24 เมษายน 2567 08:14:22
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
.:::
ความเป็นผู้มีความปรารถณาน้อย
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ความเป็นผู้มีความปรารถณาน้อย (อ่าน 1078 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1921
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1
ความเป็นผู้มีความปรารถณาน้อย
«
เมื่อ:
23 พฤษภาคม 2554 12:25:36 »
Tweet
บทว่า ทฺวตฺตึสาย ติรจฺฉานกถาย คือ ไม่ประกอบด้วยดิรัจฉาน -
กถา ๓๒ ประการของสัตว์ผู้พ้นจากสวรรค์บทว่า ทส กถาวตฺถูนิ
กถาวัตถุ ๑๐ ประการ คือเหตุอันเป็นวัตถุแห่งกถาอาศัย{วิวัฏฏะนิพพาน}
๑๐ ประการมีความเป็นผู้มีความปรารถนาน้อยเป็นต้นบทว่า อปฺปิจฺโฉ
มีความปรารถนาน้อย ในบทว่า อปฺปิจฺฉกถํ นี้ได้แก่ เว้นความปรารถนา
ไม่มีความปรารถนาไม่มีความอยากอันที่จริงพยัญชนะในบทว่า อปฺ
ปิจฺโฉ นี้ดูเหมือนจะยังมีพยัญชนะเหลืออยู่แต่อรรถไม่มีอะไรเหลืออยู่
เลยเพราะพระขีณาสพไม่มีความปรารถนาแม้แต่น้อยอีกอย่างหนึ่ง
ในความปรารถนานี้พึงทราบประเภทดังนี้คือ ความปรารถนาลาภคนอื่น
เพื่อตนความปรารถนาลามก ความปรารถนาใหญ่ความปรารถนาน้อย
ในประเภทความปรารถนาเหล่านั้นพึงทราบดังนี้ความปรารถนาลาภ
ของผู้อื่นเพราะไม่อิ่มในลาภของตน ชื่อว่าปรารถนาลาภคนอื่นเพื่อตน
ผู้ประกอบด้วยความปรารถนาลาภคนอื่นเพื่อตนนั้นแม้ขนมสุกในภาชนะ
หนึ่งที่เขาใส่บาตรของตนก็ปรากฏเหมือนยังไม่สุกดีและเหมือนเล็กน้อย
วันรุ่งขึ้นเขาใส่บาตรของผู้อื่นก็ปรากฏเหมือนสุกดีแล้วและเหมือนมาก
ความสรรเสริญในคุณอันไม่มีและความไม่รู้จักประมาณในการรับชื่อว่ามี
ความปรารถนาลามกความปรารถนาลามกนั้นมาแล้วโดยนัยมีอาทิว่าคน
บางคนในโลกนี้เป็นผู้ไม่มีศรัทธาปรารถนาว่าขอให้ชนรู้จักเราว่าเป็นผู้มี
ศรัทธาบุคคลผู้ประกอบด้วยความปรารถนาลาภนั้นย่อมตั้งอยู่ในความ
หลอกลวงความสรรเสริญคุณอันมีอยู่และความเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณใน
การรับ ชื่อว่ามีความปรารถนาใหญ่แม้ความปรารถนาใหญ่นั้นก็มา
แล้วโดยนัยนี้ว่าคนบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีศรัทธาย่อมปรารถนาว่าชน
จงรู้จักเราว่าเป็นผู้มีศรัทธาย่อมปรารถนาว่าชนจงรู้จักเราว่าเป็นผู้มีศีล
ดังนี้บุคคลผู้ประกอบด้วยความปรารถนาใหญ่นั้นเป็นผู้ไม่อิ่มด้วยท่อนผ้า
แม้มารดาผู้ให้กำเนิดก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งความคิดของเขาได้สมดังที่
ท่านกล่าวไว้ว่า................
กองไฟมหาสมุทรและบุคคลผู้มีความปรารถนา
ใหญ่ชนทั้งหลายให้ปัจจัยจนเต็มเกวียนแม้ทั้งสาม
ประเภทนั้นก็หาอิ่มไม่
ส่วนความเป็นผู้ปิดบังคุณอันมีอยู่และรู้จักประมาณในการรับชื่อ
ว่ามีความปรารถนาน้อยบุคคลผู้ประกอบด้วยความปรารถนาน้อยนั้น
เพราะประสงค์จะปกปิดคุณแม้ที่มีอยู่ในตนถึงมีศรัทธาก็ไม่ปรารถนาว่า
ขอชนจงรู้จักเราว่าเป็นผู้มีศรัทธาถึงมีศีลเป็นผู้สงัดเป็น{พหูสูต}เป็นผู้
ปรารภความเพียรเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสมาธิเป็นผู้มีปัญญาเป็นพระขีณาสพ
ก็ไม่ปรารถนาว่าชนจงรู้จักเราว่าเป็นพระขีณาสพเหมือน{พระมัชฌัน -
ติกเถระ}ฉะนั้นก็แลภิกษุผู้มีความปรารถนาน้อยอย่างนี้ย่อมยังลาภ
ที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้นทำลาภที่เกิดขึ้นแล้วให้ถาวรยังจิตของทายกให้ยินดี.
มนุษย์ทั้งหลายเลื่อมใสแล้วในวัตรของภิกษุนั้นย่อมถวายมากโดยอาการ
ที่ภิกษุนั้นเป็นผู้มีความปรารถนาน้อยจึงรับแต่น้อย
ยังมีความปรารถนาน้อยอื่นอีก ๔ อย่าง คือ ปรารถนาน้อยใน
ปัจจัยปรารถนาน้อยในธุดงค์ ปรารถนาน้อยในปริยัติ ปรารถนาน้อยใน
อธิคม{ความสำเร็จ - การบรรลุ}ใน ๔ อย่างนั้นความปรารถนาน้อย
ในปัจจัย ๔ ชื่อว่า ปรารถนาน้อยในปัจจัยภิกษุใดรู้กำลังของทายก
รู้กำลังของไทยธรรมรู้กำลังของตน(ผิ)ว่าไทยธรรมมีมาก ทายกประสงค์
จะให้น้อยย่อมรับแต่น้อยด้วยกำลังของทายกไทยธรรมมีน้อยทายก
ประสงค์จะให้มากย่อมรับแต่น้อยด้วยกำลังของไทยธรรมแม้ไทยธรรม
ก็มีมาก แม้ทายกก็ประสงค์จะให้มากรู้กำลังของตนย่อมรับพอประมาณ
เท่านั้นไม่ประสงค์จะให้รู้ว่าการสมาทานธุดงค์มีอยู่ในตนภิกษุนั้น
ชื่อว่าเป็นผู้มีความปรารถนาน้อยในธุดงค์ส่วนภิกษุใดไม่ประสงค์จะ
ให้รู้ว่าตนเป็นพหูสุตภิกษุนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีความปรารถนาน้อยในปริยัติ
ส่วนภิกษุใดได้เป็นพระโสดาบันเป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ปรารถนา
จะให้รู้ว่าตนเป็นพระโสดาบันเป็นต้นภิกษุนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีความปรารถนา
น้อยในอธิคมส่วนพระขีณาสพละความปรารถนาลาภคนอื่นเพื่อตน
ความปรารถนาลามก ความปรารถนาใหญ่ได้แล้ว ชื่อว่า เป็นผู้มีความ
ปรารถนาน้อยเพราะเป็นผู้ประกอบด้วยความปรารถนาน้อยด้วยความ
บริสุทธิ์ คือไม่โลภอันเป็นปฏิปักษ์ต่อความปรารถนาโดยประการทั้งปวง
พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงโทษในธรรมเหล่านั้นว่าดูก่อนอาวุโส
ทั้งหลาย{ธรรม}เหล่านี้คือความปรารถนาลาภคนอื่นเพื่อตนความ
ปรารถนาลามกความปรารถนาใหญ่ควรละเสียทรงแสดงว่าควรประ -
พฤติสมาทานความเป็นผู้ปรารถนาน้อยเห็นปานนี้ชื่อว่าตรัส{อปฺปิจฺฉกถา}ความปรารถนาน้อย
ความเป็นผู้ปรารถนาน้อยเป็นสภาพธรรมฝ่ายดีเป็นกุศลธรรมจะเป็นอกุศลธรรม
ได้เลยดังนั้นความเป็นผู้ปรารถนาน้อย
ความมักน้อยภาษาบาลี คือ อัปปิจโฉในอรรถกถาอังคุตตรนิกายอธิบายไว้ว่า
ผู้ไม่มีความปรารถนา คือไม่มีความโลภ{โลภะ}ซึ่งความไม่มีความโลภก็ย่อมีวัตถุที่จะ
ไม่โลภมีปัจจัยต่าง ๆ คือไม่โลภในปัจจัยต่าง ๆ หรือ คุณธรรมต่าง ๆ คือไม่{โลภ}คือไม่
แสดงตนว่ามีคุณธรรมต่าง ๆ ซึ่งขณะนั้นไม่มีความต้องการให้คนอื่นรู้ว่ามีคุณธรรมอะไร
บ้างจึงชื่อว่าความเป้นผู้ปรารถนาน้อยแต่ขณะนั้นไม่มีโลภะ{ไม่เป็นอกุศล}ซึ่ง
ในเรื่องของความปรารถนามี 4 ประการดังนี้..........................
1.ผู้ปรารถนาลามก
2.ผู้ปรารถนายิ่ง ๆ ขึ้น
3.ผู้ปรารถนาน้อยหรือมักน้อย
4.ผู้มักมาก
ผู้ปรารถนาลามกคือผู้ที่พยายามในสิ่งที่ตัวเองไม่มีคุณธรรมนั้นเช่นเป็นผู้ไม่สำรวม
ก็แสดงอาการว่าเป็นผู้สำรวมเพื่อให้คนอื่นยกย่องหรือสรรเสริญเพื่อลาภสักการะ
ไม่มีคุณธรรมคือศรัทธาก็ทำเป็นผู้มีศรัทธาไม่มีคุณธรรมก็แสดงอาการภายนอกว่า
เป็นผุ้มีคุณธรรมเป็นต้นหลอกลวงเพื่อได้มาซึ่งสักการะลาภและปัจจัยต่าง ๆ จึงชื่อ
ว่าเป็นผู้มีความปรารถนาลามก
ผู้ปรารถนายิ่ง ๆ ขึ้นคือผู้ที่ไม่รู้จักพอ ไม่อิ่มให้เท่าไหร่ไม่พอเหมือนไฟไม่อิ่มด้วย
เชื้อมีไม้และวัตถุที่ไหม้ไฟมหาสมุทรก็ไม่อิ่มด้วยน้ำแม้คนที่มีความปรารถนายิ่ง ๆ ขึ้น
ก็ไม่พอในสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาและก็ย่อมเดือดร้อนกับความไม่พอ
ผู้มักมากคือผู้ที่ตัวเองมีคุณธรรมแต่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีคุณธรรมเพื่อให้ได้
มาซึ่งลาภ สักการะ ปัจจัย เช่นตัวเองมีศีลก็มีความปรารถนาแสดงอาการให้ผู้อื่นรู้ว่า
ตัวเองมีศีล เป็นต้นหรือการไม่รู้จักพอดีในการับ นั่นก็ชือ่ว่าเป็นผุ้มักมากซึ่งต่างกับผู้มี
ความปรารถนาลามกคือตัวเองไม่มีคุณธรรมนั้นแต่แสดงหลอกลวงว่ามีคุณธรรมนั้นแต่
ถ้าเป็นผู้มักมากคือตัวเองมีคุณธรรมนั้นและก็อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีคุณธรรมนั้นจะเห็น
ได้ว่า 3 ข้อที่กล่าวมาเป็นเรื่องของโลภะความปรารถนาความต้องการทั้งสิ้น
ซึ่งไม่ใช่ความเป็นผู้มักน้อยหรือปรารถนาน้อย..........................
ผู้ปรารถนาน้อยหรือมักน้อยคือผู้ไม่มีความปรารถนาไม่โลภะที่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่า
ตนเองมีคุณธรรมอะไรโดยไม่ใช่การหลอกลวงซ้อนว่าแสดงเหมือนเป็นผู้มักน้อยเพื่อให้
ผู้อื่นสำคัญว่าเป็นผู้มักน้อยแต่จิตขณะนั้นเป็นผู้ไม่มีความต้องการจริงๆในขณะนั้นและ
รู้จักประมาณในการับด้วยใจจริงนี่ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปรารถนาน้อย - มักน้อย
ซึ่งความักน้อย มี 4 ประการคือ................
1.มักน้อยในปัจจัย
2.มักน้อยในธุดงค์
3.มักน้อยในปริยัติ
4.มักน้อยในอธิคม
มักน้อยในปัจจัย คือ เป็นผู้รู้จักพอในการรับไม่มีความปรารถนาเพิ่มในสิ่งที่ตนเอง
ก็มีอยู่แล้ว คือต้องดูทั้งคนให้และตัวเองและศรัทธาของผู้ให้ครับถ้าผู้ให้มีของมาก
แต่มีศรัทธาน้อยก็รับน้อยถ้าผู้ให้มีของน้อยแต่มีศรัทธาในการให้มากก็รับน้อยแต่ถ้าผู้
ให้มีของมากและมีศรัทธามากก็ต้องรับพอดีนี่คือความมักน้อยความไม่โลภใน
ปัจจัยนั่นเอง
มักน้อยในธุดงค์ คือ ตัวเองเป็นผู้สมาทานรักษาธุดงค์ก็ไม่มีความปรารถนาต้อง
การให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองรักษาธุดงค์
มักน้อยในปริยัติ คือตัวเองเป็นผู้ฟังมากและเข้าใจมากแต่ก็ไม่ปรารถนาให้ใครรู้ว่า
ตัวเองเป็นพหูสูต ฟังมาก - เข้าใจมาก
มักน้อยใน{อธิคม}หมายถึง ตัวเองบรรลุธรรม แล้วก็ไม่ปรารถนาให้คนอื่นรู้ว่าบรรลุ
ธรรมการศึกษาพระธรรมจึงเป็นเรื่องของการน้อมประพฤติปฏิบัติด้วยความจริงใจทั้งทางกาย
วาจาและใจเป็นสำคัญการขัดเกลากิเลสก็เริ่มจากปัญญาที่เจริญขึ้นอันเนื่องมา
จากการศึกษาพระธรรมฟังพระธรรม เห็นโทษของกิเลสค่อย ๆ ขัดเกลากิเลส พระธรรม
จึงเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีความจริงใจและเป็นผู้ตรงว่าศึกษาพรธรรมเพื่อประโยชน์คือ.........................
การขัดเกลากิเลสของตนเองอันเป็นไปเพื่อความมักน้อยเป็นไปเพื่อความไม่มีโลภะที
ละเล็กละน้อยครับนี่คือประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม
ความเป็นผู้มักน้อยจึงเป็นคุณธรรมที่ควรอบรมเพราะเป็นธรรมเครื่องขัดเกลาแต่จะมี
ได้เพราะอาศัยการฟังพระธรรมเห็นประโยชน์ว่าถ้าลดความโลภลงเพราะมีปัญญา
ประโยชน์ก็ย่อมเกิดกับคนรอบข้างที่สำคัญที่สุดประโยชน์ใหญ่คือขัดเกลากิเลสของ
ตนเองพระธรรมเท่านั้นที่จะเกื้อกูล...............................
จากการที่เป็นผู้มากไปด้วยโลภะมากไปด้วยความติดข้องต้องการซึ่งก็มีเป็น
ปกติในชีวิตประจำวันซึ่งถ้าสะสมจนกระทั่งมีกำลังมากขึ้นก็อาจจะกระทำทุจริตกรรม
เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อนกระำทำในสิ่งที่ไม่สมควรได้เพราะโลภะมีกำลังแต่เพราะ
ได้อาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงซึ่งอุปการะ
เกื้อกูลต่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรมถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถละโลภะได้อย่างเด็ด
ขาดแต่ก็สามารถค่อย ๆ ขัดเกลาให้เบาบางลงได้ในชีวิตประจำวันด้วยความเป็นผู้
เห็นโทษของอกุศลเห็นคุณประโยชน์ของกุศล
ธรรม เป็นเรื่องละเอียดตั้งแต่ต้นแม้แต่ในการฟังพระธรรม - ศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจ
ธรรมตามความเป็นจริงไม่ใช่เพื่อลาภสักการะสรรเสริญไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าตน
เองมากไปด้วยความรู้เป็นต้นสำหรับผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง
ย่อมไม่มีความประสงค์ที่จะให้คนอื่นรู้ว่าตนเองมีคุณอย่างไรมีความรู้อย่างไรแต่จะ
มีความประสงค์ที่จะให้ผู้อื่นได้เข้าใจพระธรรมอย่างที่ตนเองเข้าใจ
สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรทำแต่ควรกระทำในสิ่งที่ดีงามทั้งทางกาย
ทางวาจา และทางใจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือการฟังพระธรรม - ศึกษาพระธรรม
สะสมปัญญาไปตามลำดับความเข้าใจถูก - เห็นถูกตรงตามพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็น
เครื่องนำทางชีวิตที่ดีทำให้รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำเป็นต้นซึ่งจะเห็นได้
ว่าพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อยเป็นไป
เพื่อความเป็นผู้หมดโลภะไม่ใช่เพื่อความเป็นผู้มักมากไม่ใช่เพื่อความเป็นผู้โลภ
มากในสิ่งต่าง ๆ ถ้าเริ่มขัดเกลากิเลสตั้งแต่ในขณะนี้ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง
ก็จะสามารถดำเนินไปถึงซึ่งการดับกิเลสได้ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานใน
การอบรมเจริญปัญญา.................................
ข้อความจากพระไตรปิกฏ
ถ้าสิ่งที่ปรารถนาของบุคคลนั้นย่อมสำเร็จได้
ครั้นสิ่งที่ปรารถนานั้นสำเร็จบุคคลยังปรารถนาต่อไปอีก
ก็ย่อมได้ประสบกามตัณหาเหมือนบุคคลที่ถูกลมแดดแผดเผาในฤดูร้อน
ย่อมเกิดความกระหายใคร่จะดื่มน้ำฉะนั้น............................
ได้ยินว่าพระขิตกเถระ
ได้ภาษิตคาถานี้ไว้อย่างนี้ว่า
จิตของใครตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวดังภูเขา
ไม่กำหนัดแล้วในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่ขัดเคืองในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง
ผู้ใดอบรมจิตได้อย่างนี้
ทุกข์จักมาถึงผู้นั้นแต่ที่ไหน
ข้อมูลจาก.............มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาโดยท่าน อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากรเลขที่
๑๗๔ / ๑ ซอยเจริญนคร ๗๘ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรีกรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐ โทรศัพท์หมายเลข ๐๒ - ๔๖๘ ๐๒๓๙ สมาชิก สุขใจ
ท่านใดมีความประสงค์จะศึกษาพระธรรมเรียนเชิญสอบถามไปยังมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาตามที่อยู่ดังที่เห็นอยู่นี้.......
http://www.facebook.com/itsariyathanakorn
http://twitter.com/soka45
http://forums.212cafe.com/boxser/
..............................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................
ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ....................................
http://www.fungdham.com/download/song/sec2/2buddhapower/08.wma
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 พฤษภาคม 2554 16:13:10 โดย 時々sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
คำค้น:
น้อย
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...