หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท - "พระมงคลวุฒิ"
วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

"พระมงคลวุฒิ" หรือ "หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท" อดีตพระเกจิ ชื่อดังและอดีตเจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นชาวศรีสะเกษโดยกำเนิด เกิดในสกุล ประถมบุตร เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ก.ค.2453 ครอบครัวมีฐานะยากจน

อายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดสำโรงน้อย อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ โดยมีพระกวีวรญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ใบฎีกาชม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์พรหมมา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา สุภัทโท มีความหมายว่า ผู้ประพฤติงาม

หลังเข้าพิธีอุปสมบทเพียง 2 สัปดาห์ มารดาล้มป่วยหนักและเสียชีวิต ต้องช่วยเป็นธุระจัดการงานศพมารดาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนไปอยู่จำพรรษาวัดบ้านค้อ ต.กำแพง ผ่านพ้นวันออกพรรษา แม้บรรดาญาติพี่น้องมาเกลี้ยกล่อมให้ท่านลาสิกขา แต่ท่านก็ปฏิเสธ

ต่อมาท่านตัดสินใจเดินทางไปวัดทุ่งไชย เพื่อไปศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์มูลกัจจายน์ 2 เดือน ก่อนเดินทางต่อไปที่วัดบ้านยางใหญ่ ต.เมืองแคน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอุปัชฌาย์สายเจ้าอาวาส เพื่อขอเรียนบาลีและคัมภีร์มูลกัจจายน์

พระอุปัชฌาย์สายเอ็นดูลูกศิษย์คนนี้มาก ท่านเรียนได้ดี ทั้งในการแปลภาษาบาลีเป็นประโยคคล่องแคล่วและใส่สัมพันธ์ด้วย

พ.ศ.2477 เดินทางไปอยู่วัดหลวงเมืองอุบล จ.อุบลราชธานี ได้ศึกษาบาลีไวยากรณ์ พ.ศ.2480 สอบได้นักธรรมชั้นโท

พ.ศ.2481 ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพงษ์พรต ต.หนองกว้าง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นเวลา 11 ปี ในระหว่างนั้น พ.ศ.2483 สอบได้นักธรรมชั้นเอก

ลำดับผลงานด้านการปกครอง พ.ศ.2480 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลกำแพง อ.อุทุมพรพิสัย และได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจข้อสอบประโยคนักธรรมชั้นตรี

พ.ศ.2488 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระคณาธิการ องค์การศึกษา อ.อุทุมพรพิสัย พ.ศ.2490 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2494 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ จนถึงปัจจุบัน

ผลงานด้านการพัฒนาสังคมและสาธารณสงเคราะห์ อาทิ โครงการก่อสร้างตึกผู้ป่วย "ตึกหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท" เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ครบ 5 รอบ โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย ได้จัดสร้างศาลาประชาคมบ้านหนองแปน ต.กำแพง จัดตั้งมูลนิธิหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท รวมทั้งบริจาคเงินสมทบทุนสร้างพระประธานและห้องเรียนนักเรียนอนุบาล มอบให้โรงเรียนบ้านค้อ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

ให้การอุปถัมภ์ด้านการศึกษา ด้วยการจัดตั้ง ร.ร.สอนพระปริยัติธรรม นักธรรม และบาลีที่วัดพงษ์พรต และได้จัดตั้งโรงเรียนพุทธมามกะ

ขณะเดียวกัน พัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้า ด้วยถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างภายในวัด ไม่ว่าจะเป็นกุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ เมรุ กำแพงวัด ซุ้มประตู

ด้วยความที่หลวงปู่เครื่อง เป็นพระนักปฏิบัติ สนใจการปฏิบัติเจริญภาวนากรรมฐาน ครั้งหนึ่ง เดินทางไปศึกษาธรรมะจากพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด) ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ตลอดจนออกเดินธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ มาแล้วหลายแห่ง

เป็นพระเถระที่ชาวศรีสะเกษให้ความเลื่อมใสศรัทธาดุจดังเทพเจ้ามายาวนาน ทุกครั้งเวลามีผู้ประสบทุกข์ร้อนใจ ล้วนแต่พากันไปกราบหาท่านให้ประพรมน้ำมนต์ขจัดปัดเป่าทุกขภัยต่างๆ

ด้วยเหตุนี้ ชาวศรีสะเกษ ต่างพร้อมใจกันขนานสมญานามให้เป็น "เทพเจ้าอีสานใต้"

ช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่เครื่อง มีอาการอาพาธบ่อยครั้ง เป็นโรคไต โรคปอดติดเชื้อ โรคความดันโลหิตสูง และอีกหลายโรคด้วยกัน ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ

กระทั่งเมื่อเวลา 02.15 น. วันที่ 28 ก.ค.2551 มรณภาพด้วยอาการสงบ ที่ตึกสงฆ์พระโพธิญาณเถระ (ชา สุภัทโท) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี

สิริอายุ 99 ปี พรรษา 78

คอลัมน์อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์