[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 21:48:08 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องควรคำนึงเกี่ยวกับ ภพ - ชาติ  (อ่าน 2780 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 27 เมษายน 2553 15:44:06 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/17.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/17.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/17.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>


(:LOVE:)ถ่ายภาพประกอบเนื้อหาโดย.....ข้าพเจ้า(บางครั้ง)เจ้าค่ะ รัก



อวย เกตุสิงห์ ผู้รวบรวม๑๖ ซอย พระราชครู ถนนพหลโยธิน ก. ท. ๔เมษายน ๒๕๑๒



คพฺเมเก อุปปชฺชนฺติ นิรยํ ปาปกมฺมิโน สคคํ สุคติโน ยนฺติ ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา



.....................................คำแปล..................................



บางจำพวกย่อมเกิดในครรภ์ ผู้มีกรรมเป็นบาป ย่อมไปนรก ผู้มีกรรมเป็นเหตุแห่งสุคติ ย่อมไปสวรรค์ ผู้ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน
(ปาป วรรค ธรรมบท)




ปัญหาข้อหนึ่งซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในความคิดของคนทุกคนที่รู้จักคิดอย่างน้อยก็ในตอนใดตอนหนึ่งของชีวิต คือ ความตายเป็นอย่างไรหรือ เมื่อตายแล้วเราไปไหนโดยลำพังคนธรรมดาย่อมไม่อาจตอบคำถามนี้ได้เพราะ ยังไม่เคยตาย หรือจำไม่ได้ว่าเคยตายมาแล้วและคนที่พอจะติดต่อกันได้และตายไปแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏอย่างน่าเชื่อโดยสมบูรณ์ว่ามีใครกลับมาบอกเล่าให้ทราบราย ละเอียด มีผู้ที่ ตายไปชั่วระยะ แล้วฟื้นขึ้นมาเล่าเหตุการณ์แปลก ๆ แต่ก็ไม่ล่วงพ้นข้อสงสัยว่า ที่เล่านั้นเป็นเรื่องที่ ปรากฏ ขึ้นเองเนื่องจากสมองขาดออกชิเจนระหว่างที่ ตายไปชั่วขณะ
ที่มาอีก แห่งหนึ่งเกี่ยวกับความรู้เรื่องความตายคือ คนที่ระลึกชาติได้และ จำ เหตุการณ์ระหว่างการตายกับการเกิดใหม่มาเล่าให้ฟัง แต่ก็มีข้อสงสัยอยู่เสมอว่า ผู้นั้นพูดเอาเองหรือพูดตามที่ผู้อื่นสอน หรือพูดตามที่เข้าใจว่าเป็นความจริง
เรื่องระลึกชาติที่ปรากฏบ่อย ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ บางเรื่องก็เหลือเชื่อ สถาบันวิทยาศาสตร์บางแห่งในประเทศฝ่ายตะวันตก มีความสนใจในเรื่องการกลับชาติมาก จนถึงกับลงทุนอย่างไม่จำกัดเพื่อสืบเสาะและสอบสวน แต่ก็ยังไม่อาจให้ข้อยุติประการใด เพราะเหตุที่ยังไม่สิ้นความสงสัยในถ้อยคำของผู้ให้การนั่นเอง.................................

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 เมษายน 2553 16:02:51 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 27 เมษายน 2553 15:46:04 »



เมื่อคนธรรมดาไม่อาจจะตอบปัญหาได้ คนส่วนมากก็ต้องหันไปหาความรู้จากท่านต่าง ๆ ที่เป็นศาสดา ชาวพุทธก็ต้องอาศัยพระพุทธเจ้า พระพุทธศาสนาสอนว่า คนเรามีกรรมเป็นของ ๆ ตนเป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยหากทำกรรมใดไว้ จะดีหรือชั่วก็ตาม ย่อมต้องรับผลของกรรมนั้น กรรมเป็นปัจจัยจำแนกสัตว์ต่าง ๆ ตราบใดที่เรายังไม่หมดกิเลส ตราบนั้นกรรมก็จะส่งให้ไปเกิด ในที่ดีหรือชั่วแล้วแต่กรรมที่ทำไว้ ต่อเมื่อหมดสิ้นกิเลสอาสวะแล้ว จึงไม่ต้องเกิดอีกต่อไป คือ เข้าสู่ปรินิพพาน
ถ้าใครเชื่อตามนี้โดยสนิทใจ ก็เป็นอันหมดห่วงได้ ไม่ต้องสงสัยว่าตายแล้วเป็นอย่างไร เพราะพระบรมศาสดาทรงบอกไว้อย่างแจ้งชัดแล้วว่าต้องไปเกิดตามกรรม กรรมของใครผู้นั้นย่อมรู้ดีกว่าผู้อื่นเพราะฉะนั้น ก็รู้ดีด้วยว่าตายแล้วจะไปไหน อย่างน้อยก็รู้ว่าไปดีหรือไปชั่ว
ในสมัยก่อนคนทั่วไปเชื่อมั่นในข้อนี้ ไม่กล้าทำบาปเพราะกลัวไปตกนรก และเพียรทำบุญเพื่อจะได้ไปสวรรค์ อาชญากรรมร้ายแรงจึงมีน้อย มาถึงสมัยนี้คนหันมาถือคติวัตถุนิยมตามวิทยาศาสตร์ ยอมรับแต่สิ่งที่เห็นได้ พิสูจน์ได้ เลยชักสงสัยในความเชื่อถือแต่คติเดิม กลับไปนิยมในทางที่ว่าตายแล้ว
อะไร ๆ ก็สลายแยกแยะไปตามร่างกายที่เน่าเปื่อย แม้พระภิกษุบางรูปก็ปรับตนเข้ากับสมัยนิยม สอนไปในเชิงว่านรกสวรรค์มีอยู่แต่ในปัจจุบัน เป็นเรื่องรู้อยู่แก่ใจบ้าง เป็นเรื่องความทุกข์หรือความสุขตามคติโลกบ้าง เรื่องปรโลกไม่มีกล่าวถึง
ผล ของการผันแปรเช่นนี้คือ คนไม่กลัวบาป เกรงแต่กฎหมาย เมื่อใดเห็นว่ามือของกฎหมายจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก็กระทำการที่ต้องห้ามตามแต่คนจะได้ประโยชน์หรือได้ความพอใจ บ้านเมืองจึงมากไปด้วยเรื่องประทุษร้าย แม้ฆ่ากันด้วยเหตุเพียงเล็กน้อย หรือเรื่องทุจริตคดโกงฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยไม่กลัวตกนรก สังคมก็ปั่นป่วน เพราะคนไม่เห็นผู้ทำชั่วต้องรับผลร้าย และไม่เชื่อเหมือนแต่ก่อนว่าผู้ทำบาปนั้นแม้ไม่ได้รับผลในชาตินี้ที่อาจเห็นได้
ก็จะต้องได้รับในชาติต่อ ๆ ไป เรื่องทำความดีก็หมดความเชื่อถือโดยทำนองเดียวกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 เมษายน 2553 15:57:29 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 27 เมษายน 2553 15:47:34 »



หากคิดดูเพียงเล็กน้อยก็จะเห็นได้ว่า วิธีหนึ่งที่จะแก้ภาวะการเสึ่อมโทรมเช่นนี้คือการชักนำให้คนกลับไปเชื่อใน เรื่องตายแล้วเกิด
จะได้กลัวบาปกลัวนรกซึ่งหนีไม่พ้น ไม่เหมือนกับการลงโทษทางโลกซึ่งมีทางหลบเลี่ยงได้มากมาย
ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้รวบรวมเรื่องทั้งหลายในหนังสือนี้ ได้รับการศึกษามาในทางแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ในสมัยหนุ่ม ๆ ก็มีความเข้าใจคล้ายคนหนุ่มสาว และคนแก่บางคน ในปัจจุบันนี้ว่า เมื่อเราตายแล้วก็จบเรื่องของเราไปตอนหนึ่ง ตอนต่อไปเป็นเรื่องของลูก ซึ่งรับทอดร่างกายและจิตใจไปจากเราและคู่ของเรา ถ้าไม่มีลูก เรื่องก็จบถึงที่สุดเคยคิดว่าพระพุทธศาสนานั้นก็คล้ายศาสนาอื่น ๆ คือเป็นระบบปฏิบัติเพื่อให้เป็นคนดีมีประโยชน์แก่สังคม นรกสวรรค์นั้นเป็นเรื่องสมมุติเพื่อขู่หรือจูงใจคนที่มีการศึกษาน้อย หรือไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการเรียนวิชาภูมิศาสตร์เกี่ยวกับประวัติของโลก ชีววิทยาเกี่ยวกับวิวัฒนาการของต้นไม้และสัตว์ และอินทรีย์เคมีเกี่ยวกับการหมุนเวียนของสารประกอบสิ่งมีชีวิต ส่งเสริมความเข้าใจดังกล่าวนี้ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ที่รู้วิทยาศาสตร์ทั่ว ๆ ไปก็คงเข้าใจอย่างเดียวกัน
ต่อมาเมื่อผู้เขียนเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ได้รู้เรื่องส่วนตัวของนักวิทยาศาสตร์ชั้นสูง ๆ หลายคนทั้งโดยส่วนตัวและโดยทางเอกสารได้ทราบว่าท่านเหล่านั้นยกย่องว่าพระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ดีที่สุด และถูกหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด ก็เกิดความสนใจหันมาศึกษาหาเหตุผลแห่งความ
เห็นนั้น ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้บวชเรียนในสำนักที่มีการอบรมสั่งสอนอย่างดีทั้งในทางปริยัติและ ปฏิบัติ ประกอบกับได้ศึกษากับพระอาจารย์กัมมัฏฐานชั้นสูง ๆ อีกหลายท่าน ก็ได้เปลี่ยนความเห็นไปในทางที่ถูกต้อง กล่าวคือเห็นว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นสัจจะเที่ยงแท้ และลึกล้ำเหนือวิทยาศาสตร์ วิธีของวิทยาศาสตร์นั้นอาศัยสัมผัสทั้งห้า
แม้จะใช้เครื่องช่วยเหลืออย่างดีวิเศษเพียงไร ก็ยังต้องแปลผลด้วยสัมผัสทั้งห้านั่นเอง......................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 เมษายน 2553 16:00:14 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 27 เมษายน 2553 15:50:44 »



อะไรที่ทำให้ตาเห็นไม่ได้ หูฟังไม่ได้ยิน จมูกดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นชิมไม่รู้รส ผิวหนังแตะต้องไม่รู้สึก วิทยาศาสตร์ก็รับรู้
ไม่ได้เพราะไม่มีวัตถุพยานหรือทำซ้ำพิสูจน์กันไม่ได้
แต่วิธีของพระพุทธศาสนานั้น ใช้สัมผัสทั้งหก มีการใช้การงานของจิตด้วย ซึ่งใช้ได้ในเมื่อสัมผัสอื่น ๆ ไม่สามารถรับรู้
จริงอยู่ผลการศึกษาด้วยจิตนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว ใครทำได้คนนั้นรู้ แต่วิธีนั้นสอนกันได้และใครที่ปฏิบัติตามอย่างจริงจังก็จะได้ผลเหมือน ๆ กับ
อาจารย์ผู้สอน นับว่ามีการถ่ายทอดและมีการพิสูจน์โดยทำช้ำได้เหมือนกัน
ผู้เขียนยังปฏิบัติไม่ได้ถึงขั้นที่จะรู้เห็นเองไปหมดทุก ๆ อย่าง แต่เท่าที่ทำได้ แม้เพียงเล็กน้อย ก็รู้สึกว่าผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ และถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ ทั้งในด้านความรู้และด้านประยุกต์ ดังนั้นแม้ว่าจะยังไม่สามารถพิสูจน์ด้วยตนเองได้หมดทุก ๆ ข้อ โดยเหตุผลก็เห็น
สมควรรับว่าหลักสำคัญ ๆ ของพระพุทธศาสนานั้นคงจะไม่ผิดไปจากความจริง
หลักสำคัญประการหนึ่งคือการที่คนธรรมดา ที่ยังไม่สิ้นอาสวะ จะต้องเกิดอีกเมื่อตายไปแล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องพิสูจน์ยากดังที่กล่าวแล้วข้างต้นตามธรรมดาก็ต้องอาศัยความศรัทธาในพระสัมโพธิญาณเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ผู้เขียนมีความเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่บุคคลบางคนซึ่งได้เผชิญกับ อมนุษย์ ผู้สิงสู่อยู่ในภพอื่น ๆ ก็ดี หรือผู้ที่เคยผ่านเข้าไปในภพดังกล่าวแล้วกลับมาได้ก็ดี อาจจะช่วยส่งเสริมความเชื่อถือในเรื่องเหตุการณ์ภายหลังตายได้ โดยเฉพาะถ้าการเล่าเรื่องนั้น ๆ มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ
ผู้เขียนจึงได้ ใช้ความพยายามรวบรวมเรื่องเช่นว่านี้ ติดต่อมาเป็นเวลาร่วมยี่สิบปี โดยตั้งข้อจำกัดไว้อย่างหนักแน่นว่า บุคคลผู้เป็นต้นตอของเรื่องทั้งหลายจะต้องมีตัวมีตน เป็นผู้เชื่อถือได้ มีสติปัญญาในเกณฑ์ปกติ และเรื่องที่เล่าจะต้องมีข้ออ้างอิงพอสมควร ไม่ใช่กล่าวขึ้นมาลอย ๆ ในชั้นต้นนี้มีเรื่องเสนอได้รวม ๑๕ หัวข้อ จากผู้เล่า ๑๒ คน รวมทั้งผู้เขียนเองด้วย ผู้เขียนรู้จักผู้เล่าอย่างดีทุกคน นอกจากคนเดียว คือ
คุณสุวรรณา แจ้งมงคล ซึ่งรู้จักหลังจากที่ได้รับเรื่องแล้ว แต่ท่านผู้นี้ก็เป็นผู้คุ้นเคยอย่างสนิทกับท่านเจ้าคุณพระธรรมจินดาภรณ์ ซึ่งผู้เขียนเคารพนับถืออย่างยิ่ง ผู้เขียนได้แจ้งตำบลที่อยู่ของผู้เล่าทุกคนไว้ด้วย เพื่อว่าท่านผู้ใดประสงค์จะติดต่อก็จะกระทำได้ มียกเว้นอยู่แต่ท่านเจ้าของ
เรื่องที่สอง ญ. บ.ผู้เดียว ซึ่งไม่ประสงค์จะให้เปิดเผยตัวท่านด้วยเหตุผลเฉพาะ.
ในการเสนอเรื่องต่าง ๆ นี้ ทั้งผู้เล่าและผู้รวบรวมมีความตั้งใจที่จะเสนอข้อความจริงโดยไม่พยายามแสดง ความเห็นอะไรนอกเหนือไปจากเหตุผลธรรมดา ให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเอาเองผู้รวบรวม คือผู้เขียนบทนำนี้ได้เพิ่มเติมหมายเหตุ ลงในตอนท้ายของเรื่องทุกเรื่อง เพื่อชี้ข้อที่ควรเอาใจใส่
หรือจุดที่มีน้ำหนักมากหรือน้ำหนักน้อยให้เห็นง่ายขึ้น ไม่ได้มีความประสงค์จะกล่อมเกลาจิตใจของท่านผู้ใดต้องการเพียงเพิ่มความกระจ่าง
ขึ้นเท่านั้น การเรียงลำดับเรื่อง ถือความสะดวกเป็นใหญ่........................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 เมษายน 2553 15:58:57 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 27 เมษายน 2553 20:27:11 »



บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เรามาดูคำอธิบายเกี่ยวกับวิญาน - ชาติ - ภพ
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
sometime 1 2652 กระทู้ล่าสุด 27 มิถุนายน 2553 06:09:30
โดย เงาฝัน
ชาติ ชรา มรณาธิกถา สมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทธสิริ)
ธรรมะจากพระอาจารย์
That's way 1 3311 กระทู้ล่าสุด 03 กันยายน 2556 00:07:30
โดย เฮียสี่บะหมี่เน่า
หยิบมาเล่า พระชาดก พระเจ้า 500 ชาติ (หลวงปู่พุทธอิสระ)
เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
มดเอ๊ก 0 1439 กระทู้ล่าสุด 30 ตุลาคม 2559 01:44:29
โดย มดเอ๊ก
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ : อดีตชาติก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 790 กระทู้ล่าสุด 20 เมษายน 2563 16:20:05
โดย Kimleng
สารบัญพระเจ้า 500 ชาติ เรื่องราวก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
หมีงงในพงหญ้า 0 1292 กระทู้ล่าสุด 23 มิถุนายน 2563 21:39:55
โดย หมีงงในพงหญ้า
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.264 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 28 กุมภาพันธ์ 2567 00:06:48