[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
27 เมษายน 2567 12:51:31 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พิจารณาปัจจเวกทั้ง 4  (อ่าน 1249 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1 Firefox 4.0.1


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 02 มิถุนายน 2554 10:02:36 »










มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม ละบาปกิเลสงำ จรดนิ่งตามแนวแห่งพุทธ สุขแท้จริง ผดุงสิ่งดีงาม ตามพุทธองค์ จิตว่าง วางแล้ว ละเลิก บุกเบิก ทางสว่าง อย่ามัวหลง ปรับชีวิต ทวนวิถึที่ปักลง ปลดและปลง วิถีเก่า เข้าหาธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม ละบาปกิเลสงำ จรดนิ่งตามแนวแห่งพุทธ สุขแท้จริง ผดุงสิ่งดีงาม ตามพุทธองค์ จิตว่าง วางแล้ว ละเลิก บุกเบิก ทางสว่าง อย่ามัวหลง ปรับชีวิต ทวนวิถึที่ปักลง ปลดและปลง วิถีเก่า เข้าหาธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม ละบาปกิเลสงำ จรดนิ่งตามแนวแห่งพุทธ สุขแท้จริง ผดุงสิ่งดีงาม ตามพุทธองค์ จิตว่าง วางแล้ว ละเลิก บุกเบิก ทางสว่าง อย่ามัวหลง ปรับชีวิต ทวนวิถึที่ปักลง ปลดและปลง วิถีเก่า เข้าหาธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม


My Blog...........http://bangkokchinatown.wordpress.com/

My Blog...........http://7star2011.wordpress.com/

My Forums...............http://forums.212cafe.com/boxser/




ถาม.......................ขอเรียนถามท่านผู้รู้ เกี่ยวกับวิธีการพิจารณาปัจจเวกทั้ง 4 อย่างคือ จีวร  

บิณฑบาตเสนาสนะ และเภสัช จึงขอทราบวิธีการและรายละเอียดของการพิจารณด้วย ขอขอบคุณและอนุโมทนา




ตอบ....................ปัจจเวก คือการพิจารณา

พิจารณาด้วยปัญญา...............................................................................

วิธีการพิจารณาปัจจเวกขณะทั้ง 4 อย่างคือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัช

หรือเรียกว่า ปัจจเวกขณสุทธิ คือ การบริสุทธิ์ด้วยการพิจารณาก่อนที่จะใช้สอย

ปัจจัย 4 หรือเรียกว่า ปัจจัยสันนิสสิตศีลอันเป็นศีลที่พระภิกษุ ที่พิจารณาปัจจัยที่

ได้มาก่อนจึงใช้สอยเหตุผลที่ทรงแสดงการพิจารณาสิ่งที่ได้มาก่อนแล้วค่อยบริโภค

ใช้สอยเพื่อไม่ให้กิเลสอาสวะท้งหลายเกิดในการใช้สอยปัจจัยที่ได้มาอันเป็นการปิด

กั้นกิเลส อาสวะทั้งหลายที่จะเกิดในปัจจุบัน ที่จะเกิดเพราะสิ่งที่ได้มาพระพุทธองค์

ทรงแสดงศีล คือปัจจัยสันนิสสิตศีล เพื่อพิจารณาด้วยปัญญาย่อมบริสุทธิ์ด้วยการ

พิจารณาด้วยปัญญาเป็นปัจจเวกขณสุทธิ ซึ่งปัจจัยก็มี 4 มีจีวร บิณฑบาตเสนาสนะ

และเภสัชดังนั้นจึงเป็นเรื่องของปัญญาในการพิจารณา ปัจจัย 4 ที่ได้มาแล้วใช้สอย

พิจารณาด้วยปัญญาดังนี้.....................................................

1.จีวร พิจารณาโดยอุบายอันแยบคายแล้วจึงใช้จีวรเพื่อบำบัดความหนาวเพื่อ

บำบัดความร้อนเพื่อบำบัดสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดดและสัตว์เสือกคลาน

เพื่อจะปกปิดอวัยวะที่ให้ความละอายกำเริบ    

พิจารณาด้วยปัญญาไม่ใช่ใช้จีวรเพื่อประดับตกแต่งเพียงแต่เพื่ออนุเคราะห์ร่าง

กายนี้ ให้เป็นไปได้เพื่อเจริญอบรมปัญญาครับจึงใช้จีวรโดยอุบายตามที่กล่าวมา

เมื่อพิจารณษดังนี้ กิเลสที่จะเกิดเพราะอาศัยจีวรเป็นต้นก็ไม่เกิด

2.บิณฑบาตอาหารที่ได้มาพิจารณาโดยอุบายอันแยบคายแล้วจึงฉันบิณฑบาต

ไม่ฉันเพื่อเล่นไม่ฉันเพื่อเมาไม่ฉันเพื่อประดับไม่ฉันเพื่อตกแต่งฉันเพื่อความ

ดำรงกายนี้เพื่อให้กายนี้เป็นไปเพื่อเว้นความลำบากแห่งกายนี้เพื่ออนุเคราะห์แก่

พรหมจรรย์ด้วยมนสิการว่าเราจะบำบัดเวทนาเก่าจักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น

ความเป็นไปสะดวกความไม่มีโทษ ความผาสุกจักมีแก่เรา

ดังนั้นเมื่อได้อาหารก็พิจารณาด้วยปัญญาอย่างนี้ เช่น ฉันอาหารเพื่อดำรงชีวิตเท่า

นั้นเพื่อที่จะได้เมื่อหิวก็แค่หายหิว(บัดบำเวทนาเก่าไม่ให้เวทนาใหม่กำเริบ)รวมทั้ง

ร่างกายก็ต้องการอาหารจึงบริโภคด้วยการพิจารณาด้วยปัญญาว่าแค่ดำรงชีวิตให้เป็น

ไปเพื่อที่จะได้อนุเคราะห์พรหมจรรย์ คือ ได้มีโอกาสอบรมปัญญาต่อไปเพราะการมี

ชีวิตอยู่ก็ต้องอาศัยการบริโภคอาหารเมื่อพิจารณาด้วยปัญญาอย่างนี้กิเลสก็ไม่เกิดขึ้น

เพราะอาศัยอาหารเพราะโดยมากก็ทานกัน อิ่มแล้วก็ไม่พอยังอร่อยอยู่กิเลสก็กำเริบ

เพราะอาศัยอาหาเป็นต้น

3.เสนาสนะที่นั่ง ที่นอนพิจารณาโดยอุบายอันแยบคายแล้วจึงเสพใช้สอย

เสนาสนะเพื่อบำบัดความหนาวเพื่อบำบัดความร้อนเพื่อบำบัดสัมผัสแห่งเหลือบ  

ยุงลมแดดและสัตว์เลื้อยคลานเพื่อความบรรเทาอันตรายอันเกิดแต่ฤดูเพื่อ

ความยินดีในความหลีกเร้น    

ดังนั้นเมื่อใช้สอยเสนาสนะก็ใช้สอยด้วยการพิจารณาด้วยปัญญาไม่ใช่ใช้สอย

ที่นั่ง ที่นอน หรือที่อยู่เพื่อความยินดี เพิ่มโลภะ เช่น ประดับตกแต่ง เป็นต้นแต่เมื่อ

พิจารณาด้วยปัญญาตามที่กล่าวก็ย่อมบริสุทธิ์และกิเลสที่จะเกิดขึ้นเพราะอาศัยการ

ใช้สอยเสนาสนะก็ไม่เกิดขึ้น

4.คิลานปัจจัยเภสัชบริขารพิจารณาโดยอุบายอันแยบคายแล้วจึงใช้คิลานปัจจัย

เภสัชบริขาร เพื่อบำบัดทุกขเวทนาอันเกิดเพราะธาตุกำเริบซึ่งเกิดขึ้นแล้วเพื่อ

ความลำบากเป็นอย่างยิ่งเป็นกำหนดเท่านั้น  

การใช้ยาก็เพื่อรักษาโรคเพื่อที่จะได้ดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่จะอบรมปัญญาต่อไปด้วย

การพิจารณาอย่างนี้จึงเป็นอันบริสุทธิ์เพราะอาศัยการพิจารณาด้วยปัญญา

จากที่กล่าวมาจึงเป็นการพิจารณาด้วยปัญญาเมื่อได้ปัจจัย 4 แล้วจะใช้สอยก็ให้

พิจารณาด้วยปัญญาเพื่อป้องกันกิเลสที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันที่สำคัญที่สุดคือใน

เรื่องศีล ที่เป็นเรื่องการพิจารณาปัจจัย 4 ที่กล่าวมานั้น ไมไ่ด้มีเพียงแค่นี้ศีล มี 4

ประการคือ ปาติโมกข์สังวรศีล อินทรียสังวรศีล อาชีวปาริสุทฐิศีล ปัจจยสันนิสิตศีล

(ศีลเพระาอาศัยการพิจารณา)ซึ่งปัจเวกขณ 4 อย่างก็คือปัจจยสันนิสิตศีลตามที่

กล่าวมาในความเห็นข้างต้นแต่การจะบรรลุธรรมขาดปัญญาไมไ่ด้เลย ดังนั้นศีลที

เ่ป็นไปในการอบรมปัญญาประการหนึ่ง คือ อินทรียสังวรศีล คือการอบรมปัญญาที่เป็น

การสำรวมทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ นั่นก็คือการเจริญสติปัฏฐาน 4 ระลีกลักษณะ

ของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจดังนั้นจึงอบรม

ปัญญาและศีลประการต่างๆก็ย่อมทำให้ถึงความสิ้นทุกข์ได้สำหรับคฤหัสถ์ก็

สามารถอบรมปัญญาที่เป็นอินทรียสงวรศีล คือการระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มี

จริงทีเ่ป็นสติปัฏฐานได้ปัจจัย(เครื่องอาศัย)ของบรรพชิต มี ๔ อย่างไ้ด้แก่ จีวรเครื่องนุ่งหุ่มอาหาร

บิณฑบาต เสนาสนะที่อยู่อาศัย และ ยารักษาโรค{ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง}ซึ่งเพียง

พอต่อการที่จะสามารถยังชีวิตให้ดำเินินต่อไปได้ตามครรลองของความเป็นบรรพชิต

ที่มุ่งขัดเกลากิเลสเป็นสำคัญและประการที่สำคัญการพิจารณาไม่ใช่เป็นการ

ท่องคำภาษาบาลีโดยที่ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลยว่าคำนั้น ๆ หมายถึงอะไรเพราะ

แท้ที่จริงแล้วเป็นปัญญาที่เห็นประโยชน์ของการใช้สอยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านั้นไม่ใช่

เพื่อความติดข้องต้องการไม่ใช่เพื่อความเป็นผู้เพลิดเพลินประมาทมัวเมาแต่เพื่อ

อาศัยปัจจัยเหล่านั้นแล้วสามารถให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้เพื่อประโยชน์ในการศึกษา

พระธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเองจนกว่าจะดับได้อย่างหมดสิ้น

ในที่สุดดังข้อความตอนหนึ่งจากพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒

ภาค ๒(อรรถกถา ทีฆนิกายมหาสติปัฏฐานสูตรหน้า ๓๓๘)ที่ว่าพระสัมมา

สัมพุทธเจ้าพระองค์มิได้ทรงพิจารณาเห็นว่า ภิกษุ บริโภคใช้สอยปัจจัยเหล่านี้

แล้วจักมีร่างกายแข็งแรงอยู่เป็นสุขดังนี้ แล้วจึงอนุญาตการใช้สอยปัจจัยโดยที่แท้

พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าภิกษุอาศัยปัจจัยเหล่านี้แล้ว บำเพ็ญสมณธรรมจักพ้น

จากทุกข์ใน(วัฏฏะ)ได้ดังนี้แล้วจึงทรงอนุญาตการใช้สอยปัจจัยไว้แต่ต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อน




(:LOVE:)ประชาสัมพันธ์ รัก



ทุกวันอาทิตย์

ขอเชิญร่วมรายการสนทนาธรรมที่

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

ดังรายการต่อไปนี้

เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๐:๑๕ น.

สนทนาพระวินัย

โดย........................คณะวิทยากร

พัก ๑๕ นาที

เวลา ๑๐:๓๐ - ๑๒:๐๐ น.

สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม

โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

เวลา ๑๓:๐๐ - ๑๔:๐๐ น.

สนทนาพื้นฐานปัจจัยสภาพธรรม

โดย...............คณะวิทยากร

เวลา ๑๔:๐๐ - ๑๖:๐๐ น.

สนทนาเรื่องปฏิบัติธรรม

โดย..................อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 02 - 4680239




ข้อมูลนี้มาจาก มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาบ้านธัมมะ 136 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230



......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ................................

<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/07.%20Track%207.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/07.%20Track%207.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/07.%20Track%207.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มิถุนายน 2554 13:43:29 โดย 時々sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

คำค้น: พิจารณาปัจจเวกทั้ง 4 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.443 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 27 มีนาคม 2567 12:11:11