ดังคำกลอนเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนกล่าวถึงการคัดของดีจากคู่ต่อสู้ดังนี้
“สำมะยั่วโถมเข้ามานายทัพ สำมะยังเป่าไปให้ปะจุขาด
ดาบร่อนเลือดฝาดดังชาดเช็ด พรหมศรเสกคาถาว่าถอนโบสถ์
ชักกั้นหยั่นฟันควาญช้างลงซานซบ สอยดาวเห็นแม่ทัพอัปรา
ก็ขับไสช้างงาเข้ามาพลัน ธรรมเถียรยืนดูอยู่ท่ามกลาง
อ้ายพลายแก้วมิ่งเมืองไม่เงื่องงุย นายสอยดาวทรงกายพอหายขัด
ไทยเป่าโอ้ฟ้าผ่ามาตามลม นายปราบรับฟันปังดังเหล็กเพชร
เอาดาบฟาดขาดสะบั้นกระเด็นเด็ด อ้ายลาวเข็ดคิดขยาดไม่อาจรบ
โดดแทงกำกองเข้าท้องกบ ทับศพผีนายลงก่ายกัน
นายทั้งปีกขวาก็อาสัญ เอาง้าวฟันพวกไทยไล่ตะลุย
ขัดใจไสช้างมาฉุยฉุย เอางาฉุ่ยสอยดาวเข้าราวนม
เอาของัดงาหันฟันประสม ฟันลาวง้าวจมลงครึ่งคอ”
อันคาถาโอ้ฟ้าผ่านี้ เข้าใจว่าเป็นบทหนึ่งในคัมภีร์รัตนมาลาคือ “โอติโตสัพพะกิเลสัง โอหิโตสัพพะมะลัง โอหิโตสัพพะทิฏฐิญจะ โอหิจิตตังนะมามิหัง” ใช้เคล็ดจากคำว่าสัพ เมื่อตอนหนุ่ม ๆ เคยไปขอเรียนจากท่านผู้เฒ่า ท่านกล่าวว่าคาถาบทนี้ขอเพียงให้นั่งกระดานเดียวกัน ใครอวดศักดาลองเหนียวว่าคาถาแล้วพังทุกราย ขอเรียนก็ไม่ให้บอกว่าแก่แล้ว ต้องบอกกันใต้ต้นไม้ใหญ่และฟ้าจะผ่าทันทีเกรงจะวิ่งหนีไม่ทัน เลยไม่ได้เรียนกับท่าน เมื่อมีการคัดถอนก็จำเป็นต้องมีการผูกอย่างเหนียวแน่นเช่นกัน ใส่กุญแจสามชั้นบ้าง ใช้บทพระนารายณ์กลึงจักรคือ อะ ภะ สัง ภุ วิ สะ สุ ปุ โล กันคัดถอนกันคุณไสยตามอุปเท่ห์กล่าวว่า อย่าว่าแต่มนุษย์เลยเทวดาทำมาก็ไม่ถูก มีวิธีคัดอยู่อย่างเดียวที่จะแก้กันคือบทพระนารายณ์คลายจักร โล ปุ สุ สะ วิ ภุ สัง ภะ อะ คณาจารย์แถบชายทะเลฝั่งตะวันออกนิยมใช้บทนี้ นะกลึงฟ้า โมกลึงดิน พุทธกลึงสมุทร ธากลึงสายสิญจน์ ยะกลึงอากาศ อากาศนี้กลึงด้วย นะ โม พุท ธ า ยะ ส่วนที่ใช้กันง่าย ๆ ก็คือเมื่ออาราธนาเสร็จให้กลั้นใจว่า โส ทา ยะ 3 ครั้ง จึงเอาพระสวมคอกันหลวงพ่อเผลอหนีไปเที่ยว เวลาถอดแขวนก็บอกว่า ไส ยะ คือนิมนต์หลวงพักผ่อนได้ครับเหนื่อยมามากแล้ว นอกนั้นยังมีเรื่องลี้ลับอีกประมวลแล้วล้วนเป็นเรื่อง ทุกข อนิจ อนัตตา คือ…..

ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #95 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 18:04:35 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนที่ 7

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร



วันเหนียว
เป็นวันเหนียวเฉพาะตนโดยอัตโนมัติแต่ไม่ทราบว่าเป็นวันอะไรแน่ พยายามสอบถามได้ความเพียงว่าให้สังเกตดูหากวันไหนถ่ายอุจจาระจมก็วันนั้นแหละ ไม่ต้องมีอะไรก็เหนียว ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่นิยมการใช้พระแม้แต่เรื่องลงกระหม่อมสักยันต์ก็ไม่เคย วันหนึ่งถูกสุนัขกัดอย่างแรงไม่เข้าเป็นที่แปลกใจ บางคนเกิดฟลุคไปรดน้ำมนต์แล้วถูกรุมตีไม่เป็นไรอาจารย์องค์นั้นก็ดังไปพักหนึ่งโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถ้ามีพระติดตัวก็เข้าใจว่าหลวงพ่อช่วย เอวันหลังทำไมไม่แน่

วันเปื่อย
เมื่อมีวันเหนียวก็ย่อมมีวันเปื่อยเป็นของคู่กัน อย่าทะนงตนและอย่าสงสัยเรื่องเกิดขึ้นภายในครอบครัวนี่แหละครับ วันหนึ่งผมไปพบท่านเจ้ากรมแผนที่คนปัจจุบันที่บ้านสะพานจงประสาน อ. เมืองชลบุรี พอเห็นหน้าท่านก็ทักทันที แหมพระของพี่ถมเหนียวชะมัดตาจิ๋วถูกสุนัขกัดเย็บตั้ง 8 เข็มทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก จึงเรียนถามท่านว่า สุนัขมันกัดวันอาทิตย์ใช่ไหมครับ ท่านตอบว่าใช่ ผมก็ไม่กล่าวกระไร ท่านบอกว่ายังทะลึ่งพาไปคลินิกเห็นถอดพระออกจากคอ ถามว่าถอดทำไม่ ตาจิ๋วตอบว่าเข็มแทงไม่เข้าครับ นี่มันประกอบด้วยกฎแห่งกรรม คือนายจิ๋วเมื่อเล็ก ๆ มีนิสัยซุกซนชอบแหย่สุนัขข้างบ้าน เอาใบกระดาษแหย่ให้มันกัดมันโกรธและมีความอาฆาตพอมีโอกาสเจอกันที่ถนน มันตรงเขากัดอย่างไม่เลี้ยงมันดุจริง ๆ ขนาดกัดสุนัขด้วยกันมันกินเนื้อสุนัขตัวที่ถูกมันกัด แต่นายจิ๋วก็มีนิสัยเป็นนักสู้ไม่ถอยหนีรู้สึกตัวว่าถูกกัดเข้า ก็รีบนึกถึงหลวงพ่อตอนนี้ไม่เข้าและชักมีดจะแทงสุนัขพอดีเจ้าของออกมาห้ามจึงเลิกกันไป พอไปถึงคลินิกเย็บแผลเกิดไม่เข้ายังความฉงนสนเท่ห์ให้กับนายแพทย์ยิ่งนัก รำพึงว่าไม่น่ากัดเข้าเลย และก็พระองค์นี้ถูกกัดมามากครั้งแล้ว สบายมากไม่เป็นไรเลยนี่แหละครับเขาเรียกวันเปื่อย และอาจจะเป็นเฉพาะชั่วยามในคราวเคราะห์


ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #96 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 18:05:22 »

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ

การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนจบ

ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร


วันตาย
คนเราย่อมมีที่ตายของตน อาจมีคนแย้งว่าที่ตายของคุณแม่อยู่ที่ซอยลอยมา ถ้าอยู่ซอยจงประสานเห็นทีจะไม่ตายกระมังนี่เป็นการตายปกติสามัญ อยู่โรงพยาบาลอยู่ที่ไหนก็ตาย ที่ตายที่ว่านี้เป็นการตายไม่ปกติ เช่นหายโหง ตายแบบอุบัติเหตุมันมีที่ของมัน เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานองค์การรถไฟ ไปราชการสงครามประเทศเกาหลีไม่มีพระกับเขามันก็ไม่ตายเพราะไม่ใช่แดนตายของเขา คนที่มีพระเต็มคอก็ตายเขาเลยไม่ยอมเชื่อพระตัวเอง เช่นว่านี้มีอยู่หลายเรื่อง

1. มีนักเลงทางตำบลบางทรายผู้หนึ่งเกเรและเพาะศัตรูไว้มากมาย แกมีพระประจำตัวอยู่ 3 องค์ คือ พระร่วงสนิมแดง 1 ประปิดตาเมฆพัดหลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก 1 พระคงสีดำ จังหวัดลำพูน 1 มีปืนเบรานิงค์ตราปืนขนาด 7.65 หนึ่งกระบอกพกติดตัวอยู่เสมอ ก่อนจะออกตลาดทุกครั้งจะต้องแวะไปที่กุฏิท่านวินัยธรรม (เภา)ให้เห็นพระเสียก่อน และมักจะลองของบนกุฏิทุกครั้งด้วยปืนคู่ชีวิต คือยิงใส่ตัวเอง 3 ครั้งก่อนจะเดินทาง คิดว่าหากเป็นวันเปื่อยก็เพียงแค่เสียแขน ถ้าไปโดนวันเหนียวเข้า ยิง 3 นัดก็ไม่ออก โดนวันธรรมดาก็ออกกระสุนปืนเด้งจากแขนเพียงเป็นจุดไหม้เท่านั้น จึงจะเป็นที่มั่นใจและออกเดินทางได้และเข้าวันหนึ่งหลังจากทดลองตัวเองด้วย 3 นัดไม่เป็นไรก็ต้องถูกยิงตายที่ตำบลท่าถ่านต้องถูกมือดีคัดของและประกอบกับเป็นวันตาย ที่ตายด้วย หากไม่ออกมามันก็ไม่ตาย

2. หลวงพ่อวัดหนองบัวลาดหญ้าเมืองกาญจน์เก่งทางตะกรุดฝาบาตร ท่านทรงฌานสมาบัติ วันหนึ่งมีกระทาชายสองนายมาหาท่านที่กุฏิเพื่อขอตะกรุดฝาบาตรจากท่านคนละดอก ท่านพิจารณาอยู่สักพัก แล้วสั่งว่าวันนี้ขออย่าลองของ กระทาชายทั้งสองนายพอรับของจากหลวงพ่อก็ดีใจลืมคำพูด สัญญาความจำรู้เพียงว่าของหลวงพ่อเคยลองได้ คนหนึ่งมีดาบเล่มยาว อีกคนหนึ่งมีมีดซุยขนาดใหญ่เรียกกันว่ามีดการะเกด ต่างผลัดกันแทงผลัดกันฟันเป็นที่สนุกสนาน พอถึงทางแยกสามแพร่งคนที่ถือดาบถูกคนมีมีดการะเกดแทงเต็มเหนี่ยวทะลุหลังถึงหน้าอกขาดใจตายตรงนั้นเอง ทำให้ต้องเสียเพื่อนรักและตัวเองต้องติดตะรางเพราะความประมาท

3. เสือร้ายมาตายรัง เรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง เพราะเสือร้ายมาตายที่วัดหลวงพ่อและเป็นศิษย์ก้นกุฏิเสียด้วย เรื่องเกิดขึ้นทางจังหวัดภาคเหนือจะเป็นอุตรดิตถ์หรือชัยนาทจำไม่ได้ ทำให้หลวงพ่อเสียหน้า มันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ามาตลอดทางถูกยิงไม่เป็นไร พอถึงโคนต้นมะขามใหญ่วัดที่เคยขุนข้าวสุก ก็ถูกยิงล้มดิ้นสิ้นใจ หลวงพ่อออกมาดูบอกกับคนทั้งหลายว่าที่ตายของมันอยู่ตรงนี้ คนไม่ยอมเชื่อท่านสั่งให้ลากศพพ้นจากต้นมะขามเพียงหนึ่งวาแล้วให้ยิงด้วยปืนพร้อมกัน 7 กระบอกให้ยิงตามความพอใจไม่ต้องนับปรากฏว่าไม่ออก ท่านให้เอาหอกและจอบตราจระเข้ซึ่งมีความคมขนาดสับรากมะขามขาดลองฟันดู ก็ไม่เข้า พอลากคนถึงโคนมะขามปรากฏว่าทั้งยิงทั้งฟันเข้าหมด ทดลองถึง 3 ครั้ง คนจึงเชื่อและหลวงพ่อขอร้องว่าสงสารอย่าทรมานแก่สังขารอันปราศจากวิญญาณอย่างน้อยมันก็ตายไปแล้ว

นี่แหละครับมันเป็นเรื่องลี้ลับนอกเหนือการส่องแว่นค้นหาตำหนิและโค๊ทจริง ๆ เรื่องอะไรทั้งหลายไม่น่างง มันมีสูตรมานานแล้วมิใช่เพิ่งมี หากไม่ศึกษาก็ไม่ทราบ


ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #97 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2553 18:06:39 »

ผ้ายันต์ครอบจักรวาล รุ่นพิเศษ

ในวันงานกองทุนหาพระถวายวัด ผมจะเตรียมไปแจกให้กับทุกๆท่านที่ไปงาน (ถ้าผมไม่ลืม) ช่วยเตือนผมด้วยนะครับ

จากกระทู้
โครงการจัดทำผ้ายันต์ครอบจักรวาลรุ่นพิเศษหลวงปู่เทพโลกอุดร .
http://board.palungjit.com/showthread.php?p=583434
http://board.palungjit.com/showthrea...2445&page=1303

พระอาจารย์นิลท่านเคยได้ขออนุญาตหลวงปู่สุภา เรื่องของยันต์ นำมาจัดสร้างผ้ายันต์ครอบจักรวาล ปกติแล้ว หลวงปู่สุภาท่านไม่อนุญาตให้นำยันต์ออกมาจัดสร้างนอกวัด และมีการจดลิขสิทธิ์ไว้เรียบร้อยแล้ว



ในการจัดสร้างครั้งนี้ พระอาจารย์นิล พร้อมด้วยคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,คณะศิษย์หลวงปู่สุภา และคณะศิษย์พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) เป็นผู้ที่พร้อมใจร่วมกันจัดสร้างขึ้น

การอธิษฐานจิต
พระอาจารย์นิล ท่านได้นำผ้ายันต์ชุดนี้ ไปขอความเมตตาหลวงปู่สุภา ท่านอธิษฐานจิต เมื่อหลวงปู่สุภาท่านเมตตาอธิษฐานจิตเรียบร้อยแล้ว ก็ได้นำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษก อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้เชิญคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สำเร็จลุน พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม ,พระครูวิหารกิจจานุการ(หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

การอธิษฐานจิตผ้ายันต์ชุดนี้ เป็นการอธิษฐานจิตถึง 3 สายด้วยกัน คือ
1.สายหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (หลวงปู่สุภา ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นลูกศิษย์หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร) )
2.สำเร็จลุน พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) พระอาจารย์สีทัตถ์ วัดท่าอุเทน นครพนม
3.พระครูวิหารกิจจานุการ(หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค) พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

ซึ่งการจัดสร้างนี้ ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการแจกทหารทางภาคใต้ไปเป็นจำนวนมากพอสมควร พระอาจารย์นิลท่านได้ติดตามความคืบหน้าในการแจกผ้ายันต์ และพระอาจารย์นิล ท่านได้มาบอกกับผมและอีกหลายๆท่าน (ในวันงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร จังหวัดชลบุรี) ให้ทราบว่า สำหรับทหารที่ได้รับแจกผ้ายันต์ครอบจักรวาล ยังไม่มีใครที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลย

สำหรับท่านที่ได้รับไปแล้ว เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ หรืออาจจะนำมาใส่กรอบและแขวนไว้ที่ประตูบ้าน ดีมากๆครับ

พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

หน้าที่ 1521

.
http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1925.html
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #98 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2553 18:14:12 »

เรียนท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด , สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และสมาชิกคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน

หากท่านใดที่ได้เป็นตัวแทนของคณะ ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธาตุพระอรหันต์ ไปถวายตามวัดต่างๆ หากท่านเจ้าอาวาสบอกว่า พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ ที่อัญเชิญไปถวายนั้น ไม่แท้ หรือ ไม่ใช่ของจริง หรือ ดูแล้วไม่น่าจะใช่ หรือคำพูดทำนองนี้

ขอให้ท่านอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธาตุพระอรหันต์ กลับมา ไม่ต้องถวาย เนื่องจากเราไม่ต้องการที่จะให้พระสงฆ์ไปปรามาส ซึ่งทำให้เกิดกรรมหนักครับ

อีกประการคือ เราสามารถที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระธาตุพระอรหันต์ ไปถวายที่วัดอื่นๆอีกมาก

อย่าลืมนะครับ ทำในทุกๆเรื่อง ต้องมีสติ และใช้สติปัญญาทางพุทธที่พระพุทธองค์ทรงสอนมาให้เกิดประโยชน์กับตนเอง และหมู่คณะ

สิ่งที่ผ่านมา จะเป็นบทเรียนให้เราเดินไป เราต้องมีฐาน เหมือนกับเราจะปลูกบ้าน ก็ต้องมีการลงเสาเข็ม เฉกเช่นเดียวกัน ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เราต้องปรับปรุงและแก้ไขตนเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปครับ

โมทนาสาธุครับ
http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1927.html
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #99 เมื่อ: 09 มิถุนายน 2553 08:41:23 »

อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มูลปริยายวรรค
สัมมาทิฏฐิสูตร ว่าด้วยความเห็นชอบ


อรรถกถาสัมมาทิฏฐิสูตร
[๑๑๐] สัมมาทิฏฐิสูตรมีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้.
พึงทราบวินิจฉัยในสัมมาทิฏฐิสูตรนั้น ดังต่อไปนี้ :-
คำถามที่พระเถระ (สารีบุตร) กล่าวไว้อย่างนี้ว่า คุณ ที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอ? ดังนี้ หรือว่าอกุศลเป็นอย่างไรเล่า? ดังนี้ทุกข้อ เป็นกเถตุกามยตาปุจฉา (ถามเพื่อตอบเอง) เท่านั้นเอง.
เพราะว่าในคำถามเหล่านั้น คนทั้งหลายเข้าใจในสัมมาทิฏฐินั้นก็มี ไม่เข้าใจก็มี เป็นคนนอกศาสนาก็มี ในศาสนาก็มี กล่าวว่า สัมมาทิฏฐิด้วยสามารถที่ได้ฟังตามกันมาเป็นต้นก็มี ด้วยได้ประจักษ์ด้วยตนเองมาก็มี ฉะนั้น ท่านพระสารีบุตรจึงได้กล่าวหมายเอาคำถามของคนส่วนมากนั้น ย้ำถึง ๒ ครั้งว่า คุณที่เรียกกันว่า สัมมาทิฏฐิ... อันที่จริงในเรื่องนี้ มีอธิบายดังต่อไปนี้ ถึงอาจารย์เหล่าอื่นก็เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ.
ท่านพระสารีบุตรนี้นั้น เมื่อกล่าวอย่างนี้ ได้กล่าวว่า ด้วยเหตุเท่าไรหนอ อริยสาวกจึงชื่อว่ามีความเห็นถูกต้อง ดังนี้ หมายถึงความหมายและลักษณะ (ของสัมมาทิฏฐิ).


แก้สัมมาทิฏฐิ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมฺมาทิฏฺฐิ ความว่า ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบด้วยความเห็นทั้งดีงามทั้งประเสริฐ.
ก็เมื่อใด ศัพท์ว่า สัมมาทิฏฐินี้ใช้ในธรรมะเท่านั้น เมื่อนั้นพึงทราบเนื้อความของศัพท์นั้นอย่างนี้ว่า ทิฏฐิทั้งดีงามทั้งประเสริฐ ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ. และสัมมาทิฏฐินี้นั้นมี ๒ อย่าง คือ โลกิยสัมมาทิฏฐิ ๑ โลกุตตรสัมมาทิฏฐิ ๑.
ในจำนวนสัมมาทิฏฐิ ๒ อย่างนั้น กัมมัสสกตาญาณ (ปรีชาหยั่งรู้ว่า สัตว์มีกรรมเป็นของตน) และสัจจานุโลมิกญาณ (ปรีชาเป็นไปโดยสมควรแก่การกำหนดรู้อริยสัจ) ชื่อว่า โลกิยสัมมาทิฏฐิ. ส่วนปัญญาที่สัมปยุตด้วยอริยมรรค อริยผล ชื่อว่าโลกุตตรสัมมาทิฏฐิ. แต่คนที่มีสัมมาทิฏฐิมี ๓ ประเภท คือ ปุถุชน ๑ เสกขบุคคล (ผู้ต้องศึกษา) ๑ อเสกขบุคคล (ผู้ไม่ต้องศึกษา) ๑.
ในจำนวน ๓ ประเภทนั้น ปุถุชนมี ๒ ประเภท คือ พาหิรกชน (คนนอกศาสนา) ๑ ศาสนิกชน (คนในศาสนา) ๑.
ในจำนวน ๒ ประเภทนั้น พาหิรกปุถุชนผู้เป็นกรรมวาที (เชื่อถือกรรม) ชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง (เป็นสัมมาทิฏฐิกบุคคล) โดยความเห็นว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน ไม่ใช่โดยความเห็นขั้นสัจจานุโลมญาณ.
ส่วนศาสนิกปุถุชน ชื่อว่ามีความเห็นถูกต้อง (เป็นสัมมาทิฏฐิกบุคคล) โดยความเห็นทั้ง ๒ อย่าง (คือกัมมัสสกตาและอนุโลมญาณ เพราะยังลูบคลำความเห็นเรื่องอัตตาอยู่ ยังละสักกายทิฏฐิไม่ได้).
เสกขบุคคล ชื่อว่ามีความเห็นชอบ เพราะมีความเห็นชอบที่แน่นอน. ส่วนอเสกขบุคคล ชื่อว่ามีความเห็นชอบ เพราะไม่ต้องศึกษา.
แต่ในที่นี้ประสงค์เอาผู้ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิที่เป็นโลกุตตรกุศลที่แน่นอน คือเป็นเครื่องนำสัตว์ออกจากทุกข์ว่า ผู้มีความเห็นชอบ.
เพราะเหตุนั้นเอง ท่านพระสารีบุตรจึงได้กล่าวไว้ว่า เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสในธรรมไม่คลอนแคลน ได้มาสู่พระสัทธรรมนี้แล้ว.
อธิบายว่า สัมมาทิฏฐิที่เป็นโลกุตตรกุศลเท่านั้นเป็นความเห็นที่ตรง เพราะไปตามความตรง ไม่ข้องแวะกับที่สุดทั้ง ๒ อย่าง หรือตัดขาดความคดงอทุกอย่างมีความคดงอทางกายเป็นต้นแล้วไปตรง และผู้ประกอบด้วยทิฏฐินั้นเอง ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสไม่คลอนแคลน คือด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในโลกุตตรธรรมทั้ง ๙ ประการ.
อริยสาวกเมื่อคลายความยึดมั่นด้วยทิฏฐิทุกอย่าง ละกิเลสทั้งสิ้นได้ ออกไปจากสงสารคือชาติ เสร็จสิ้นการปฏิบัติ ท่านเรียกว่าผู้ได้มาสู่พระสัทธรรม กล่าวคือพระนิพพานที่หยั่งลงสู่อมตธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศแล้วด้วยอริยมรรค.
[๑๑๑] คำว่า ยโต โข นี้เป็นคำกำหนดกาลเวลา. มีอธิบายว่า ในกาลใด.
ข้อว่า อกุสลมูลญฺจ ปชานาติ ความว่า รู้ชัดอกุศล กล่าวคืออกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ คือเมื่อแทงตลอดว่า สิ่งนี้เป็นทุกข์ด้วยสามารถแห่งกิจจญาณ ชื่อว่ารู้ชัดอกุศล เพราะความรู้ชัดที่มีนิโรธเป็นอารมณ์.
ข้อว่า อกุสลญฺจ ปชานาติ ความว่า รู้ชัดรากเหง้าของอกุศลที่เป็นรากเหง้า เป็นปัจจัยแห่งอกุศลนั้น คือเมื่อแทงตลอดว่า นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์โดยประการนั้นนั่นเอง (ชื่อว่ารู้ชัดรากเหง้าของอกุศล).
ถึงแม้ในคำนี้ว่า กุศลและรากเหง้าของกุศล ก็มีนัยนี้.
ในทุกวาระต่อจากวาระนี้ไป ก็เหมือนกับในวาระนี้ ควรทราบการรู้ชัดวัตถุ ด้วยสามารถแห่งกิจจญาณนั่นเอง.
บทว่า เอตฺตาวตาปิ ความว่า ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ คือแม้ด้วยการรู้ชัดอกุศลเป็นต้นนี้.
บทว่า สมฺมาทิฏฺฐิ โหติ ความว่า เป็นผู้ประกอบด้วยโลกุตตรสัมมาทิฏฐิ มีประการดังกล่าวมาแล้ว.
ด้วยคำเพียงเท่านี้ว่า อริยสาวกนั้นมีความเห็นตรง ฯลฯ ได้มาสู่พระสัทธรรมนี้แล้ว เป็นอันท่านพระสารีบุตรจบการแสดงโดยย่นย่อลงแล้ว. การแสดง (ของท่าน) นี้ถึงจะย่นย่อ แต่ก็ควรทราบถึงการแทงตลอดด้วยมนสิการโดยชอบ ด้วยสามารถแห่งความพิสดารอยู่นั่นเอง สำหรับภิกษุเหล่านั้น. ส่วนในทุติยวารถึงการแสดง (จะย่นย่อ) ก็ควรทราบถึงการแทงตลอด ด้วยมนสิการโดยชอบอย่างพิสดารว่า ได้เป็นไปแล้วโดยพิสดารอยู่นั่นเอง.
ภิกษุทั้งหลายได้กล่าวกันว่า บรรดาการแสดงทั้ง ๒ อย่างนั้น ด้วยการแสดงอย่างย่นย่อ ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวถึงมรรคเบื้องต่ำไว้ทั้ง ๒ อย่าง ด้วยการแสดงอย่างพิสดาร ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวถึงมรรคเบื้องสูงไว้ ๒ อย่าง
ในที่สุดแห่งการแสดงอย่างพิสดาร ภิกษุทั้งหลายเล็งเห็นคำมีอาทิว่า เพราะละราคานุสัยได้โดยประการทั้งปวง. แต่พระเถระได้กล่าวว่า มรรคทั้ง ๔ ได้กล่าวไว้แล้ว โดยเป็นหมวดด้วยการแสดงอย่างย่อก็มี ด้วยการแสดงอย่างพิสดารก็มี.
อนึ่ง การแสดงทั้งโดยย่อทั้งโดยพิสดารนี้ใด เป็นการแสดงที่ข้าพเจ้าได้กระทำการวิจารณ์ไว้โดยละเอียดแจ่มแจ้งแล้ว ในที่นี้การแสดงนั้น พึงทราบตามนัยที่ได้กล่าวไว้แล้วในที่นี้ทุกๆ วาระเทอญ. เพราะว่าต่อแต่นี้ไป ข้าพเจ้าจักทำเพียงการขยายความเฉพาะบทที่ยากที่ยังไม่ได้ (อธิบาย) เท่านั้น.
พึงทราบวินิจฉัยในการแสดงโดยพิสดารซึ่งปฐมวารในจำนวนวาระเหล่านั้นก่อน.
ในคำทั้งหลายมีอาทิว่า ปาณาติบาตนั้นแหละเป็นอกุศล. อกุศลพึงทราบได้จากความเป็นไปโดยความไม่ฉลาด. อกุศลนั้นพึงทราบโดย (เป็นธรรม) ตรงกันข้ามกับกุศลที่จะต้องกล่าวข้างหน้า หรือโดยลักษณะ พึงทราบ (ว่าเป็น) สิ่งที่มีโทษและมีวิบากเป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่เศร้าหมอง. นี้เป็นการขยายบททั่วไปในอกุศลวาระนี้ก่อน.


แก้ปาณาติบาต
ส่วนในบทเฉพาะ (ไม่ทั่วไป) พึงทราบวินิจฉัยว่า การยังสัตว์ที่มีชีวิตให้ตกล่วงไป ชื่อว่าปาณาติบาต ได้แก่การฆ่าสัตว์ที่มีชีวิต. อธิบายว่า การทำลายสัตว์ที่มีชีวิต.
ก็คำว่า ปาณะ ในคำว่า ปาณาติปาโต นี้ โดยโวหารได้แก่สัตว์ แต่โดยปรมัตถ์ได้แก่ชีวิตินทรีย์.
ส่วนเจตนาที่จะฆ่าของผู้มีความสำคัญในสัตว์มีชีวิตนั้นว่า เป็นสัตว์มีชีวิตอันเป็นสมุฏฐานแห่งความพยายามที่จะเข้าไปตัดชีวิตินทรีย์ ที่เป็นไปทางกายทวารหรือวจีทวาร ทวารใดทวารหนึ่ง ชื่อว่าปาณาติบาต.
ปาณาติบาตนั้น พึงทราบว่ามีโทษน้อย ในเพราะสัตว์มีชีวิตตัวเล็ก ในจำนวนสัตว์มีชีวิตทั้งหลายมีเดียรัจฉานเป็นต้นที่ปราศจากคุณ แต่พึงทราบว่ามีโทษมาก ในเพราะสัตว์มีชีวิตตัวใหญ่.
เพราะเหตุไร?
เพราะมีประโยคใหญ่ (มีวิธีการมาก).
แม้เมื่อมีประโยคเสมอกัน ปาณาติบาตพึงทราบว่ามีโทษมาก เพราะวัตถุใหญ่ (ตัวใหญ่). ในจำพวกสัตว์ที่มีคุณมีมนุษย์เป็นต้น ในเพราะสัตว์มีคุณน้อย ปาณาติบาตก็พึงทราบว่ามีโทษน้อย. ในเพราะสัตว์มีคุณมาก ก็พึงทราบว่ามีโทษมาก. แต่เมื่อสรีระและคุณมีความเสมอกัน ปาณาติบาตพึงทราบว่ามีโทษน้อย เพราะกิเลสและความพยายามอ่อน พึงทราบว่ามีโทษมาก เพราะกิเลสและความพยายามแรงกล้า.
ปาณาติบาตนั้นมีองค์ประกอบ ๕ คือ
สัตว์มีชีวิต ๑
ความรู้ว่าสัตว์มีชีวิต ๑
จิตคิดจะฆ่า ๑
ความพยายาม (ฆ่า) ๑
สัตว์ตายเพราะความพยายามนั้น ๑.
ประโยคแห่งการฆ่า มี ๖ คือ สาหัตถิกประโยค (ฆ่าด้วยมือของตนเอง) ๑ อาณัตติกประโยค (ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า) ๑ นิสสัคคิยประโยค (ฆ่าด้วยสาตราวุธที่พุ่งหรือปล่อยออกไป) ๑ ถาวรประโยค (ฆ่าด้วยเครื่องมือดักอยู่กับที่) ๑ วิชชามยประโยค (ฆ่าด้วยอำนาจวิชา) ๑ อิทธิมยประโยค (ฆ่าด้วยฤทธิ์) ๑.
แต่ครั้นจะอธิบายประโยคนี้ให้พิสดารในปฐมวาระนี้ ก็จะยืดยาวไปมาก เพราะฉะนั้น จะไม่ขออธิบายประโยคนั้นและอย่างอื่นที่เป็นแบบนี้ให้พิสดาร ส่วนผู้มีความต้องการ พึงตรวจดูสมันตปาสาทิกาอรรถกถาพระวินัยเอาเถิด.


แก้อทินนาทาน
การถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้ ชื่อว่าอทินนาทาน การลักของๆ ผู้อื่น ชื่อว่าเถยยะ. อธิบายว่า เป็นกิริยาของโจร.
บทว่า อทินฺนํ ได้แก่ ของที่ผู้อื่นหวงแหนซึ่งคนอื่น (เจ้าของ) เมื่อใช้ตามที่ต้องการ ก็ไม่ควรได้รับทัณฑ์และไม่ควรถูกตำหนิ.
ส่วนเจตนาที่จะลักของผู้มีความสำคัญในของที่ผู้อื่นหวงแหนนั้นว่า เป็นของที่เขาหวงแหน อันเป็นสมุฏฐานแห่งความพยายามที่จะถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้นั้น ชื่อว่าอทินนาทาน.
อทินนาทานนั้นมีโทษน้อย ในเพราะสิ่งของๆ ผู้อื่นที่เลว. ชื่อว่ามีโทษมาก ในเพราะสิ่งของของผู้อื่นประณีต.
เพราะเหตุไร?
เพราะว่าเป็นสิ่งของประณีต.
เมื่อมีความเสมอกันแห่งวัตถุ ชื่อว่ามีโทษมาก ในเพราะสิ่งของที่มีอยู่ของผู้มีคุณยิ่ง. อทินนาทานนั้น ชื่อว่ามีโทษน้อย ในเพราะสิ่งของที่มีอยู่ของผู้มีคุณต่ำกว่านั้น เพราะเปรียบเทียบกับผู้มีคุณยิ่งนั้น.
อทินนาทานนั้นมีองค์ประกอบ ๕ ประการ คือ
ของที่คนอื่นหวงแหน ๑
ความรู้ว่าเป็นของที่คนอื่นหวงแหน ๑
จิตคิดจะลัก ๑
ความพยายาม (จะลัก) ๑
ลักของได้มาด้วยความพยายามนั้น ๑.
ก็ประโยค (การประกอบอทินนาทาน) มี ๖ อย่างมีสาหัตถิกประโยคเป็นต้น. ก็ประโยคเหล่านั้นแลเป็นไปแล้ว ด้วยสามารถแห่งอวหาร (การลัก) เหล่านี้ คือ เถยยาวหาร (ลักโดยการขโมย) ๑ ปสัยหาวหาร (ลักโดยการกรรโชก) ๑ ปฏิจฉันนาวหาร (ลักโดยการปิดช่องสิ่งของ) ๑ ปริกัปปาวหาร (ลักโดยการกำหนดสิ่งของหรือเวลา) ๑ กุสาวหาร (ลักโดยการสับเปลี่ยน) ๑.
ข้อความดังที่กล่าวมาแล้วนี้ เป็นข้อความสังเขปในอวหารนี้. ส่วนความพิสดารได้กล่าวไว้แล้วในอรรถกถาชื่อสมันตปาสาทิกา.


แก้กาเมสุมิจฉาจาร
ก็บทว่า กาเมสุ ในข้อว่า กาเมสุมิจฺฉาจาโร นี้ ได้แก่ เมถุนสมาจาร. ความประพฤติลามกที่บัณฑิตตำหนิโดยส่วนเดียว ชื่อว่ามิจฉาจาร.
แต่โดยลักษณะเจตนาที่ล่วงเกินอคมนียฐาน (คนที่ต้องห้าม) ที่เป็นไปทางกายทวาร ด้วยความประสงค์ต่ออสัทธรรม ชื่อว่ากาเมสุมิจฉาจาร.
ก่อนอื่น (หญิง) ที่ชื่อว่าเป็นอคมนียฐาน (หญิงที่ต้องห้าม) สำหรับผู้ชายในกาเมสุมิจฉาจารนี้ ได้แก่หญิง ๒๐ จำพวก คือ หญิงที่มีมารดารักษาเป็นต้น.
หญิง ๑๐ จำพวก คือ หญิงที่มารดารักษา ๑ ที่บิดารักษา ๑ ที่ทั้งมารดาและบิดารักษา ๑ ที่พี่ชายน้องชายรักษา ๑ ที่ญาติรักษา ๑ ที่โคตรรักษา ๑ ที่ธรรมรักษา ๑ ที่มีการอารักขา ๑ ที่มีอาชญารอบด้าน (อยู่ในกฏมณเฑียรบาล) ๑.
และหญิงอีก ๑๐ จำพวก มีหญิงที่ไถ่มาด้วยทรัพย์เป็นต้นเหล่านี้ คือ ภรรยาที่ซื้อมาด้วยทรัพย์ (ภรรยาสินไถ่) ๑ ที่อยู่ด้วยกันเพราะความพอใจ ๑ ที่อยู่ด้วยกันเพราะโภคะ ๑ ที่อยู่ด้วยกันเพราะเครื่องนุ่งห่ม ๑ ที่ผู้ปกครองเต็มใจยกให้ ๑ ที่ชายยกเทริดลงจากศีรษะ ๑ ที่เป็นทั้งภรรยาเป็นทั้งทาส ๑ ที่เป็นทั้งภรรยาเป็นทั้งลูกจ้าง ๑ ที่เป็นเชลยศึก ๑ ที่อยู่ด้วยกันเพียงครู่เดียว ๑.
ส่วนชายอื่น นอกจากสามีของตน ชื่อว่าเป็นอคมนียฐาน (ชายต้องห้าม) สำหรับหญิง ๑๒ จำพวก คือ ๒ จำพวกสำหรับหญิงมีอารักขาและหญิงมีอาชญารอบด้าน และ ๑๐ จำพวกสำหรับภรรยาที่ไถ่มาด้วยทรัพย์เป็นต้น ในจำนวนหญิงทั้งหลาย (๑๐ จำพวก) สำหรับภรรยา.
อนึ่ง มิจฉาจารนี้นั้นชื่อว่ามีโทษน้อย ในเพราะอคมนียฐาน (ผู้ต้องห้าม) ปราศจากคุณธรรมมีศีลเป็นต้น ชื่อว่ามีโทษมาก เพราะถึงพร้อมด้วยคุณธรรมมีศีลธรรมเป็นต้น.
กาเมสุมิจฉาจารนั้นมีองค์ประกอบ ๔ อย่าง คือ
เป็นบุคคลต้องห้าม ๑
จิตคิดจะเสพในบุคคลต้องห้ามนั้น ๑
การประกอบการเสพ ๑
การยังมรรคให้ดำเนินไปในมรรคหรือหยุดอยู่ ๑
ประโยคมีอย่างเดียว คือสาหัตถิกประโยคเท่านั้น.

ที่มา
[url=http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=110&p=1#%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97]http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=110&p=1#%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97


.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
คำค้น:
หน้า:  1 ... 3 4 [5] 6 7 8   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.781 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มกราคม 2567 10:34:01