วัชรเฉทิกปรัชญาปรามิตาสูตร ตอนที่ 9

http://www.sookjai.com/index.php?topic=19756.0

.......................มายาแห่งอัตตา.........................

สุภูติ....เธอมีความคิดเช่นไรอย่าได้กล่าวเลยว่าตถาคตยึดติดอยู่กับความคิดเห็นที่จะช่วยสรรพสัตว์ทั้งให้หลุดพ้นอย่าได้คิดเช่นนั้นเลยสุภูติ.....เพราะเหตุใดหรือเพราะว่าแท้จริงแล้วมันมิได้มิสรรพสัตว์โดยตถาคตเลยถ้าตถาคตหลงคิดว่ายังมีสรรพสัตว์ที่จะช่วยให้หลุดพ้นตถาคตก็ยังคงยึดติดอยู่ในความเห็นเรื่องอัตตาตัวตน บุคคล สัตว์และภพภูมิต่าง ๆ อยู่นั่นเอง
สุภุติ......แม้ว่าปุถุชนทั้วไปจะยอมรับเรื่องอัตตาตัวตนว่าเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ตถาคตก็ได้แสดงไว้ว่าอัตตาตัวตนนั้นก็มิได้แตกต่างไปจากไม่ใช่อัตตาตัวตนสุภูติ.....แม้ว่าปุถุชนที่ตถาคตกล่าวถึงนั้นแท้จริงก็หาใช่ปุถุชนไม่มันเป็นเพียงแต่ชื่อสมมุติเท่านั้น

.........................ความจริงไร้รูปลักษณะ......................

สุภูติ......เธอคิดอย่างไรจะสังเกตุตถาคตได้ด้วยการดูมหา
ปุริสลักษณะ32 ประการกระนั้นหรือ ?
สุภูติทูลตอบ เป็นเช่นนั้นพระเจ้าข้าจะสังเกตุตถาคตได้เว้นการดูมหาปุริสลักณ์ 32
พระพุทธองค์ทรงตรัสต่อ สุภูติ.....ถ้าจะสังเกตุตถาคตด้วยการดูลักษณะดังกล่าวแล้วจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายคงมิได้แตกต่างจากตถาคตน่ะสิ.....สุภูติ.....จึงทูลตอบว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญถ้าอย่างนั้นตามที่ข้าพระองค์เข้าใจ เราไม่อาจสังเกตุตถาคตได้ด้วยการดูมหาปุริสลักษณะ 32 เท่านั้น พระพุทธองค์ทรงตรัส........
ใครที่เห็นเราเพียงรุปภายนอก ใครที่ฟังเราแค่เสียงเขาย่อมก้าวออกไปนอกทางโดยมิอาจพบพานตถาคตได้เลย

............................ความดับสูญเป็นมิจฉาทิฐิ.........................

สุภูติ......ถ้าบุคคลใดมีความคิดว่าตถาคตได้บรรลุซึ่งอนุตตรสัมโพธิญาณด้วยเหตุเพราะรูปร่างอันสมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักษณ์นั้นจงอย่าสนับสนุนความคิดเห็นเช่นนั้นเลยการบรรลุธรรมของตถาคตหาได้เกี่ยวกับมหาปุริสลักษณ์เลยไม่.....สุภูติ.....หากบุคคลมีความคิดอีกว่าบุคคลใดก็ตามที่บรรลุถึงวิมุตติภาวะแล้วจักเห็นว่าปรากฏการณ์ทั้งหลายสิ้นสุดและดับสูญเธออย่าได้สนันสนุนความคิดเห็นเช่นนั้นเลย เพราะเหตุใด ? เพราะบุคคลผู้บรรลุแล้วถึงวิมุตติภาวะอันบริสุทธิ์จะมิยืนยันเกี่ยวกับเรื่องการสิ้นสุดหรือการดับสูญของปรากฏการณ์ใด ๆ

..........................ยึดติดอยู่ในอานิสงส์ของบุญกุศล..............................

สุภูติ......ถ้าโพธิสัตว์ผู้หนึ่งบริจาคทานด้วยสมบัติทั้งเจ็ดจำนวนมากมายมหาศาลดุจเม็ดทรายในแม่น้ำคงคากับอีกผู้หนึ่งเป็นผู้เข้าใจแจ้งชัดถึงซึ่งความไร้อัตตาตัวตนที่แท้จริงของสรรพสิ่งและขันติธรรมอันดียิ่ง บุคคลหลังจะมีบุญกุศลมากกว่า มากมายนักทำไมเล่า......สุภูติ......เพราะว่าโพธิสัตว์ทั้งหลายจะไม่ใส่ใจต่ออานิสงส์ใด ๆ ของบุญกุศลทั้งปวง
ท่านสุภูติได้ทูลกล่าวว่า หมายความว่าอย่างไรพระเจ้าข้าที่ว่าโพธิสัตว์จะไม่ใส่ใจต่ออานิสงส์ใด ๆ ของบุญกุศลทั้งปวง
พระพุทธเจ้าทรงตรัสตอบ......สุภูติ.....โพธิสัตว์ได้ประกอบกุศลกรรมอันใดก็ตามมิควรยึดติดพันธนาการตัวเองไว้กับอานิสงส์ผลบุญที่จะเกิดขึ้นจึงกล่าวว่าอานิสงส์ผลบุญทั้งหลายมิได้ถูกใส่ใจเลยแม้แต่น้อย..................................

(:LOVE:)ท่าน ชยธมฺโม ภิกขุ เรียบเรียง Sometime ผู้พิมพ์ รัก

http://www.facebook.com/itsariyathanakorn

http://twitter.com/soka45

http://forums.212cafe.com/boxser/

<a href="http://www.youtube.com/v/4zB2jBVe6jg?version=3" target="_blank">http://www.youtube.com/v/4zB2jBVe6jg?version=3</a>

......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ...............................