[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 14:21:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พิธีสตี - เผาตัวตายตามสามี บนเกาะบาหลี  (อ่าน 275 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5437


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 107.0.0.0 Chrome 107.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2565 15:06:47 »


หญิงกำลังกระโจนลงกองเพลิงตายตามสามี
ภาพจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พิธีสตี บนเกาะบาหลี

คำว่า "สตี" เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า “ภรรยาผู้ซื่อสัตย์” การเป็นสตรีผู้ทรงคุณความดีนั้นต้องซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างสูง และต้องเมตตากรุณาต่อญาติพี่น้อง

พิธีสตี หมายถึงประเพณีการทำศพของชาวฮินดู เป็นการบูชายัญตนเองของหญิงหม้ายในพิธีศพของสามี บางครั้งเต็มใจ แต่บางครั้งก็ถูกคนอื่นบังคับ เข้าใจว่ามีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ไม่ต่ำกว่า ๑,๕๐๐ ปี ก่อนคริสต์ศักราช โดยปรากฏอยู่ในคัมภีร์ฤคเวท ตำราทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ในคัมภีร์ฤคเวทมณฑลที่ ๑๐ บทสวด (สูกตะ) ที่ ๑๘ กล่าวถึงพิธีศพของชาวอารยัน มีข้อความที่ชี้ให้เห็นว่าสตรีที่สามีตายจะนอนเคียงข้างศพสามีบนเชิงตะกอน นอกจากนี้มีข้อความในบทสวดเดียวกันนั้นว่า “ขออย่าให้สตรีเหล่านี้กลายเป็นหญิงม่าย ขอให้ภรรยาที่ดี ผู้ตกแต่งร่างกายด้วยน้ำมัน และถือน้ำมันเนย จงสังเวยตนเองแด่พระอัคนี ขอให้สตรีผู้เป็นอมตะ ผู้ไม่ไร้บุตรและสามี ผู้ประดับกายด้วยรัตนาภรณ์ จงเข้าไปในไฟซึ่งมีน้ำเป็นแหล่งกำเนิด” (ฤคเวท ๑๐.๑๘.๗)

หญิงหม้ายที่ทำพิธีสตรีนี้จะถูกยกย่องให้เป็นราณีสตีเทวี และเรียกพื้นที่ที่ประกอบพิธีว่า สตีสถล (สตีสะถะละ) แล้วสร้างโบสถ์หรือวัดเพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชาต่อไป


พิธีสตี บนเกาะบาหลี

เรื่องพิธีสตีนี้ โดยมากกล่าวว่าเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ความจริงเหตุการณ์ของพิธี ”สตี” มีในเมืองบาหลีมาแต่ครั้งโบราณ หลักฐานปรากฏใน "คำให้การจีนกั๊ก เรื่องเมืองบาหลี" หนังสือประชุมพงษาวดารภาคที่ ๗ พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร ปีมเมีย พ.ศ.๒๔๖๑  ซึ่งเป็นหนังสือที่น่าอ่านในทางศึกษาโบราณคดี

บนเกาะบาหลี มีผู้นับถือศาสนาฮินดูเป็นหลักและรับเอาวัฒนธรรมจากอินเดียเป็นอันมากมารวมกับวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น และนำไปปฏิบัติอย่างแพร่หลาย แตกต่างจากบริเวณอื่นของประเทศอินโดนีเซียที่นับถือศาสนาอิสลาม

คำให้การจีนกั๊ก เรื่องเมืองบาหลีนั้น คือ เมื่อปีมะเมีย จุลศักราช ๑๒๐๘ หรือ พ.ศ.๒๓๘๙ ในรัชกาลที่ ๓ พระยาสวัสดิวารี แต่งสำเภาจีน ให้จีนกั๊กเป็นนายเรือไปค้าขายที่เมืองบาหลี อยู่ทางใต้ใกล้กับเกาะชวา เมื่อจีนกั๊กกลับมาถึงกรุงเทพฯ จึงโปรดให้ถามจีนกั๊กเพื่อจะได้ทรงทราบภูมิประเทศ การงานบ้านเมือง ตลอดระยะทางที่ไปมา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งให้นำคำให้การจีนกั๊กให้กรมพระอาลักษณ์จำลองไว้ที่โรงอาลักษณ์ (หมายถึง จดคำให้การไว้ในราชการ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีการพิมพ์ ต้องใช้วิธีชุบหมึกเขียนด้วยอาศัยลายมือ)

ในคำให้การของจีนกั๊ก ได้เล่าถึงพิธีศพของชาวบาหลี ว่า ถ้าขุนนางตายใส่โลงเหมือนกับคนไทย ไว้ศพเดือน ๑ บ้าง ๒ เดือนบ้าง ๓ เดือนบ้าง ๔ เดือนบ้าง ๕ เดือนบ้าง ปีหนึ่งบ้าง    แล้วมีคนนุ่งขาวห่มขาวอยู่พวกหนึ่ง ประมาณ ๕๐-๖๐ คน  เป็นคนไม่มีภรรยา  เจ้าเมืองเลี้ยงให้กิน จะเป็นชาวบาหลีบวช หรือเป็นพวกพราหมณ์อย่างไรไม่ทราบ  ถ้าเจ้าเมืองออกว่าราชการงานเมือง คนนุ่งขาวห่มขาวพวกนี้ไปนั่งเป็นที่ปรึกษาและสำหรับเขียนหนังสืออยู่ด้วย เพลาละ ๒ คนบ้าง ๔ คนบ้าง  ถ้าเจ้าเมืองจะไปไหน คนนุ่งขาวห่มขาวพวกนี้นำหน้าไป ๒ คนบ้าง ๔ คนบ้างทุกครั้ง  

เมื่อขุนนางและชาวบ้านตายก็ไปเรียกคนพวกนี้มาสวดเพลาบ่ายวันละ ๓ คนเสมอทุกวัน  แล้วบุตรภรรยาพี่น้องผู้ตายเอากำยานไปเผา เอาดอกไม้ไปวางข้างโลง แล้วเอาข้าวไปเซ่นทุกวันจนกว่าจะเผา  เมื่อกำหนดจะเผานั้นบรรดาพวกญาติพี่น้องเอาไม้ไผ่มาทำเป็นร้านม้าขึ้น ๓ ชั้น  ชั้นล่างเอาผ้าขาวปิด  ชั้น ๒ ชั้น ๓ เอาแผงกรุแล้วเอากระดาษสีปิดทับ เอาสำลีย้อมสีแดง สีเขียว สีเหลือง สีน้ำเงิน สีขาว รวม ๕ สี กับทองอังกฤษมาติดทำเป็นลายดอกไม้หรือลายริ้วต่างๆ   หลังคาเป็นหลังเจียดดาดผ้าขาวมีดอกไม้สดห้อยคล้ายๆ กับเครื่องศพไทย   โลงนั้นเอาผ้าขาวปิด มีปี่พาทย์เหมือนกับเล่นละคร ตีไปบนร้านม้า  ชั้นล่างมีคนหาม  ถ้าร้านใหญ่คนหาม ๕๐-๖๐ คน  ถ้าร้านม้าเล็กคนหาม ๒๐-๓๐ คน  ดอกไม้ทำด้วยทองอังกฤษ คนถือแห่หน้าศพประมาณ ๒๐-๓๐ คน  มีคนนุ่งขาวห่มขาว ๔ คน ถือขันเงินใส่ข้าวตอกดอกไม้ โปรยไปตามทาง  บุตรภรรยาญาติพี่น้องตามไปข้างหลัง  

แต่ภรรยาที่จะตายตามผัวนั้น นุ่งขาวหุ่มขาว ไปถึงที่เผาเป็นที่ว่างเปล่า แล้วพูนดินขึ้นสูงศอกเศษ รื้อเอาเครื่องศพทำพื้น แล้วขุดหลุมเผาเคียงที่เผาศพสามี ยาว ๔ ศอก กว้าง ๔ ศอก ลึก ๓ ศอก ๔ เหลี่ยม  เอาไม้ไผ่พันผ้าชุบน้ำมันมะพร้าวใส่ไว้ให้เต็มหลุม แล้วผู้ที่จะตายตามนั้นมีหนังสือไปบอกเจ้าเมืองใหญ่ว่าจะขอตายตามผัว  เจ้าเมืองมีหนังสือห้ามมาว่าเขาตายแล้วก็แล้วไปเถิดอย่าตายตามเขาเลย ครั้งหนึ่ง สองครั้ง หญิงผู้ที่จะตายนั้นไม่ฟัง จึงมีหนังสือไปบอกอีกครั้ง เป็นสามครั้ง เจ้าเมืองจึงมีหนังสือมาว่า ห้ามไม่ฟังแล้ว มีน้ำใจรักใคร่ผัว จะตายกับผัวได้ก็ตายเถิด   คนนุ่งขาวห่มขาวเหมือนพราหมณ์ ๔ คนจึงเอาไฟจุดเผาศพผู้ตายก่อน แล้วจึงจุดไฟในหลุมด้วย  ญาติพี่น้องจึงเอาผ้าพันไม้บ้าง ด้ายพันไม้บ้าง ชุบน้ำมันมะพร้าว จุดไฟเผาติดพร้อมแล้ว หญิงภรรยาที่จะตายนั้น อำลาบิดามารดาญาติพี่น้องแล้วก็โจนลงในหลุมตายไปด้วยกัน  ดอกไม้ทองอังกฤษที่แห่ศพไปนั้น ก็ทิ้งเข้าไปในไฟเผาเสียด้วย

รุ่งเช้าญาติพี่น้องชวนกันไปเก็บกระดูกใส่ขันเงินคนละขันทั้งสองคน เอามาไว้ที่เรือน เซ่นข้าว ๓ เพลา ทั้งเช้า กลางวัน เย็น ครบหนึ่งเดือนแล้ว จึงไปหาคนนุ่งขาวหุ่มขาว ๔ คนมาแห่เอากระดูกไปทิ้งที่ทะเล

หญิงที่จะตายตามผัวได้นั้น ที่เป็นภรรยาเจ้าเมือง ปลัดเมือง ถ้าผัวตายแล้วจะมีผัวอีกไม่ได้ ถ้ามีผัวอีกญาติที่น้องข้างผัวที่ตายไปร้องฟ้องแก่เจ้าเมือง  เจ้าเมืองทำโทษ บางทีฆ่าเสียบ้าง ขายเสียบ้าง  ภรรยาที่ไม่มีบุตรนั้นจะมีผัวอีกก็ไม่ได้เหมือนกัน จึงต้องไปตายเสียกับผัว  บางทีมีหนังสือไปบอกเจ้าเมืองว่าจะตายตามผัว เจ้าเมืองมีหนังสือห้ามครั้งหนึ่งบ้าง สองครั้งบ้าง ฟังคำเจ้าเมืองที่ไม่ตายตามผัวก็มี  หญิงภรรยาไพร่บ้านพลเมืองนั้นไม่ต้องตายตามผัว ผัวตายแล้วจะผัวอีกก็ได้ ไม่มีโทษ.

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 พฤศจิกายน 2565 15:15:35 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
'พิธีสตี' เกิดขึ้นในอินเดียมากว่าพันปี
ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
Kimleng 0 3002 กระทู้ล่าสุด 15 มิถุนายน 2557 18:26:13
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.336 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 06 เมษายน 2567 00:35:04