[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 22:57:10 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมมิใช่สูตรสำเร็จ  (อ่าน 1270 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5392


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 01 มิถุนายน 2561 15:23:35 »



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : new500arhat.files.wordpress.com

กรรมมิใช่สูตรสำเร็จ
ผู้เขียน : ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ตีพิมพ์ใน หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ หน้า ๗๑ ฉบับที่ ๑๙๗๑ ประจำวันที่ ๒๕-๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๑
----------------------------------

เคยไปเป็นวิทยากรในรายการโทรทัศน์ชื่อ “กฎแห่งกรรม” ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 5 สนามเป้า หลายปีมาแล้ว เป็นรายการสด จัดโดยบริษัทภาษร ของคุณกรรณิกา ธรรมเกษร หรือที่ผู้สนิทคุ้นเคยเรียกว่า “คุณแอ้”

ความจริงจะเรียกว่า เป็นวิทยากรก็ไม่เชิง เพราะมิได้ทำหน้าที่ตอบปัญหา หรือบรรยายอะไรมากนัก เขาบอกว่าให้ไปนั่งดูละครชีวิตที่สร้างขึ้นจากบทประพันธ์ของ ท. เลียงพิบูลย์ เรื่อง “กฎแห่งกรรม”

ดูจบแล้วก็ให้อธิบายประกอบในแง่ธรรมะ ว่าที่เขาหรือเธอ (ในละคร) นั้นๆ ประสบเคราะห์กรรม หรือได้รับโชคอย่างนั้นๆ เป็นเพราะทำกรรมอะไรมา

หรือว่าเขาหรือเธอคนนั้นทำชั่วอย่างนั้นๆ แล้วทำไมจึงไม่ได้รับผลชั่ว

หรือเขาหรือเธอคนนั้นทำดีเหลือเกิน แล้วทำไมผลดีไม่ตอบสนองเขาเลย หรือว่ามันจะสนองอยู่แต่ยังไม่ถึงเวลา ฯลฯ อะไรทำนองนี้

ผมก็จ้องดูละครชีวิตบนจอทีวีอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนไปก็ “ทำการบ้าน” คือค้นคว้าอ่านพระไตรปิฎกเกี่ยวกับเรื่องกรรม พยายามทำความเข้าใจให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะได้ไปวิพากษ์วิจารณ์ หรือวินิจฉัยได้โดยไม่ผิดหลักพระพุทธศาสนา

นั่งดูพร้อมกับท่านเจ้าคุณพระราชธรรมนิเทศ หรือมหาระแบบ ซึ่งเป็นพระนักเทศน์ชื่อดังเป็นที่รู้จักทั่วไป

ละครจบลง แทนที่จะได้แสดงความคิดเป็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องราวบนจอทีวี ดูเหมือนไม่มีโอกาสเลย เพราะช่วงถัดจากนั้นไป เป็นการตอบคำถามของผู้ชมทางบ้านที่หมุนโทรศัพท์เข้ามาถามปัญหาสดๆ กันเลย

ผู้ถามก็มีปัญหาคับข้องใจ “ส่วนตัว” ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องราวในละคร เขาก็ถามเฉพาะข้อข้องใจของเขา

มีหลายรายคงไม่ต้องการคำตอบ เพียงแต่ต้องการคนฟังเขาระบายความทุกข์เท่านั้น

ข้อที่สังเกตได้จากรายการนี้ (นัยว่าเป็นรายการปฐมฤกษ์) ก็คือผู้ชมหลายท่านมักจะมองเรื่องกรรมเป็น “สูตรสำเร็จ”

ผู้ชมท่านหนึ่งถามว่า คนที่แย่งสามีคนอื่นไป จะต้องได้รับกรรมคือถูกแย่งสามีหรือไม่

การมองแบบนี้เรียกว่า “แบบสูตรสำเร็จ” คือทำอย่างใด ก็ต้องได้อย่างนั้นจริงๆ ไม่ผิดเพี้ยน ฆ่าเขา และฆ่าโดยวิธีใด ก็จะถูกฆ่าด้วยวิธีนั้นเช่นเดียวกัน แย่งสามีเขาไป ก็ต้องถูกคนอื่นแย่งสามีเช่นเดียวกัน

ความจริงผลกรรมที่ทำ มันอาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่มิใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นทุกกรณี

เขาคนที่ทำชั่วนั้นๆ อาจได้รับผลอย่างอื่น ไม่ตรงเผงอย่างนั้น

แต่เป็นผลคล้ายๆ กัน

ยกตัวอย่างเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง นายคนหนึ่งเป็นคนมีอำนาจและมีอิทธิพลมาก ได้ทำกรรมชั่วช้ามากมาย ทำให้ผู้คนเขาเดือดร้อนมามาก จนผู้คนเขาสาปแช่งว่า เมื่อใดมันจะวิบัติฉิบหายเสียที แต่เขาก็เจริญร่ำรวย อยู่อย่างอู้ฟู้ อ้าฟ่า ในสายตาของประชาชน

วันดีคืนดี ลูกชายสุดที่รักของเขาก็ถูกรถบรรทุกบี้ตาย ขณะกลับจากท่องราตรียามดึกคืนหนึ่ง เขามีบุตรชายโทน หวังจะให้รับมรดกหมื่นล้านแสนล้าน ที่เขากอบโกยเอาไว้ แต่ก็มาเสียลูกรักไป

เขาได้รับความทุกข์แสนสาหัส ความทุกข์เพราะเสียลูกชายสุดที่รักคนเดียวไป ได้ทรมานจิตใจเขาสิ้นระยะเวลายาวนาน

อย่างนี้แหละครับที่ว่า เขาทำอย่างใด ไม่จำเป็นต้องได้รับผลอย่างนั้น แต่จะได้รับผล “คล้ายๆ กัน”

นายคนนี้ข่มเหงรังแกคนมากมาย ทุจริตคอร์รัปชั่นมามาก เขาไม่จำเป็นจะต้องถูกคนอื่นข่มเหงตอบ และไม่จำเป็นต้องถูกคนอื่นโกงตอบ

แต่เขาก็ได้รับผลกรรมที่หนักหนาสาหัส ไม่แพ้กรรมที่ทำคือ ต้องเสียบุตรชายคนเดียวไป

คนแย่งสามีคนอื่นไป ก็ไม่จำต้องถูกผู้หญิงอีกคนมาแย่งเอาสามีไป แต่อาจได้รับผลกรรมอย่างอื่นที่ร้ายแรงพอๆ กัน เช่น ทั้งๆ ที่อยู่กินด้วยกันกับสามี (ที่แย่งเขามา) แต่ก็ไม่มีความสุขอย่างที่คาดหวังไว้เลย มีแต่ความเจ็บช้ำใจ เพราะสามีตัวดีทำให้ อะไรทำนองนี้

นอกจากจะไม่ใช่ “สูตรสำเร็จ” แล้ว กรรมที่ทำไว้ อาจไม่ให้ผลก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขใหม่ที่เราทำเพิ่มภายหลังด้วยที่พูดนี้เป็นฉันใด

คืออย่างนี้ครับ ตามหลักกฎแห่งกรรมมีว่า “หว่านพืชเช่นไรย่อมได้ผลเช่นนั้น ทำกรรมดีย่อมได้ผลดี ทำกรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว”

ท่านเปรียบการทำกรรมและการรับผลของกรรมเหมือน การหว่านพืชและการได้ผลแห่งพืชนั้น
 
ช่น สมมติว่า เราหว่านหรือเพาะถั่วงา เราก็ย่อมได้ต้นถั่วต้นงา และได้ผลถั่ว ผลงา เราจะได้ต้นพริกไทยเป็นต้นหาได้ไม่ พืชชนิดไหน ก็จะงอกออกมาเป็นต้นไม้ชนิดนั้น และให้ผลชนิดนั้น

ชนิดของพืชนั้นไม่กลายพันธุ์แน่นอน แต่ผลที่ได้อาจเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือได้น้อยลง หรืออาจไม่ได้ผลเลยก็ย่อมเป็นได้ เพราะเงื่อนไขอย่างอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

ถ้าดูแลดี เอาใจใส่ รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ฯลฯ ก็ย่อมจะได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ถ้าปลูกแล้วไม่สนใจดูแล ปล่อยตามมีตามเกิด ก็อาจได้ผลบ้างแต่ไม่มากเท่าที่ควร หรือปล่อยทิ้งไว้ สัตว์มาเหยียบย่ำ หรือคนมารื้อทิ้งเสีย ก็อาจไม่ได้ผลเลยก็ได้

เรื่องของกรรมที่ทำก็เหมือนกัน ทันทีที่ทำ แนวโน้มที่มันจะให้ผลย่อมมี ถ้าไม่มีอะไรมาขัดขวาง มันก็จะให้ผลตามลักษณะของกรรมที่ทำ เพราะเหตุนี้แหละพระท่านจึงว่า “ทำกรรมดีย่อมได้ผลดี ทำกรรมชั่วย่อมได้ผลชั่ว” (ให้สังเกตคำว่า “ย่อมได้” ท่านมิได้พูดว่า “ต้องได้”

ท่านจึงเปรียบการให้ผลของกรรมที่ทำเหมือนสุนัขไล่เนื้อ

กรรมเหมือนสุนัข คนที่ทำกรรมเหมือนเนื้อ ลองวาดภาพดูเนื้อที่สุนัขไล่ล่าเอาชีวิต แนวโน้มที่สุนัขมันจะทันนั้นย่อมมีมาก มันทันเมื่อใด มันก็กัดเนื้อเมื่อนั้น กรรมก็เหมือนกัน มันไล่ตามสนองคนทำกรรมทุกระยะ เมื่อมัน “ทัน” เมื่อใดมันก็สนองผลเมื่อนั้น

แต่โอกาสที่สุนัขมันไล่ไม่ทันเนื้อก็ย่อมมี สุนัขมันอาจเป็นสุนัขแก่ เรี่ยวแรงถดถอยไล่ไปหอบแฮ่กๆ ไป ไม่ทันเนื้อหนุ่มที่หนีสุดชีวิตก็เป็นได้ หรือสุนัขมันไล่ไปๆ เกิดขี้เกียจหยุดไล่เอาดื้อๆ หรือกำลังจะทันอยู่พอดี เนื้อมันวิ่งหายเข้าไปในหลืบเขาหรือป่าทึบ สุนัขมองไม่เห็น วิ่งไล่ไปผิดทิศทางก็ได้

อย่างนี้แหละเรียกว่า “โอกาส” หรือ “เงื่อนไข” ใหม่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง

กรรมที่ทำไว้ (ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วนะครับ คนส่วนมากพอพูดถึงกรรม ก็นึกแต่กรรมชั่วอย่างเดียว) มีแนวโน้มที่จะสนองผล แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปตามนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ย่อมมี “โอกาส” หรือ “เงื่อนไข” ใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

โอกาส หรือเงื่อนไข ที่ว่านี้ก็คือ กรรมใหม่ที่เราทำนั้นเอง สมมติว่าเราทำกรรมชั่วบางอย่างไว้ เรามีโอกาสทำกรรมดีในเวลาต่อมา และทำบ่อยๆ ทำมากๆ ด้วย กรรมชั่วที่ทำไว้ก่อนนั้น มันก็รอจังหวะจะสนองผล

ดุจสุนัขกำลังไล่ล่าเนื้อ แต่กรรมดีใหม่ๆ ที่เราทำไว้ก็มีมาก มันอาจทำให้กรรมเก่านั้นเบาบาง หรือจางหายไปจนไม่สามารถให้ผลเลยก็ได้

หลักวิชาเรื่องกรรมมีว่า
– กรรมบางอย่างทำแล้วให้ผลทันตาเห็น หรือให้ผลไม่ช้าไม่นานหลังจากทำ เช่น อาจเป็นเดือนนั้น ปีนั้น
– กรรมบางอย่างไม่ให้ผลทันที แต่จะให้ผลในกาลข้างหน้า เช่น เดือนหน้า ปีหน้า หรือชาติหน้า
– กรรมบางอย่างให้ผลในโอกาสต่อๆ ไป เช่น เดือนต่อๆ ไป หรือปีต่อๆ ไป หรือชาติต่อๆ ไป
– กรรมบางอย่างไม่มีโอกาสให้ผลเลย กลายเป็นอโหสิกรรมไป

ดูอย่างองคุลิมาลโจรสิครับ ฆ่าคนมากมายหลายชีวิต แต่ในบั้นปลายแห่งชีวิต ได้พบพระพุทธองค์ ได้ฟังธรรมบรรลุเป็นพระอรหันต์ กรรมชั่วที่ทำไว้ จ้องจะ “ตะครุบ” อยู่พอดี แต่ “เงื่อนไขใหม่” ที่แรงกว่า (คือการบรรลุพระอรหันตผล) มาขัดจังหวะพอดิบพอดี

กรรมที่ทำไว้ก็เลยกลายเป็น “อโหสิกรรม”

เจ๊าไปเลย มันเป็นอย่างนั้นเสียล่วย!

ทุกอย่างเป็นอนิจจัง กฎแห่งกรรมก็ตกอยู่ในความเป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงได้ และคนที่จะเปลี่ยนก็คือตัวเราเอง

ใครเผลอทำอะไรไม่ดีไว้ ก็ไม่ต้องตกใจรีบสร้างความดีด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และอื่นๆ อีก (มีอะไรบ้างจะนำมาเล่าทีหลัง)

ทำให้บ่อยๆ ทำให้มากๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วย “สลายพลังกรรมชั่ว” ทีละนิดๆ จนกระทั่งหมดไปในที่สุด

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.333 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 23 พฤศจิกายน 2566 12:12:04