หลวงปู่ล้วน สันติกโร วัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย) ต.แวงดง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคา

หลวงปู่ล้วน สันติกโร -“พระครูสันติรัตนาภรณ์”
วัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย) ต.แวงดง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม

ถึงแม้หลวงปู่มี กันตสีโล วัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย) ต.แวงดง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม พระเกจิชื่อดัง มรณภาพไปจากโลกนี้นานเกือบ 20 ปีแล้ว แต่คุณงามความดีของท่านยังคงอยู่ในใจของพุทธศาสนิกชนชาวสารคาม

แต่ทุกวันนี้ มีพระเถระที่สืบทอดปฏิปทาจากหลวงปู่มี คือ “พระครูสันติรัตนาภรณ์” หรือ “หลวงปู่ล้วน สันติกโร” สิริอายุ 80 ปี พรรษา 32 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระบัว ต.กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลกู่สันตรัตน์ ที่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่และใกล้เคียงให้ความเลื่อมใสเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูงถ่อมตน วัตรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลายเจริญรอยตาหลวงปู่มี อย่างเคร่งครัด

นามเดิม ประสิทธิ์ (ล้วน) ปะระทัง เกิดเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2480 ที่บ้านสระบัว ต.กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม

หลังจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ต้องออกมาช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มได้แต่งงานมีครอบครัว ต่อมาเกิดความเบื่อหน่ายการครองเรือนจึงตัดสินใจเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ อุปสมบท ในปี พ.ศ.2528 ที่อุโบสถวัดเกาะ ต.สีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีพระครูพิทักษ์ทีปากร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ไทย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการล้ำ เป็น พระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท ท่านออกเดินธุดงควัตรไปตามป่าเขาหลายแห่งในภาคอีสาน เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามรอยพระตถาคตโดยเฉพาะเทือกเขาภูพาน ในเขต จ.กาฬสินธุ์ และ จ.สกลนคร

จนถึงปี พ.ศ.2532 เดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระบัว บ้านเกิดของท่าน และมุมานะศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก นับแต่นั้นมาหลวงปู่ล้วนได้จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดแห่งนี้ตราบจนปัจจุบัน

หลวงปู่ล้วน นอกจากจะเป็นพระนักพัฒนา ยังเป็นพระนักการศึกษา โดยท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม

หลวงปู่ล้วนยังเป็นผู้มีวิทยาคมเข้มขลัง โดยท่านเข้าฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่มี กันตสีโล แห่งวัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย) จ.มหาสารคาม อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของมหาสารคาม โดยหลวงปู่มี ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น

วัตรปฏิบัติของหลวงปู่ล้วน จำเริญรอยตามหลวงปู่มี โดยการเดินจงกรมและนั่งสมาธิทุกวัน รวมทั้งหลังออกเทศกาลเข้าพรรษาแทบทุกปี หากที่วัดไม่มีงานอะไรที่ยุ่งยาก ท่านจะออกเดินธุดงควัตรไปตามป่าเขา จึงทำให้มีความรู้แตกฉาน ทั้งด้านธรรมวินัย วิปัสสนากัมมัฏฐาน
ด้วยวัตรปฏิบัติที่ดีงาม เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ทำให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ในแต่ละวันจึงมีพุทธศาสนิกชนในและนอกพื้นที่ เข้ามากราบนมัสการรับฟังธรรมจากหลวงปู่อย่างไม่ขาดสาย สำหรับปัจจัยที่ได้ท่านนำออกใช้พัฒนาวัดสระบัวให้มีความเจริญรุ่งเรืองดังปรากฏเห็นอยู่ในปัจจุบัน

ลำดับงานปกครอง หลังจากที่ท่านมาอยู่จำพรรษาปฏิบัติธรรมที่วัดสระบัว ท่านร่วมมือกับญาติโยมมุมานะพัฒนาวัดแห่งนี้จนเจริญรุ่งเรือง มีการพัฒนาพื้นที่ภายในวัดให้มีความร่มรื่นสวยงาม ปลูกต้นไม้ไว้รอบวัด ก่อเกิดความสงบวิเวกเหมาะกับการเจริญภาวนาและปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ยิ่งนัก

ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2538 เนื่องจากท่านปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ขาดตกบกพร่อง จึงได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระบัว พ.ศ.2551 เป็นเจ้าคณะตำบลกู่สันตรันต์

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ที่ “พระครูสันติ รัตนาภรณ์”

ทุกวันนี้ หลวงปู่ล้วน แม้จะล่วงเข้าปัจฉิมวัย แต่สุขภาพของท่านยังแข็งแรง จึงรับกิจนิมนต์โดยตลอด รวมทั้งหากเมื่อญาติโยมมาหา ท่านก็ปัดเป่าให้ด้วยพุทธมนต์และน้ำมนต์ โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ

คอลัมน์อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์