"แสงธรรมสุขใจ"

<< < (2/25) > >>

ขม..ค่ะึึ:


มีเพียงใจดวงใสใส กระจ่างสว่างวาบ
กับบทเรียนแห่งสัจจธรรมมรณานุสติ

สู่..
ทางสายธรรม
อันแสนสว่างสงบ..
สยบทุกข์สุข

หยุด
ว่ายวนพ้นเพียร
พาร่างให้ห่างไกลกิเลส
จิตแว่วสำเนียง
"ชีวิตนี้ช่างแสนสั้นนัก..."

ให้..
พ้นผ่านทุกข์
ด้วยรู้หยุดรู้วาง
เลือกทางสายกลาง
รักษาศีล..ภาวนาสมาธิ

ให้..
ตั้งจิตมั่น ตั้งสัตยาธิษฐาน
จิตพ้นม่านกรรม
ขัดเกลากิเลสอันมัดหนา

รอ..
เพียงแสงธรรมส่องนำทาง
ให้พบความกระจ่างแจ้ง
ดั่งบัวพ้นน้ำ...

ขม..ค่ะึึ:


เรื่องของทางโลกและทางธรรม

ทางโลก
คือ การแสวงหาสุขแล้วไปเจอทุกข์
เหมือนกับปลาที่ฮุบใส้เดือนได้แล้วไปเจอเงี่ยงเบ็ด

ทางธรรม
คือ การกำหนดหยั่งรู้ทุกข์ แล้วปล่อยวางความสุข
เหมือนกับการสละไส้เดือนเพระเห็นโทษแห่งการติดเบ็ด

ทางโลก คือ
เส้นทางที่จะไปตกเหวตาย ที่สรรพสัตว์ทั้งหลายชักนำกันไป
สิ่งที่จะไปเจอ คือความผิดหวัง เพราะสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
คือ ความแก่ ความเจ็บ ความตายและความพลัดพราก
น้ำตา คือรางวัลแก่ผู้เข้าเส้นชัยที่ดำเนินไปในทิศทางของโลก

ทางธรรม คือ
เส้นทางหวนกลับของสุนัขจนตอรก เพราะเมื่อมนุษย์ทั้งหลาย หากถูกกิเลสไล่แล้ว
ก็ทำไปตามกิเลส ความอยากของตน จะต้องไปเจอทางตันอย่างแน่นอน
เพราะเราไม่สามารถจะหาสิ่งมาตอบสนองความอยากของเราได้ตลอด
ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหันกลับมาฟัดกับกิเลสของเรา
เพื่อเอาชนะกิเลสของตน ไม่ตกเป็นทางของอารมณ์

ทางโลก คือ การทำตามใจกิเลส อันเป็นเหตุแห่งความเดือนร้อน
ทางธรรม คือ การดับกิเลส อันเป็นเหตุแห่งความสงบเย็น

ทางโลก คือ การกินของหวานที่ทำให้เกิดร้อนใน
ทางธรรม คือ การกินของขม เพื่อรักษาอาการร้อนใน

ทางโลก คือการยึดถือสิ่งต่างๆ ว่าเป็นของเรา
ทางธรรม คือ การรู้จักปล่อยวาง จากสิ่งทั้งปวง อย่างผู้มีปัญญา

เงาฝัน:



ข้าพเจ้าสุขใจในเส้นทาง
รจนาโดย :พี่ดอกแก้ว


ข้าพเจ้าสุขใจไร้หมองหมาง
ได้เดินไปบนทางตามที่ฝัน
มีโอกาสช่วยเหลือและแบ่งปัน
ทั้งสร้างสรรค์ใจตนให้พ้นภัย

ข้าพเจ้าพบคนต่างกิเลส
ก่อภัยเภทล้นหลามตามนิสัย
จึ่งมองดูด้วยความที่เข้าใจ
ว่าเป็นภัยเฉพาะตนคนสร้างกรรม

ข้าพเจ้าถูกเหมาเป็นผู้ร้าย
เขามาป้ายสีใส่ไม่อิ่มหนำ
ข้าพเจ้าดูสีที่ป้ายทำ
รู้เป็นวิบากกรรมสร้างผลงาน


ข้าพเจ้าเข้าใจไม่เอาเรื่อง
รู้ว่าเปลืองเวลาในสังสาร
เขาคือเขา เราคือเรา ต่างสันดาน
พบแล้วผ่านไม่รั้งผูกฝังใจ

ข้าพเจ้าสงสารผู้พาลนั้น
หากผลกรรมตามทันอนาคตสมัย
ต้องเจ็บร้อนเพราะกรรมที่ทำไป
คงยิ้มได้แค่ตอนนี้ที่ปัจจุบัน

ข้าพเจ้าพบสิ่งไม่ดีงาม
จึงตั้งใจหลีกทรามไม่สังสรรค์
แยกเส้นทางด้วยความรู้เท่าทัน
เพื่อไม่พบสิ่งนั้นในชีวี

ข้าพเจ้าสุขใจในเส้นทาง
แม้นมีหลุมบ่อบ้างในวิถี
ก็มุ่งมั่นเดินไปด้วยความดี
เพราะปลายทางสายนี้แสนงดงาม




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem118439.html

(:88:) (:88:) (:88:)

ขม..ค่ะึึ:


..มนุษย์มิใช่ศัตรู...ของเรา..

สัญญาวันนี้
สัญญาเดี๋ยวนี้
ขณะที่ตะวันอยู่เหนือศรีษะ
ณ. จุดจอมฟ้า

แม้ว่าหมู่มารจะกระหน่ำจิตเราล้มลง
ด้วยขุนเขาแห่งความรุนแรงและเกลียดชัง
แม้เขาย่ำเหยียบ และบดขยี้เราราวตัวหนอน
แม้จะสับเราจนแหลกคว้านไส้พุงเรา
จงจำไว้ นะ.. มนุษย์มิใช่ศัตรูของเรา

สิ่งเดียวที่เราพึงยึดถือคือเมตตา
เมตตาไร้เงื่อนไข ไร้ขอบเขต และยืนยงคงกระพัน
ความเกลียดชังจะไม่ยอมให้เราเผชิญหน้า
สัตว์ร้ายในมนุษย์

สักวันหนึ่ง เมื่อเราเผชิญหน้าสัตว์ร้ายนี้ตามลำพัง
ด้วยดวามกล้าหาญบริบูรณ์ นัยน์ตาที่อารี
และใจอันสงบ ( แม้ไม่มีใครเห็น )
ยิ้มของเราจะเป็นดอกไม้แย้มบาน
และผองผู้ที่รักเรา...ก็จะเห็นเรา

ตะวันและจันทรา..จะยังคงฉายแสง
เส้นทางกันดาร..ที่แสนยาวไกล
ที่เลือกก้าวเดินต่อไป..
ตามลำพังอีกครั้ง...ก็เถอะ
ด้วยรู้ว่า...วิถีแห่งธรรมนั้น...เป็นสุขนิจนิรันดร์


เงาฝัน:




๗๐. @ สัมผัสดินสัมผัสน้ำคล้ำขุ่นใส
สัมผัสลม สัมผัสไฟ ใสสว่าง
แตะขอบเดือน ขอบดาว พราวนภางค์
เหลียบเบื้องล่าง ขว้างใจ ไปเบื้องบน .........

๗๑. @ เจ้าจงเป็นเช่นนี้นะชีวิต
อย่าเดินผิดจากพรบทท่อนต้น
เจ้าจักรู้รูปนาม ความเป็นคน
ปั้นให้ป่น ปนให้เป็น เล่นให้จริง .........

๗๒. @ เป็นเนื้อโลก ในโลก และเหนือโลก
เผากะโหลกหลอมละลายได้ทุกสิ่ง
ถอดกลอนกรงเนื้อหนังออกขว้างทิ้ง
พร้อมจะกลิ้งเกลือกได้ในทันที .........

คัดมาจาก หนังสือ "วารีดุริยางค์"
ประพันธ์ โดย อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ... .

ขม..ค่ะึึ:


อนิจจัง ความไม่เที่ยง
ทุกขัง ความเป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป
อนัตตา ความไม่ใช่ตัวตนของเรา
คือไม่อยู่ใต้อำนาจความปรารถนาต้องการของเรา

แม้จะยังไม่ทันต้องประสบกับความพลัดพรากดังกล่าว ก็ให้ไม่ประมาท
ทุกคนต้องประสบความพลัดพรากจากเป็นและจากตายเป็นธรรมดา
เมื่อเกิดขึ้นก็ทำให้เกิดความเศร้าสะเทือนใจอย่างยิ่งอยู่เนืองๆ

แม้ใหม่ๆ จะต้องเป็นทุกข์อยู่
แต่นานไปก็จะคลายทุกข์และจะคลายทุกข์ในที่สุด
เมื่อเป็นทุกข์ทุกคนก็คิดว่ามีกรรม
เมื่อเหตุแห่งทุกข์พ้นไปก็ควรคิดว่าหมดกรรม

ให้รู้สึกด้วยตัวเองเสมอว่า...
"ความทุกข์แม้หนักเพียงใดอันเกิดจากการพลัดพรากจากเป็น
จะกลายเป็นความเบาสบายขึ้นในช่วงระยะที่สามารถรักษาสติ
ไม่ปล่อยความคิดให้ไปเกี่ยวกับจิตของผู้อื่น"

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว