[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 17:52:52 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไขข้อสงสัย ...เหตุใดเกจิละสังขารแล้วสรีระไม่เน่าเปื่อย? วิทยาศาสตร์มีคำตอบ!!  (อ่าน 1615 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2303


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2561 10:18:33 »




ไขข้อสงสัย ...เหตุใดเกจิละสังขารแล้วสรีระไม่เน่าเปื่อย? วิทยาศาสตร์มีคำตอบ!!

จากข่าว หลวงพ่อพูลละสังขารนาน 11 ปี แต่ร่างเปลี่ยน “สีทอง” แปลกกว่านั้น ซึ่งแปลกยิ่งไปกว่านั้นคือสังขารท่านยังเหมือนกับมีชีวิต โดยลูกศิษย์เชื่อเกิดจากบารมีของหลวงพ่อพูลเอง จึงทำให้เกิดคำถามจากผู้อ่านว่า เพราะเหตุใดสรีระร่างของท่าน จึงไม่เน่าเปื่อย

“ไม่ได้ลบหลู่นะครับ ขอถามผู้รู้ครับ สงัสยเวลาละสังขารแล้วทำไมไม่เผาครับ ท่านสั่งไว้รึไงครับ ท่านสอนไม่ให้ยึดติดแล้วปล่อยวาง สังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แต่ ท่านร่างทำไมยังอยู่ครับ ผมคิดแบบผมนะครับ สตาปไว้รึเปล่าครับ หรือใช้ปูนขาวโรยไว้ครับ หรือฉีดยาไว้ครับ อันนี้ไม่ได้ลบหลู่นะแค่สงสัย มันผิดเพี้ยนจากคำสอนพระพุทธเจ้ารึเปล่าครับ ผู้รู้บอกทีครับ”

เรื่องนี้ทีมข่าวก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ค้นข้อมูลมาว่า เพราะเหตุใด ครูบาอาจารย์เกจิหลายๆ ท่าน อาทิ หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี, หลวงปู่วงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน, หลวงพ่อบุญเหลือ วัดเขาตะกร้าทอง จ.ลพบุรี, ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่, ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม จ.ลำพูน, หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์, หลวงปู่พรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์, หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ กทม., หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี, หลวงพ่อเภา วัดเขาวงกต อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ ล่าสุดหลวงพ่ออุตตมะ (พระราชอุดมมงคล) อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี สรีระร่างจึงไม่เน่าเปื่อย

โดยเราจะยกสมมติฐานที่เคยมีผู้เล่าไว้ทั้งหมด 3 ประการด้วย กัน

ประการแรกในทางความเชื่อ หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ ได้เล่าถึงสาเหตุที่เกจิสรีระร่างไม่เน่า นั่นเป็นเพราะท่านเหล่านั้นล้วนแต่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และได้อธิษฐานทิ้งร่างไว้ให้คนสักการะกราบไหว้  อาทิ

หลวงปู่หมุน ก็เคยสั่งกับคุณอำนวย (น้านวย) ศิษย์ผู้ดูแลใกล้ชิด ว่าให้เก็บสรีระสังขารไว้ที่เจดีย์ เพื่อให้ลูกศิษย์ลุกหามากราบไหว้ เมื่อท่านละสังขารแล้วร่างจะกลายเป็นหิน ซึ่งนายอำนวยได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ... “บั้นปลายชีวิตหลวงปู่ถามผมความคืบหน้าเจดีย์ ผมจะบอกหลวงปู่เสมอว่าเจดีย์ยังสร้างไม่เสร็จ ถามเท่าไหร่ๆ ผมก็อ้างว่าตรงนั้น ตรงนี้ ยังไม่เสร็จเหลืออีกหน่อยหนึ่ง เรื่อยไป... เพราะเป็นความเชื่อส่วนตัวว่า หากเจดีย์เสร็จท่านจะจากไป... สุดท้ายท่านคงเอะใจ ให้พาขึ้นไปดูไอ้ตรงจุดที่ยังสร้างไม่เสร็จ ผมก็จำใจพาไป ... ท่านก็กล่าวว่า “มันไม่ได้ติดอะไรเลย อีกนิดเดียวก็เสร็จนี่” ...

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านก็ละสังขารไป ในวันที่ 11 มีนาคม 2546 สิริอายุได้ 109 ปี 87 พรรษา

วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ "..ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชา จะหมุนโชคลาภร่ำรวยตลอดเวลา ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจนประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไปด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน "

ประการที่สอง ในทางกึ่งความเชื่อกึ่งวิทยาศาสตร์ เกจิอาจารย์ที่ฝึกนั่งสมาธิ ฝึกจิตทั้งหลายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เกิดรังสีประเภทหนึ่งขึ้นในตัว  "รังสีที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้ผิวหนังร่างกายเปลี่ยนแปลงไป เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนที่ปฏิบัติ เคยมีการวัดรังสีเหล่านี้แบบวิทยาศาสตร์ โดยมีเครื่องมือวัดเหมือนวัดรังสีออร่า ก็สามารถตรวจวัดได้ระดับหนึ่ง ซึ่งในร่างกายคนเราปกติจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาอยู่แล้ว ถ้าเอามือไปอังใกล้ๆ จะรู้สึกมีการคลายความร้อน รังสีตัวนี้เมื่อคนที่ฝึกกรรมฐานมาแล้ว จิตพัฒนาไปจนสามารถที่จะรวบรวมรังสีเหล่านี้ได้ และส่งออกไปข้างนอกได้ ก็คือส่งไปอาบวัตถุมงคลที่เราเรียกกันว่า "การปลุกเสก" นั่นเอง

เรื่องการแผ่และวัดรังสีจากตัวเรา ทิพย์วารี บรรณาธิการและนักเขียนแนวจิตวิญญาณ เคยเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่งเธอไปถ่ายภาพด้วยกล้องออร่า แต่ภาพถ่ายที่ได้กลับมีสีม่วงสดใส เปล่งประกายออกจากตัวเธอ น้องทีมงานที่ถ่ายภาพคงจะเห็นสีแปลกผิดสังเกตหรืออาจเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติไป จึงเอ่ยปากทัก เธอจึงเอะใจว่าอาจเป็นเพราะวัตถุมงคลที่สวมอยู่ ไม่น่าเชื่อ!!! พอถอดวัตถุมงคลออก สีม่วงเจิดจ้าที่ครอบคลุมร่างเธออยู่ก็ค่อยๆ ถอนออกไป

น้องทีมงานคงนึกสนุกหรืออะไรไม่ทราบได้ หลังจากถ่ายภาพออร่าให้เธอเสร็จแล้วก็ให้เธอลองเอาวัตถุมงคล วางไว้บนฝ่ามือ บอกว่า “เวลาพี่ใช้พระองค์นี้พี่ท่องคาถายังไง ลองท่องให้ฟังดูอีกที”

พอหลับตา เริ่มท่องคาถาด้วยความตั้งใจ แสงสีม่วงสดใสนั้นก็เริ่มปรากฏจากส่วนหัว ไล่กลบออร่าสีอื่นๆ จนหมด เหมือนมาห่อครอบร่างทั้งร่างเอาไว้ ... เธอเล่าว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นมามีครูบาอาจารย์ปกปักรักษาดูแลเธออยู่เสมอ ทำให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตไปในทางสร้างสรรค์ ดีงามมากยิ่งขึ้น  

ดังนั้นไม่แปลกใจเลยว่าเมื่อพระอาจารย์ทั้งหลายมีการปฏิบัติตรงนี้บ่อยๆ รังสีที่ว่านี้ก็จะอาบไปทุกอณูเซลล์ของร่างกาย เวลาหมดลมหายใจสุดท้าย หรือเวลามรณภาพ ดับขันธ์ พระเกจิเหล่านี้จะกำหนดอารมณ์ของตนเข้าไปอยู่ในที่ตั้งของกรรมฐาน รังสีตัวนี้ก็จะแผ่ปกคลุมในอณูเซลล์ เป็นเหตุให้แบคทีเรียไม่สามารถเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อได้

ส่วนประการที่สามทางด้านวิทยาศาสตร์ ในทางวิทยาศาสตร์เคยให้คำอธิบาย อย่างเช่นที่แหล่งข่าวในสถาบันด้านพยาธิวิทยา เคยบอกว่า...กรณีสรีระร่างไม่เน่าเปื่อยส่วนใหญ่จะเกิดกับคนรูปร่างเล็กผอมบาง เนื่องจากไม่มีไขมันเป็นตัวเผาผลาญมากหรือไม่ทำให้การสะสมอาหารในร่างกาย ซึ่งเป็นน้ำเลี้ยงทำให้ เชื้อจุลินทรีย์ที่เร่งกระบวนการเน่าเปื่อย (Decay Process) เติบโตขึ้นมาก หากร่างกายมีการสะสมอาหารไว้น้อยขณะเสียชีวิตเชื้อจะเติบโตได้น้อยหรืออาจจะไม่มีเลย โดยต้องขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย และการเจริญ “สมาธิ-วิปัสสนา” การนั่งสมาธิทำให้จิตกับร่างกายเกิดความนิ่ง เกิดการเคลื่อนไหวและเผาผลาญในร่างกายน้อยหรือไม่มีเลย การนั่งสมาธิเป็นเวลานาน ๆ และทำอยู่เป็นประจำๆ จะทำให้กระบวนการเผาผลาญหรือเมตาบอลิสซึ่มในร่างกายเกิดน้อยลง อีกทั้งการ นั่งสมาธิทำให้ร่างกายสบาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนโดฟินออกมาก็ทำให้จิตสบาย ช่วยให้ร่างกายสมดุล ซึ่งอาจจะเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สังขารไม่เน่าเปื่อย

ดังนั้นย่อมเป็นที่แน่นอนว่าครูบาอาจารย์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ฉันอาหารเพียงเล็กน้อยต่อวัน และปฏิบัติกรรมฐานอยู่สม่ำเสมอย่อมเข้าข่ายเป็นผู้ตายแล้วไม่เน่าเปื่อย

จากสมมติฐานที่กล่าวมาทั้งหมด ถึงแม้ยังไม่มีข้อสรุปใดชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นตรงกันคือ การประพฤติปฏิบัติของเหล่าครูบาอาจารย์อันน่าเลื่อมใสนั้น จึงทำให้เกิดปรากฎการณ์สรีระร่างไม่เน่าได้

ทั้งนี้ความเชื่อทางเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่สิ่งสำคัญคือการเข้าถึงพระธรรมคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ เมื่อเราเคารพพระพุทธรูปและพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยศรัทธาในคำสอนของพุทธองค์ฉันใด เราย่อมเคารพ “สรีระร่าง” ของครูบาอาจารย์เพราะรำลึกถึงคำสอนของท่านฉันนั้น


เรียบเรียงโดย
— จินต์จุฑา เจนสระคู
ที่มา : img.tnews.co.th


หลวงปู่ทิม วัดพระขาว

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กุมภาพันธ์ 2561 10:22:20 โดย 自由人 » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ไขข้อสงสัย เสาหลักเมืองเชียงใหม่ ทำไมห้ามผู้หญิงเข้า?
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
Maintenence 0 196 กระทู้ล่าสุด 03 พฤษภาคม 2566 17:47:42
โดย Maintenence
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.333 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้