[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 18:56:20 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “เทศนาพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร” บนยอดเขาคิชกูฏ คติสำคัญของฝ่ายมหายาน  (อ่าน 1495 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออนไลน์ ออนไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5063


ระบบปฏิบัติการ:
Linux Linux
เวบเบราเซอร์:
Chrome 63.0.3239.111 Chrome 63.0.3239.111


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 มกราคม 2561 16:25:21 »



“เทศนาพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร” บนยอดเขาคิชกูฏ  คติสำคัญของฝ่ายมหายาน
.
.
.
คงจำกันได้นะครับว่า “พระมหาโพธิสัตว์” ในคติมหายาน/วัชรยาน นั้น จะมีอานุภาพ ฤทธิ์เดชและอภินิหาร แต่ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ของฝ่ายสถวีรวาทิน (มูลสรรวาสสติวาท)/เถรวาท) พระโพธิสัตว์คือผู้บำเพ็ญบุญตามแบบโยคะ (โยคาจารย์) 500 พระชาติ (พระโพธิสัตว์แบบพุกาม 550 พระชาติ ) จนได้มาประสูติเป็นพระสมณโคดมพุทธเจ้า ตามคติฝ่ายนี้ พระโพธิสัตว์ไม่ได้มีมากมายแบ่งชั้นแบ่งคอนโดกันในแต่ละมันดารา (พุทธเกษตร) ตามแบบของนิกายวัชรยานครับ
.
ตามคติความเชื่อของฝ่ายมหายาน/วัชรยาน นั้น ถือว่า พระธรรมของฝ่ายเถรวาทนั่นเป็นพระธรรมแบบเด็ก ๆ พื้น ๆ พระพุทธเจ้าสอนมนุษย์ได้แค่ไหน มนุษย์ก็รับได้แค่นั้นแหละ เพราะรับได้ยาก เข้าใจก็ยาก แต่พระธรรมของฝ่ายมหายานนั้น เป็นพระธรรมชั้นสูงและมีเทคนิควิธีการในการบรรลุนิพพาน / หรือโพธิญาณได้เร็ว ไปกันเป็นหมู่ ส่งต่อบุญวาสนากันได้ และสามารถ “ปฏิบัติ” เพื่อเข้าสู่การเป็น (มานุษิยะ)โพธิสัตว์/พุทธะได้ตามประสงค์ ในขณะที่ตัวเองยังมีชีวิตหรือสิ้นชีวิตไปแล้ว
.
เรื่องราวสำคัญของฝ่ายมหายาน ที่สืบเนื่องต่อมาถึงลัทธิวัชรยาน ได้สร้างวรรณกรรมแบบ “พุทธประวัติ” ที่กล่าวถึงการเทศนาพระสูตรสำคัญที่พระพุทธเจ้า (ศากยมุนี – กายเนื้อที่เป็นมนุษย์ หรือพระอมิตาภะ) ได้สั่งสอน “พระสัทธรรมปุณฑริกสูตร” ไว้แก่เหล่าเทพยดา โพธิสัตว์ (มหาโพธิสัตว์ 80,000 องค์) พุทธบริษัทและสัตว์โลกทั้งสามภพ บนยอดเขาคิชกูฏ (เขาแร้งใกล้กรุงราชคฤห์ ) โดยมี “พญานาคนันทะ” และ “อุปนันทะ” รองรับก้านแห่ง “ปัทม – รัตนบัลลังก์ ไว้
 .
“พญานาคนันทะ” และ “อุปนันทะ” จึงเป็นต้นทางสำคัญของคติและงานศิลปะ ที่กลายมาเป็น "มนุษย์นาค" ในคติพุทธเถรวาทลังกา ในช่วงเวลาต่อมา
.
ในการเทศนาพระธรรมสูตรขั้นสูงแก่ 3 โลกนี้ ยังเปิดให้เหล่าพระโพธิสัตว์บนมันดารา ได้พบกับอดีตพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่เข้าสู่พระนิพพานไปแล้วด้วย ปรากฏเป็นรูปของพระสถูป หรือรูปอดีตพระพุทธจ้าเอง เรียงรายอยู่ด้านหลังในงานศิลปะทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะงาน “พระพิมพ์ดินเผา” (Votive Tablets - Terracotta Tablets) ในยุควัฒนธรรมทวารวดีหลายรูปแบบครับ

.
เรื่องราวของการเทศนาธรรมอันเป็นคติสำคัญของฝ่ายมหายาน บนพระพิมพ์ดินเผาทั้งเก่าแก่ที่สุดชิ้นหนึ่ง เป็นพระพิมพ์แบบทรงกลมคล้ายตราประทับ อายุในยุคคุปตะ ช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 ปรากฏรูปรอยของบุคคลในช่องที่แบ่งช่องออกเป็น 9 ช่องตาราง รายล้อมบุคคลสำคัญตรงกลางหมายถึง “พระอมิตาภะ” (พระพุทธเจ้าในกัลป์ปัจจุบัน) กำลังแสดงธรรมขั้นสูง ยกพระหัตถ์ขึ้นแสดงวิตรรกะมุทราทั้งสองข้างบนปัทมะ - รัตนะบัลลังก์ รายล้อมด้วยพระมหาธยานิโพธิสัตว์ทั้ง 8 (ตัวแทนเลข 8 คือผู้ปกปักษ์ทิศทั้งแปด แปดกลีบบัว 80,000 พระโพธิสัตว์จากแต่ละมันดารา มรรค 8 อาไร ๆ ที่มงคล ๆ ก็เป็นเลข 8 ครับ)
.
ด้านบนสุด อาจหมายถึง  “สมันตภัทรโพธิสัตว์” (พระผู้ดูแลรอบด้าน) ธยานิโพธิสัตว์ของพระพุทธเจ้าไวโรจนะ ประทับในท่านั่งสมาธิ แสดงมุทราประทานพร ถัดมาองค์ที่สองตามแนวเข็มนาฬิกา ควรยกให้เป็น “พระโพธิสัตว์วัชรปาณี” (มหาสถามปราปตะ) ในคติมหายานเดิม ถัดลงมา คือ “พระโพธิสัตว์เมไตรย” (ผู้จะมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แต่ในคติวัชรยานจะวางรูปของพระองค์ไว้ที่ด้านซ้ายของพระอมิตาภะ)
.
ตามด้วยเป็นพระมหาโพธิสัตว์ “สรรวนิสรณวิษกัมภิณ” ถัดลงมาทางด้านล่าง อยู่ในท่าลลิตาสนะ เป็น”มัญชูศรีโพธิสัตว์” ขวาล่างเป็น “อากาศครรภโพธิสัตว์” ด้านซ้ายเป็น”พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” (วัชรยานวางรูปไว้ด้านขวาของพระอมิตาภะเช่นเดียวกับมหายาน) วนเข็มนาฬิกาครบที่ พระมหาโพธิสัตว์“กษิติครรภโพธิสัตว์”
.
ทั้งหมด จะรวมเรียกว่า “พระอัษฎางคมหาโพธิสัตว์” ครับ
..
ถึงฝ่ายมหายาน จะมี “พระโพธิสัตว์” แต่นิกาย “วัชรยาน” นั้น ก็มีพระโพธิสัตว์ แต่มีเยอะกว่าและยังทำหน้าที่แบบโหด ๆ (เช่นปราบพวกเทพเจ้าฮินดู) มีพุทธเทวะเป็นเพศหญิง (รับอิทธิพลมาจากคติศากตะ – ศักติ) มีคาถาและมนตราตามแบบฮินดู สาปแช่งก็ได้นะ.. มีรหัสลับเป็นอุบายในการเข้าถึงจุดหมาย (กายรหัส มโนรหัส วจีรัส) ดูนับถือง่าย แต่กลับไม่ได้รับความนิยมในยุคต่อมา ด้วยเพราะขาดตรรกะเหตุผลในการปฏิบัติอย่างฝ่ายพุทธเถรวาท มีแต่พวกพวก “พระ” หมอผีจอมขมังเวทย์ เสกคาถาอาคม (ยังหลงมาในปัจจุบันก็เยอะ) ครับ
.
.
.
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy
เพราะทุกที่มีเรื่องราวและเรื่องเล่า

จาก https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=359658881165487&id=100013641335044

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.257 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 05:27:01